ถ้าโยนให้เป็นเรื่องของบุญวาสนา มันก็สบายใจดีครับ, แต่สังคมมองว่าพวกนี้แหละ(บางคน) คือต้นตอของ"สองมาตรฐาน"ครับ... และที่สำคัญพวกนี้(บางคน)แหละใช้ทรัพยากรส่วนรวมอย่างสิ้นเปลือง...
ใครรับราชการแล้วโดนพวก"ฟาสแทรก"มันแซงหน้า ข้ามหน้าข้ามตาไปกินตำแหน่งดีๆ เป็นเพราะตระกูลฯใหญ่โต... คนที่โดนแซงเขาก็มักสงสัยว่าใครมันเป็นเจ้าของแผ่นดินไทยนั่นแหละครับ(ถ้าเป็นบริษัทฯ ก็ว่าไปอย่างฯ)...
เรื่องระบบอุปถัมภ์นี่ในเอกชนนายสมชายยังพอไหว ตัวอย่างพวกลูกผู้มีอันจะกินตามกระทู้นี้ นายสมชายยังพอทำใจได้(เงินของพวกท่านเองนี่หว่า) เพียงอยากให้เขาแบ่งความสุขให้คนจนที่ถูกน้ำท่วมมั่งเท่านั้นเองครับ... แต่ถ้าอยู่ในระบบราชการนี่เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่เขาต้องตั้งสำนักงาน ก.พ. มาเพื่อทำลายระบบอุถัมภ์นี้ให้จงได้(ได้สำเร็จหรือไม่นั่นอีกเรื่องนึงครับ)...
อ่าน ความเห็นของคุณสมชายฮา แล้ว ก็นึกถึงบทกวีบทนี้ ของคุณ วิทยากร เชียงกูล แต่งในวัยหนุ่ม
มหกรรมของสัตว์เมืองในมุมหนึ่งของโลกที่โศกนี้
ยังคงมีความสุขสนุกแสน
สร้างมาจากความยากลำบากแค้น
ของคนแคลนสิ้นไร้ไปทั้งนั้น
ณ มุมนี้มีแต่งานการเริงรื่น
คนแช่มชื่นอิ่มอาบดังภาพฝัน
มีอาหารสูงค่ามาเลี้ยงกัน
สารพันหลากหลายมากมายจริง
เขาแต่งตัวสวยสะงามระยับ
ทุ่มเททรัพย์ใช้จ่ายง่ายดายยิ่ง
เตรียมอาหารล้นเหลือไว้เผื่อทิ้ง
ว่างท่าหยิ่งใส่กันชั้นเชิงนัก
ครั้นกินเหล้าเข้าไปได้ที่หน่อย
ก็ค่อยค่อยเผยนิสัยให้รู้จัก
ต่างคนเอ็ดโวยวายเที่ยวทายทัก
อวดยศศักดิ์เงินตราว้าวุ่นไป
แต่หลายมุมของโลกที่โศกนั้น
คนนับพันนับหมื่นสะอื้นไห้
ด้วยเขาแสนอัตคัดทุกปัจจัย
ทั้งยากไร้คนซึ่งจะพึ่งพา
เสียงไชโยโห่ร้องลำพองคึก
ชวนให้นึกภาพชัดถึงสัตว์ป่า
ยามที่ออกล่าเหยื่อได้เนื้อมา
พวกมันหามีใจเผื่อใครเลย
-----