เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 03, 2024, 10:23:47 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แอบรักสาวมุสลิมมีคำถามครับ?  (อ่าน 14165 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #90 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:36:04 AM »

สำหรับพุทธ ไม่อนุญาตให้ผิดศิลปาณาฯ ในทุกกรณี... หากผู้ใดทำ ก็มีบาปทั้งสิ้นครับ...
บันทึกการเข้า
babor
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #91 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:49:15 AM »


อิสลามก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง  พุทธก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง  คริสต์ก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง  ศาสนาอื่น ๆ  ก็มีทั้งเคร่งและไม่เคร่ง สรุปทุกศาสนาสอนให้คนทำความดีละเว้นความชั่วทั้งนั้น แต่คนเรานั้นแหละตัวดีที่นำมาบิดเบือน เลือกประพฤติ ละเว้นปฏิบัติ จนทำให้โลกและสังคมวุ่นวาย Cheesy
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #92 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:50:02 AM »

เคยเจอคำถาม จากนักกอรี แชมป์เอเชียเมื่อหลายปีก่อน

ถามผมว่า มีกรณีไหนบ้าง ที่มุสลิมกินหมูได้......

งงครับ มีด้วยเหรอ เท่าที่เรารู้มันไม่มีนี่นา

แกบอกว่า กินเพื่อรักษาชีวิตรอด ยามเมื่อหมดแล้วซึ่งอาหารชนิดอื่นที่จะประทังชีวิตได้   ตกใจ

อันนี้ ไม่รู้มาก่อนจริงๆ  เพราะผมเองก็อ่านคำภีร์ไม่ออก และไม่ได้รอบรู้อย่างผู้จบชั้นเจ็ดชั้นสิบ

จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่กล้าเอาความเห็นของนักกอรีท่านนั้นไปถามใคร

จริงครับ กินหมูเป็นบาป แต่ฆ่าตัวตายเป็นบาปหนักยิ่งกว่าหลายเท่านัก
การที่ไม่มีอะไรกิน แล้วมีแต่หมู หากไม่ยอมกินอีกก็เหมือนฆ่าตัวตาย บาปหนักยิ่งกว่านัก

กินหมูเพื่อประทังชีวิตรอดไว้ก่อนอาจบาป แต่เป็นบาปที่ไม่หนักเท่าฆ่าตัวตาย

ขอบคุณคุณซับครับ... นายสมชายก็เพิ่งทราบครับ, แสดงว่าไม่ใช่"ข้อยกเว้น" แต่เป็นข้อพิจารณาให้เลือกวิธีที่บาปน้อยกว่า...

และที่น่าแปลกใจสำหรับศาสนาอื่นคืออิสลาม"อนุญาตให้ฆ่าผู้อื่น"ด้วยครับ, ตามนัยแห่ง"จีฮาด" รายละเอียดตามนี่ครับ(ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก)... http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=54&id=471
   จีฮาด เมื่อมีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้ว โลกตะวันตกได้ให้ความหมายของจีฮาดว่า "สงครามอันศักดิ์สิทธิ์" ซึ่งในอิสลามไม่ได้ให้ความหมายของจีฮาดว่า สงครามอันศักด์สิทธิ์ ในทางศาสนาบัญญัติอิสลามได้ให้ความหมายของคำ จีฮาด ว่า "สงครามที่ยุติธรรม และสงครามที่อยุติธรรม" ความหมายของคำว่า จีฮาด นั้นหมายความว่า การเสียสละด้วยความพยายาม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท กล่าวคือ

        *
          ประการแรกหมายถึงการต่อสู้กับตัวเราเอง
        *
          ประการที่สองหมายถึงสงครามอันชอบธรรม

              ในอิสลามได้ให้ความหมายการต่อสู้เพื่อเอาชนะตัวเองนั้น คือ จีฮาดใหญ่ หมายถึงการขัดเกลากิเลส ความชั่ว การเอาชนะต่อสิ่งที่เป็นภาระการปลดปล่อยตัวเองจากอบายมุขต่างๆ เช่น ความเกลียดชังต่อผู้อื่น ความอิจฉาริษยา เพื่อทำให้ตัวผู้ปฏิบัติมีความใกล้ชิดต่อพระผู้เป็นเจ้า

             ส่วนควมหมายที่สองอิสลามได้ให้ความหมาย จีฮาดเล็ก หมายถึงการทำสงครามที่ชอบธรม การทำสงครามที่ชอบธรรมนั้นตามบทบัญญัติอิสลามหมายถึง การทำสงครามเพื่อป้องกันตัวเองโดยมีเป้าหมายที่จะต่อต้านการโจมตีของศัตรู เท่านั้น ดังมีหลักฐานปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอานอย่างชัดแจ้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่องค์อัลลอฮ์ ได้ทรงอนุญาตให้บรรดามุสลิมต่อสู้กับศัตรูผู้รุกราน ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลฮัจญ์ โองการที่ 39 ความว่า

   "สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง"

    และในซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ โองการที่ 190 ความว่า

    "และพวกเจ้าจงต่อสู้ศัตรูในทางของอัลลอฮ์ ต่อบรรดาผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้า และจงอย่ารุกราน แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบผู้รุกราน"

              จากโองการทั้งสองดังกล่าวข้างต้น ได้ระบุอย่างเด่นชัดแล้วว่าพระองค์อัลลอฮ์นั้น ทรงอนุญาตบรรดามุสลิมให้ทำการต่อสู้ป้องกันตนเอง และอิสลามยังห้ามมิให้รุกรานผู้อื่นด้วย แท้จริงพระองค์ทรงกริ้วผู้รุกราน และได้ระบุในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลบาเกาะเราะฮ์ โองการที่ 194 ความว่า

    "ดังนั้นผู้ใดละเมิดต่อพวกเจ้า ก็จงละเมิดต่อเขาเยี่ยงที่เขาละเมิดต่อพวกเจ้า"

             อิสลามห้ามการสู้รบและการนองเลือดอย่างเด็ดขาด แต่หากสู้รบเพื่อป้องกันตนเองก็เป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาติ ดังปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลบาเกะเราะฮ์ โองการที่ 216 ความว่า

    "การสู้รบได้ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า ทั้งที่มันเป็นที่รังเกียจแก่พวกเจ้า"

    และการเปิดฉากจู่โจมต่อผู้อื่น เป็นสิ่งที่อิสลามห้ามอย่างเด็ดขาด

             ถึง แม้ว่า จิฮาด มีความหมายว่า การสู้รบเพื่อป้องกันศาสนาและและตนเองนั้น มิได้จำกัดอยู่เฉพาะสำหรับการสู้รบในสมรภูมิเท่านั้น แต่เป็นจิฮาดต่อทรัพย์สมบัติ จิตใจ และการสู้รบทางความคิด และแสวงหาหนทางต่างๆ เพื่อเป็นการตอบโต้ศัตรูในทุกรูปแบบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันสังคมอิสลามและหลักการศรัทธาของหมู่ชนในสังคม ให้รอดพ้นจากการทำร้ายของศัตรู

             ซึ่งเรื่องต่างๆ ดังกล่าวเป็นสิทธิอันชอบธรรมสำหรับทุกชนชาติ และถูกแทรกแซงจากข้อตกลงระหว่างประเทศในปัจจุบัน

             เมื่อศัตรูมุสลิมต้องการสร้างสันติภาพ และหยุดการหลั่งเลือด อิสลามก็กำชับมุสลิมให้ยอมรับสันติภาพนั้น ดังปรากฏในคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลอัมฟาล โองการที่ 61 ความว่า

    "และหากพวกเขาโอนอ่อนมาเพื่อการประนีประนอมแล้ว เจ้าก็จงโอนอ่อนตามเพื่อการนั้นด้วย และจงมอบหมายแด่อัลลอฮ์เถิด"

             ยิ่งกว่านั้นอิสลามยังเรียกร้องให้มุสลิมอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสันติ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาในขณะที่มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ทำร้าย มุสลิม ซึ่งจะพบเห็นได้ว่าอัลกุรอาน กำชับให้มุสลิมเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างยุติธรรมและสันติ ดังปรากฏในซูเราะฮ์ อัลมุมตะฮินะห์ โองการที่ 8 ความว่า

    "อัลลอฮ์ มิได้ทรงห้ามพวกเจ้าเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนา และพวกเขามิได้ขับไล่ออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่ พวกเจ้าจะทำวามดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรัผู้มีความยุติธรรม"

              ซึ่งอัลกุรอานอธิบายให้ทราบว่า เป้าหมายของอิสลามคือการเผยแพร่อิสลามและอภัยโทษระหว่างมนุษย์ พร้อมทั้งเกื้อกูลกันเพื่อก่อให้เกิดความสงบสุข

             อย่างไรก็ตามจะพบเห็นว่าสื่อระหว่างประเทศบางสื่อพยายามรุกรานอิสลาม โดยกล่าวว่า ฮิสลามเป็นศาสนาที่ส่งเสริมความรุนแรง ชาตินิยม และการก่อการร้าย ซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ซึ่งไม่มีในพื้นฐานของอิสลาม และตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อิสลามเป็นศาสนาแห่งความเมตตาปรานี และสันติภาพ

    ศาสตราจารย์ ดร. มะห์มูด ฮัมดี ซักซูก

    د. محمود حمدي زقزوق

   

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:53:02 AM โดย ศักดา. » บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #93 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:56:57 AM »

การทำสงครามในอิสลาม

การทำสงครามเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่ปราถณา เพราะมันไม่ได้ทำให้เลือดเนื้อต้องสูญเสียอย่างเดียว แต่ยังทำลายความอยู่เย็นเป็นสุขของผู้คนมากมาย แต่การทำสงครามก็ยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้มีอำนาจที่ใช้ในการค้นหา ผลประโยชน์บางอย่าง หรือเพื่อวางอำนาจทางการเมือง แม้แต่ประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างอเมริกาและอังกฤษก็ยังนำสงครามมา เป็นวิธีการในการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศษฐกิจ ด้วยเหตุนี้อะไรก็ตามที่เป็นกำแพงกันผลประโยชน์ก็จะต้องถูกทำลายทุกวิธีทาง

แต่หากดูเป้าหมายการทำสงครามในอิสลามแล้ว จะเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะเป้าหมายหลักในการทำสงครามในอิสลามมีสองอย่าง คือ

1. เพื่อเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ซึ่งอิสลามได้บอกอย่างชัดเจนว่าจะไม่มีการบังคับให้เข้ารับอิสลาม คุณมีสิทธิที่จะคงอยู่ในศาสนาเดิม

2. เพื่อปกป้องอิสลาม ความหมายของการปกป้องคือปกป้องทุกอย่างที่เกียวกับอิสลาม ปกป้องประเทศจากการถูกรุกรามของศัตรู ปกป้องชื่อเสียงของศาสนา ปกป้องประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจแห่งอิสลาม ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอิสลามหรือไม่

อิส ลามไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดๆ นอกจากที่จะสร้างความสันติสุขให้กับทุกคน เมื่อใดที่อิสลามชนะศึกสิ่งหนึ่งที่อิสลามจะต้องปฏิบัติคือความเสมอภาพความ เท่าเทียมกันระหว่างประชาชนที่อยู่ใต้อำนาจ

ฉะนั้นในช่วงการ ทำสงครามอิสลามจะห้ามไม่ให้ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้ หรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ประโยชน์กับคนเรา อิสลามจะห้ามไม่ให้ทำลาย และคนที่กระทำในสิ่งที่ต้องห้ามถือว่าได้กระทำบาป

และ ท่านศาสนาฑูตได้ฝากให้กับกองทัพทุกคนว่า หากพวกเขาเหล่านั้นไปทำสงครามในที่ใดที่หนึ่ง ก็จงอย่าได้ทำสงครามเมื่อใดที่พวกเขาได้ยินเสียงอาซาน (เสียงเรียกให้ไปละหมาด) หรือได้เห็นมัสยิด

และการทำสงครามในอิสลามจะ ไม่ทำกันอย่างลักๆล่อๆ แต่ทางแม่ทัพหรือผู้นำจะต้องแจ้งให้อีกฝายหนึ่งทราบว่า จะเข้าอิสลามหรืออยากจ่ายจิสยะห์ (จิสยะห์เปรียบเสมือนภาษีที่คนต่างศาสนิกที่อาศัยอยู่ใต้อำนาจอิสลามต้อง จ่ายให้กับประเทศอิสลาม) หรือจะทำสงครามก่อน

ฉะนั้นเขามีสามทางเลือก เข้ารับอิสลาม หรือ คงอยู่ในศาสนาเดิมแต่ต้องจ่ายจิสยะห์ หรือทำสงครามก่อน

ไม่ใช่ว่า ยิงเช้ายิงเย็น ไม่ส่งสัญญาน ฆ่าทุกคน การกระทำแบบนี้ไม่ใช่คำสั่งสอนของอิสลามแน่นอน

http://gotoknow.org/blog/islamicstudies/109498
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2010, 12:07:38 PM โดย ศักดา. » บันทึกการเข้า
pscn
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #94 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 12:29:20 PM »

สิ่งที่เสียใจที่สุด คือ ประโยคหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก

"สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง"

การทำสงครามในพุทธ

-เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ

-เพื่อปกป้องพุทธ เด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้




บันทึกการเข้า
makarms
เมื่อเป้าเคลื่อนไหว สับไกทันที
Hero Member
*****

คะแนน 286
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4441


อัพเดททุกลมหายใจ


« ตอบ #95 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 12:47:10 PM »

เกือบเหมือนกัน.....  Grin
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2010, 12:49:17 PM โดย makarms » บันทึกการเข้า

มิตรภาพนั้นเกิดขึ้นง่าย แต่การรักษาไว้กลับยากยิ่ง......
(จงอย่าแสวงหาความสุข บนความทุกข์ของผู้อื่น
จงเติมน้ำใจสักนิดเพื่อเป็นมิตรที่ถาวร..........)
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #96 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 12:56:31 PM »

สิ่งที่เสียใจที่สุด คือ ประโยคหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก

"สำหรับบรรดาผู้ (ถูกโจมตีนั้น) ได้รับอนุญาตให้ต่อสู้ได้ เพราะพวกเขาถูกข่มเหง"

การทำสงครามในพุทธ

-เพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธ

-เพื่อปกป้องพุทธ เด็ก สตรี คนชรา และคนที่ไม่มีทางสู่ หรือแม้แต่ต้นไม้



เมื่อก่อนไม่มีสงครามแย่งชิงผลประโยชน์กันมากมั้งอย่าลืมว่าช่วงเวลาของศาศนาห่างกันหลายร้อยปีองค์พระศาศดาเลยไม่ได้บัญญัติไว้
บันทึกการเข้า
ban.cha
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #97 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 02:14:57 PM »

ชมคลิปทั้ง 4 แล้วไม่อยากเชื่อเลยครับ
ว่าโลกตะวันตกจะป่าเถื่อนได้ขนาดนี้ เศร้า
บันทึกการเข้า
manabu
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 33



« ตอบ #98 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 02:21:20 PM »

ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด
ขนาดจะรักสาวมุสลิม ยังต้องมีเรื่องราวให้คิด
เจ้าของกระทู้โชคดีจริงๆที่ได้รับข้อมูลอย่างชัดเจน
ยิ่งอ่าน ยิ่งรักพี่น้องมุสลิมครับ
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #99 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 03:02:59 PM »

ความรักยิ่งใหญ่ที่สุด
ขนาดจะรักสาวมุสลิม ยังต้องมีเรื่องราวให้คิด
เจ้าของกระทู้โชคดีจริงๆที่ได้รับข้อมูลอย่างชัดเจน
ยิ่งอ่าน ยิ่งรักพี่น้องมุสลิมครับ

คงไม่ทันแล้วครับเจ้าของกระทู้พิภาคษาความรักของเค้าเรียบร้อยแล้วครับผมไม่ได้มองที่ศาสนาหรอกครับผมมองการตัดลินใจของคน 2คนมากกว่า  ไหว้ ไหว้ ไหว้




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 06, 2010, 05:45:05 PM โดย ศักดา. » บันทึกการเข้า
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #100 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2010, 11:34:29 PM »

บังฟีน  การต่อสู้ตามหลักการศาสนา  ได้ยินมาว่า ชาวนา  ต้นไม้  ผู้บริสุทธิ์   ต้องไม่ถูกทำลายใช่ไหม 
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
รักปืน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -68
ออฟไลน์

กระทู้: 1992


« ตอบ #101 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2010, 09:37:05 AM »

ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม  แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย  แล้วเราหนีไปบวชพระ  จะบาปไหมครับ  แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ

เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ  แบบนี้บาปไหมครับ  จะตกนรกขุมไหนครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
ชายเจษฎ์
ถูกใจ ใช่เลย คริ คริ
Hero Member
*****

คะแนน 1249
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10033


ํก็รักอ่ะ


« ตอบ #102 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2010, 09:47:22 AM »

ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม  แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย  แล้วเราหนีไปบวชพระ  จะบาปไหมครับ  แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ

เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ  แบบนี้บาปไหมครับ  จะตกนรกขุมไหนครับ ไหว้

คำถามแบบนี้ตอบลำบากครับ ขึ้นอยู่กับใจท่านเองครับ ท่านแต่งกับคนมุสลิม ทางมุสลิมถือว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ดังนั้นคนมุสลิมก็จะต้องบอกว่าท่านบาปมาก แต่ถ้าใจท่านเป็นเพียงมุสลิมแต่กาย แต่ใจไม่ใช่ อยู่มาวันนึงเกิดอยากบวช แสดงว่าใจท่านยังเป็นพุทธอยู่ ถามว่าท่านว่าตัวเองจะบาปใหมครับ  Huh

สำหรับผมน่ะ ผมว่าเดินทางสายกลางดีที่สุดครับ ผมเองนับถือพุทธ แต่ถ้ามีพระมาบอกว่าทำทาน บริจาคเงินเยอะๆ แล้วโยมจะได้บุญเยอะ จะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ในชาตินี้และชาติหน้า อย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อครับ  Grin
บันทึกการเข้า

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชา จะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะ ทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ฯ
nitrogen
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #103 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2010, 10:51:21 AM »

ถ้าได้เมียเป็นคนอิสลาม  แล้วเรายังไม่ทิ้งกับเมีย  แล้วเราหนีไปบวชพระ  จะบาปไหมครับ  แล้วศึกมาอยู่กลับ เมียเราต่อจะบาปไหมครับ

เหมือนพ่อใหญ่จิ่วของผมไงครับ  แบบนี้บาปไหมครับ  จะตกนรกขุมไหนครับ ไหว้

คำถามแบบนี้ตอบลำบากครับ ขึ้นอยู่กับใจท่านเองครับ ท่านแต่งกับคนมุสลิม ทางมุสลิมถือว่าท่านเป็นมุสลิมแล้ว ดังนั้นคนมุสลิมก็จะต้องบอกว่าท่านบาปมาก แต่ถ้าใจท่านเป็นเพียงมุสลิมแต่กาย แต่ใจไม่ใช่ อยู่มาวันนึงเกิดอยากบวช แสดงว่าใจท่านยังเป็นพุทธอยู่ ถามว่าท่านว่าตัวเองจะบาปใหมครับ  Huh

สำหรับผมน่ะ ผมว่าเดินทางสายกลางดีที่สุดครับ ผมเองนับถือพุทธ แต่ถ้ามีพระมาบอกว่าทำทาน บริจาคเงินเยอะๆ แล้วโยมจะได้บุญเยอะ จะพ้นทุกข์พ้นเคราะห์ในชาตินี้และชาติหน้า อย่างนี้ผมก็ไม่เชื่อครับ  Grin

พี่ ชายเจษฎ์ ครับ  ผมว่า่คุ้นๆนะสำนวนนี้ ยิ้มีเลศนัย ยิ้มีเลศนัย
มีที่มาที่เดียวกันแน่ๆเลย ผมก็คิดแบบพี่เช่นกันครับ
ถ้าไปเชื่อแบบนี้ คนจนแม้ใจสะอาดบริสุทธิ์ก็หมดโอกาสพ้นทุกข์สิ อ๋อย
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #104 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2010, 11:06:27 AM »

บังฟีน  การต่อสู้ตามหลักการศาสนา  ได้ยินมาว่า ชาวนา  ต้นไม้  ผู้บริสุทธิ์   ต้องไม่ถูกทำลายใช่ไหม 
ครับ  ถ้าเป็นสงคราม ศาสนาจริง แม้แต่ คนที่ ยอมแพ้ ยังต้องเลี้ยงดูปูเสื่อ
สมัยก่อน การทำสงคราม สามีที่เสียชีวิตในสงคราม เหลือแต่ภรรยา โดดเดี่ยว ไม่มีใครดูแลไม่ว่าจะเป็น ฝ่ายรุกรานหรือฝ่ายเดียวกัน
เราสามารถช่วยเหลือเค้าได้ โดยที่มาอยู่ ในฐานะภรรยา คนที่2 เทียบเท่า เมียคนที่ 1(ไม่ใช่ทาส) นี้คือที่มาของ มุสลิม เมีย 4คนด้วยครับ
ส่วน ชาวนา  ต้นไม้  ผู้บริสุทธิ์ ท่านนบี สั่งห้ามเด็ดขาดมิให้ผู้ใดทำร้ายถ้าผู้ใดทำร้ายก็เหมือนเป็น ศัตรู กับ ศาสนาอิสลาม เฉกเช่นพวก ยิว
ครับ   
 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.109 วินาที กับ 22 คำสั่ง