เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 02, 2024, 02:28:22 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 11
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มีเหตุผลอะไรบ้างครับที่ท่านไม่ทานเนื้อ ( เนื้อโค,เนื้อกระบือ)  (อ่าน 15411 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 21 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
godsira รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 46
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 459



« ตอบ #60 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 10:30:42 PM »

แค่ไม่อยากกินครับ... ไม่มีอะไรพิเศษ ที่บ้านไม่กิน แต่ตอนเด็กๆผมก็แอบกินเนื้อเปื่อย เสต็ก เป็นประจำ ก็อร่อยดี

อยู่มาวันนึง ก็ไม่อยากกินซะเฉยๆ ถ้าเหตุผลสุขภาพ รู้สึกว่ากินเนื้อเยอะๆแล้วถ่ายยาก ท้องผูก

เหตุผลส่วนตัวตอนนี้ไม่มีครับ แค่ไม่กินเฉยๆ  Grin เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ แต่ถ้า เข้าป่า หรืออาหารขาดแคลน ก็คงกินครับ  Grin
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #61 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 10:31:20 PM »

ผมกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดครับ  มิได้ถืออันใด  แต่เรื่องความสงสารเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ  คนเลือดกรุ๊ปโออย่างผมย่อยเนื้อได้ดีกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่นๆครับ  Cheesy

งั้นเดี๋ยว ผม ผัดเผ็ด เครื่องในมดให้กิน ครับ คิก คิก คิก คิก


หาไม่ได้จะวานผีทั้งป่าช้าให้ไปหลอกเลย...
น้าน มีขู่ด้วย  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 11:06:24 PM »

ย่อยยากครับ
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #63 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 12:43:43 AM »

กินครับ ............. ชอบด้วย

โดยเฉพาะเนื้อโคขุนย่างหรือทำสเต็ค .............แกงเขียวหวานเนื้อติดมัน  ............. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ Cheesy

ที่ว่าเหนี่ยว ย่อยยาก ก็เลือกเนื้อดีๆสิครับ Wink

อีกประการหนึ่ง โดยอาชีพ ถ้าไม่กินเนื้อวัวแล้ว ............. ทำงานในสนามจะลำบาก เพราะเมนูส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อวัว.....แม้วันนี้จะไม่ค่อยได้ทำงานในสนามแล้ว ...............ก็ยังกินอยู่

ไม่รู้จะเลิกไปทำไม .............. ของชอบ
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #64 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:08:10 AM »

Ha Ha ฮา  ใครเคยได้กิน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว  ตรงท่าทราย วัดราชา  สามเสน
ใกล้หอสมุด  กับตรงตลาด เซ็นต์หลุย์สะพานสาม  บ้างอ่ะคร๊า  เขาตุ๋นจนเปื่อย เคึ่ยวน้ำ
จนกลิ่นเครื่องเทศ หอมฟุ้ง  ยายสั่งเกาเหลาเนื้อเปื่อย  กับข้าวเปล่าใส่ชาม
เอาตะเกียบคุ้ยเข้าปาก  ตอนนั้นเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีสตางค์ กินต้องประหยัด
ข้าวเปล่าสองสามชาม  สั่งจนคนขายค้อนเอา ฮา น้ำแข็งเปล่าก็ฟรีด้วยอ่ะ  ฮา

แต่ตอนหลัง  มันไม่อยากไปเสียเฉยๆ  เหมือนคนหมดประจำเดือน ไม่อยากมีเซ็กส์  ฮา
ก็เลยไม่ได้กินใกล้ๆจะสามสิบปี  ฮา   เข้าตลาดเดินผ่านเขียง กลิ่นเข้าจมูกผะอืด ผะอม ฮา

ฮา แต่เรื่อง "เซ็กส์" ตอนนี้อยู่ระหว่าง "ฟื้นฟู "  ฮา

ยายก็งงงงงง  อ่ะคร๊า  ทำมัยเขาห้ามโน่น ห้ามนี่่
เช่นมุสลิม ห้ามกินหมู   ซิกส์ห้ามกินเนื้อ  เจ้าแม่กวนอิม ห้ามกินเนื้อ ฮา

ยายคิดว่ามันเป็นอุบาย  อ่ะคร๊า 
ใครอยากจะกินอะไร  ก็กินเข้าไปเถอะ  ฮา
"เพราะชีวิตเรา แต่ละคน มีเวลามองดูโลก คนละ สองหมื่นกว่าวัน " ฮา


ชีวิตคนมันสั้นจุ๋ดจู๋ แต่คนมันก็ขยันทะเลาะ ขยันกอบโกย ขยันทำร้ายกันจริงๆ จะรู้ตัวกันมั้ยเนี่ย ว่าวันที่หัวใจหยุดเต้น ไม่รับรู้อะไรแล้ว ทุกอย่างมันไร้ค่าสิ้นดี  Grin


เข้าเรื่องจขกท. เนื้อตามปริมาณการกิน จะน้อยมากครับ แบบว่าเบื่อหมู ไก่ ปลา กุ้งฯ เอาน่ะ..กินมันซักหน่อย แบบนานๆกินทีครับ ไม่ชอบเนื้อควาย มันจะมีกลิ่นสาป 



บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #65 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:12:38 AM »

เนื้อควาย ผมไม่กิน เพราะควาย เจตนาเลี้ยงไว้ใช้งาน ไม่ใช่เพื่อกินเนื้อ แต่พอหมดแรง กลับนำไปขาย  ไม่สมควรเลย

ส่วนเนื้อวัว เป็นสัตว์ใหญ่ ย่อมรับรู้เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะถูกฆ่า จะหลั่งสาร อะไรสักอย่าง  เพื่อให้รางกายเกิดแรงต่อสู้
สารนี้จะอยู่ในร่างกายวัว เมือถูกฆ่าแล้ว และสารนี้เป็นสารพิษกับคนที่กินเข้าไป

ผมไม่กินมานานหลายสิบปีแล้ว บางครั้งก็มีบ้าง แต่ไม่มากนักครับ ถ้ารู้ว่า เป็นวัวเนื้อ วัวขุนเพื่อกินเนื้อ  


เคยได้ยินว่าโคขุนสมัยใหม่ครับพี่  ไหว้

การฆ่าสัตว์ตามหลักสากล
อ.น.สพ. เสรี แข็งแอ
การฆ่าโค
   การฆ่าโคให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากลนั้น มีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะส่งออกเนื้อโคเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยความตระหนักในความสะอาดปลอดภัยของผู้บริโภคที่นับวันจะสูงขึ้น และรัฐบาลก็มีนโยบายที่จะทำให้การฆ่าสัตว์เข้าสู่ระบบและมีความเป็นมาตรฐาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายจะต้องนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติให้บังเกิดผล ต่อไปนี้จึงจะได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติในการฆ่าโคอย่างถูกตัองตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งในปัจจุบันในประเทศไทยมีการปฏิบัติจริงอยู่เฉพาะในบางโรงฆ่าโคที่ฆ่าโคเพื่อส่งขายในตลาดชั้นสูง ซึ่งยังไม่แพร่หลายนัก แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้ การฆ่าโคจะต้องทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ถึงแม้ว่าการปฏิบัติอาจทำไม่ได้ทั้งหมดในวันนี้ แต่ในอนาคตอันใกล้ก็คาดหวังว่าจะสามารถนำไปปฏิบัติได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและได้เนื้อโคที่สะอาด ปลอดภัย และถูกใจผู้บริโภค
ขั้นตอนในการฆ่าโค
1.   การขนส่งสัตว์
การขนส่งโคจากฟาร์มสู่โรงฆ่าต้องทำอย่างระมัดระวังไม่บรรทุกแน่นจนเกินไป จะทำให้สัตว์เกิดความเครียด การไล่ต้อนต้องทำอย่างเงียบๆ ไม่ให้สัตว์ตื่นกลัว พื้นรถบรรทุกจะต้องไม่ลื่น การนำสัตว์ขึ้นหรือลงจากรถบรรทุกต้องระมัดระวังการล้มของสัตว์ การขังสัตว์ไว้ในคอกพักสัตว์แต่ละคอกไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่คอกสัตว์
2.   การอดอาหาร
ก่อนทำการฆ่าโคต้องให้โคอดอาหารไว้ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยที่มีน้ำให้กินตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้เอาเลือดออกได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ทำให้มีเลือดคั่งในกล้ามเนื้อน้อยที่สุด ซากจะมีสีสดกว่าโคที่ไม่ได้อดอาหาร
3.   การตรวจโคก่อนฆ่า
ในขณะที่ทำการพักสัตว์จะต้องทำการตรวจสุขภาพโคก่อนฆ่า เพื่อคัดเลือกฆ่าเฉพาะโคที่มีสุขภาพสมบูรณ์เหมาะกับการบริโภคเท่านั้น โคที่ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยจะถูกคัดออก โดยเฉพาะที่ป่วยเป็นโรคที่สามารถติดต่อมาสู่คนได้จะต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน และรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการตรวจก่อนฆ่าเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวินิจฉัยร่วมกับการตรวจภายหลังฆ่า
วิธีการตรวจโคก่อนฆ่าเริ่มจากการดูสุขภาพภายนอกทั่วๆไปของโคว่ามีอาการผิดปรกติอย่างไรหรือไม่ ดูลักษณะของอุจจาระปัสสาวะ ดูลักษณะของผิวหนัง ขน ความอ้วนผอม สังเกตลักษณะการหายใจว่ามีความผิดปรกติหรือไม่ ตรวจดูเยื่อชุ่มตามปาก จมูก ตา ว่ามีสีผิดปรกติหรือไม่ อาจต้องวัดอุณหภูมิหรือตรวจโดยละเอียดอย่างอื่นประกอบถ้าจำเป็น
สัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือเป็นโรคหรือมีลักษณะที่ไม่เหมาะสมที่จะนำเนื้อมาบริโภค สำหรับประเทศไทยได้มีการบัญญัติไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 3 ที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าและจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 ในส่วนของโคได้แก่วัณโรค โรคพิษสุนัขบ้า โรคบรูเซลโลซีส โรคบาดทะยัก โรคไข้ขา โรคแอนแทรกซ์ โรคปากและเท้าเปื่อย โรคเมลิโอไอโดซีส โรคเลปโตสไปโรซีส โรคพาราทูเบอร์คูโลซีส โรคแอกติโนมัยโคซีส โรคแอกติโนบาซิลโลซีส โคที่มีลักษณะบวมทั้งตัว โคที่ผอมแห้งมาก โคที่มีไข้สูงเกิน 105 องศาฟาเรนไฮด์ โคที่ตั้งท้องหรือตกลูกใหม่ โคที่เป็นแผล ฝี ทั่วๆ ไป โคที่ฉีดวัคซีนมาไม่ครบ 21 วัน และโคที่เป็นโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นซึ่งได้แก่ โรครินเดอร์เปสต์ โรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย ซึ่งถ้าสัตวแพทย์ตรวจพบโคที่เป็นโรคหรือมีลักษณะดังกล่าวมานี้จะต้องไม่อนุญาตให้ทำการฆ่า
4.   การทำให้สัตว์สลบ
วิธีการทำให้โคสลบก่อนฆ่าที่ถูกต้องและนิยมใช้กันมากที่สุดก็คือการใช้ปืนยิงสลบ (Captive bolt gun) ซึ่งจะเป็นปืนที่ยิงแท่งเหล็กเข้าไปกระแทกสมองสัตว์ทำให้สัตว์ตายโดยไม่เจ็บปวด ถ้าทำอย่างถูกวิธียิงถูกตำแหน่งจะทำให้สัตว์ตาย แต่ถ้าแท่งเหล็กทิ่มไม่ถึงสมองสัตว์จะยังไม่ตายจนกว่าจะเอาเลือดออก โดยปืนที่ใช้ยิงอาจจะใช้แรงอัดอากาศหรือจากลูกปืนที่ไม่มีกระสุน ทำได้โดยการต้อนโคเข้าไปในซองทีละตัว พื้นซองจะต้องไม่ลื่น แสงสว่างจะต้องสาดมาจากทางด้านบนของซองเพื่อให้โคจะได้แหงนหน้าขึ้นทำให้สะดวกในการยิง ใช้ปืนจ่อยิงเข้าบริเวณกลางหน้าผากตรงเส้นตัดกันระหว่างเส้นที่ลากจากตาซ้ายมาหูขวา กับเส้นที่ลากจากตาขวามาหูซ้าย จุดสำคัญในการตรวจสอบการยิงสลบได้แก่ ต้องยิงให้สลบภายในการยิงครั้งเดียว โคต้องไม่รู้สึกตัว ไม่มีการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าในการต้อนโค และโคต้องไม่ล้มหรือส่งเสียงร้อง ในขณะที่ไล่ต้อนเข้ามาในซอง






ภาพการยิงสลบในโค

       
       
       

   

 แหล่งที่มา http://www.grandin.com/humane/captive.bolt.html
5.   การเอาเลือดออก
เมื่อโคล้มลงให้ใช้โซ่ผูกรัดขาหลังบริเวณข้อแข้งหลัง(hock)  แล้วนำอีกปลายหนึ่งเข้าคล้องกับรอกไฟฟ้า กดสวิทซ์ดึงตัวสัตว์โคขึ้นให้หัวห้อยลงมา ใช้มีดผ่าผิวหนังบริเวณใต้ยอดอก เสร็จแล้วจึงแทงมีดเข้าไปในระหว่างช่องอก พยายามอย่าให้เอียงซ้ายหรือขวาเสร็จแล้วเสือกมีดเข้าไปจนสุดความยาวของใบมีด บิดปลายมีดเพียงเล็กน้อย ใบมีดจะตัดเส้นเลือด carotid artery และ jugular vein ถ้าแทงอย่างถูกวิธีเลือดจะไหลแรง และไหลออกหมดภายในประมาณ 5-7 นาที
โดยทั่วไปแล้วโคจะมีเลือดประมาณ 60 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และจะเอาเลือดออกได้อย่างสมบูรณ์ประมาณครึ่งหนึ่งคือ 30 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
6.   การตัดหัว
เลาะหนังออกจากหัว ตัดผ่ารอบๆ คอ ก่อนจะบิดหัวซึ่งจะทำให้หัวหลุดออกได้โดยง่าย
การตัดแข้งออก
ใช้มีดเปิดผ่าด้านในของแข้งหน้าเลาะไปจนถึงกลางลำตัวที่ยอดอก ทำทั้งสองข้าง รอยผ่าจะไปพบกันที่ยอดอก เลาะเปิดหนังไปจนถึงข้อเข่า ใช้มีดตัดแข้งออกตรงบริเวณรอยต่อ
7.   การเลาะหนัง
เริ่มทำการเลาะหนังบริเวณขาหลัง สะโพก แล้วลงมาด้านข้างของลำตัวเรื่อยไปจนถึงบริเวณอก ส่วนหางให้ผ่ากลางหางด้านในตลอดความยาว แล้วตัดโคนหางก่อนที่จะดึงหลุดออกจากหนังหุ้มได้ทั้งหมด การเลาะหนังต่อไปจะไล่ลงไปจนในที่สุดหลุดออกไปหมด ควรใช้มีดที่ใช้เลาะหนังโดยเฉพาะ ระวังอย่าให้มีดปาดทะลุหนัง เพราะจะทำให้มีตำหนิ ราคาหนังจะตกได้
การผ่ากระดูกอก
ใช้เลื่อยมือเลื่อยผ่ากระดูก sternum ให้แยกกันตรงกึ่งกลางของอก ก่อนเลื่อยให้ใช้มีดผ่าเป็นรอยนำทางก่อน
8.   การเอาอวัยวะภายในออก
ใช้มีดผ่ากลางท้องบริเวณใต้กระดูกเชิงกรานทีผ่าไว้แล้วลงไปจนถึงบริเวณอก ระวังอย่าให้คมมีดถูกลำไส้หรืออวัยวะภายในเพื่อป้องกันการปนเปื้อน จากสิ่งบรรจุในอวัยวะภายใน ดึงอวัยวะภายในทั้งหมดออกยกเว้นไตให้ติดไว้กับซาก ตัดแยกหัวใจ ตับ ปอด จากนั้นล้างซากให้สะอาดทั้งด้านนอกและด้านใน
9.   การแบ่งครึ่งซาก
ใช้เลื่อยผ่าซากออกเป็นสองซีกตามแนวกึ่งกลางของกระดูกสันหลัง  พยายามให้รอยผ่าอยู่ตรงกลางโดยดูจาก spinous process ถูกผ่าออกเป็นสองซีกและแต่ละซีกจะติดอยู่ในแต่ละครึ่งเท่าๆกัน ฉีดน้ำล้างซีก ตัดเนื้อเยื่อและไขมันที่ห้อยรุ่งริ่งและเนื้อเยื่อที่มีรอยช้ำออก พร้อมที่จะทำการตรวจซากได้ เสร็จแล้วทำการชั่งน้ำหนักซาก บันทึกข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ ติดลงไปด้วย
10.   การบ่มซาก
ในการฆ่าโคตามโรงฆ่าสัตว์โดยทั่วไปในประเทศไทยจะไม่มีการบ่มซาก โดยจะทำการตัดแต่งซากทันทีภายหลังจากการเอาเครื่องในออกแล้ว การบ่มซากที่ทำอยู่ในปัจจุบันมีการทำอยู่ในการฆ่าโคขุน ซึ่งกล่าวกันว่าจะทำให้เนื้อมีความนุ่มขึ้นเนื่องจากน้ำย่อย cathepsin ที่มีอยู่แล้วในเนื้อเยื่อของสัตว์จะซึมออกมาทำการย่อยเนื้อเยื่อทำให้มีความนุ่มขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก การบ่มซากทำได้โดยการนำซากเข้าแช่เย็นที่อุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำเข้าสู่กระบนกวนการบ่มที่อุณหภูมิ 5-8 องศาเซลเซียส ความชื้นประมาณ 60% เป็นเวลาประมาณ 20 วัน หลังจากนั้นก็นำซากออกมาตัดแต่งเพื่อส่งจำหน่ายต่อไป
การคัดเกรดซากโค
ปัจจุบันการจำหน่ายเนื้อโคในตลาดของประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังไม่มีการคัดเกรดซากอย่างเป็นะระบบ เท่าที่มีการคัดเกรดจริงจะเป็นการคัดเกรดซากในโคขุน ซึ่งมีการจำหน่ายในตลาดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งอาจยังไม่ได้ใช้การคัดเกรดเต็มรูปแบบ ต่อไปนี้จะกล่าวถึงแนวทางในการคัดเกรดซากตามหลักสากล ในการปฏิบัติจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาสม
ในการคัดเกรดซากจะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ เกรดคุณภาพ(Quality grade) และเกรดปริมาณ (Yield grade)
เกรดคุณภาพ คัดเกรดตามความอร่อยถูกปากผู้บริโภค จึงคัดเกรดตามความนุ่ม(tenderness)  ความชุ่มฉ่ำ(juiciness) และกลิ่น(flavor) ของเนื้อ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการคัดเกรดคุณภาพก็เพื่อให้ได้เนื้อที่มีรสชาดถูกปากผู้บริโภค ปัจจัยหลักในการพิจารณาเกรดคุณภาพได้แก่ อายุ(maturity) และระดับการมีไขมันแทรก(degree of marbling) ในกล้ามเนื้อ
การดูอายุ พิจารณาจากระดับการเกิด ossification ของกระดูกสันหลังช่วงอกข้อที่ 9, 10, 11, และ 12 ความแก่อ่อนของกระดูกซี่โครงและสี กับความหยาบละเอียดของเส้นเนื้อที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อสันนอก โดยรวมแล้วจะแบ่งระดับของอายุออกเป็นระดับ A, B, C, D, E  ตามลำดับจากอายุน้อยไปหาอายุมาก โคที่มีอายุมากจะเป็นเนื้อชั้นคุณภาพดีได้ต้องอาศัยปัจจัยที่สองคือการมีไขมันแทรกสูงกว่าโคอายุน้อย ถ้าแบ่งอย่างหยาบที่สุดจะใช้อายุประมาณ 42 เดือนในการแบ่งโคออกเป็นกลุ่มอายุมากและอายุน้อย ในการพิจารณาอายุจากปัจจัยดังกล่าวต้องใช้ความชำนาญพอสามควรในการพิจารณา
ระดับการมีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ เป็นการพิจารณา intermuscular fat หรือลายไขมันที่ปรากฏบนกล้ามเนื้อสันนอกที่ตัดระหว่างซี่โครงที่ 12 และ 13 ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งระดับการมีไขมันแทรกออกเป็น 7-9 ระดับ
หลังจากการพิจารณาทั้งอายุและการมีไขมันแทรกแล้ว ก็นำปัจจัยทั้งสองอย่างนี้มาพิจารณาประกอบกัน เพื่อจะได้พิจารณาจัดเกรดคุณภาพจากดีเลิศไปหาแย่สุด ตามลำดับคือ Prime, Choice, Select, Standard, Commercial, Utility และ Cutter ดูจากแผนภาพประกอบจะเห็นได้ว่ายิ่งโคมีอายุมากขึ้น โอกาสที่จะให้เนื้อที่มีเกรดคุณภาพสูงก็มีน้อยลง








การคัดเกรดคุณภาพ ผู้ที่เป็นผู้คัดเกรดต้องมีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนจนเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากต้องอาศัยการพิจารณาจากการดูด้วยสายตาซึ่งแต่ละคนอาจมองไม่เหมือนกัน และการจัดเกรดอาจมีความแตกต่างจากนี้ได้ แต่โดยหลักการแล้วก็ไม่แตกต่างจากนี้
เกรดปริมาณ(Yield grade)
   เป็นการคัดเกรดโดยบนพื้นฐานของปริมาณเนื้อที่เอากระดูกออกแล้ว          บริเวณ สะโพก สัน ซี่โครง และไหล่ ซึ่งจะแบ่งเกรดออกเป็น 1 ถึง 5 ตามลำดับ
การฆ่าสุกร
ขั้นตอนต่างๆ ในการฆ่าสุกรมีความคล้ายคลึงกับการฆ่าโค แตกต่างกันบ้างในรายละเอียดบางประการ ส่วนที่แตกต่างกันก็คือในการฆ่าสุกรวิธีการทำให้สลบที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือการทำให้สลบโดยการใช้ไฟฟ้าช็อต และหนังสุกรจะเป็นส่วนหนึ่งของซาก จึงไม่มีการลอกหนังแต่จะใช้วิธีขูดขนแทน และการบ่มซากในสุกรจะไม่มีความจำเป็นเพราะเนื้อสุกรจะมีความนุ่มโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ขั้นตอนต่างๆ ในการฆ่าสุกรมีดังนี้
1.   การเตรียมสัตว์
สุกรที่นำเข้ามาฆ่าจะต้องมีสุขภาพดีไม่มีโรค ขนส่งจากฟาร์มมาสู่โรงฆ่าโดยรถบรรทุกทุกที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ให้สุกรอยู่กันอย่างหนาแน่นระหว่างการขนส่งซึ่งจะทำให้สุกรเกิดความเครียด ซึ่งจะมีผลให้เนื้อสุกรเกิดสภาพที่เรียกว่า pale soft and exudative: PSE คือกล้ามเนื้อมีสีซีด อ่อนยุ่ยและมีของเหลวอยู่ภายในเนื้อ เมื่อขนส่งสุกรมาถึงโรงฆ่าแล้วให้สุกรอดอาหารไม่น้อยกว่า 1 วัน โดยต้องให้น้ำตลอดเวลาเพื่อให้สุกรมีการย่อยอาหารได้หมด ถ้าอากาศร้อนให้ฉีดพ่นน้ำเพื่อลดความร้อน และในการไล่ต้อนสัตว์ให้ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น เสร็จแล้วทำการชั่งน้ำหนักสุกรก่อนฆ่า
2.   การทำให้สุกรสลบ
วิธีการทำให้สุกรสลบสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ถูกสุขลักษณะและใช้กันแพร่หลายมากที่สุดคือการใช้ไฟฟ้าช็อต โดยใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าขนาด 250-500 mA แรงดันไฟฟ้า 70-85 Volt ใช้ขั้วไฟฟ้าหนีบที่บริเวณโคนหลังหู โดยใช้เวลาประมาณ 1-4 วินาที
นอกจากนี้ยังมีวิธีการทำให้สลบอีกเช่น การใช้ปืนยิงสลบเช่นเดียวกับในโค และการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีการใช้ในโรงฆ่าสุกรขนาดใหญ่
3.   การเอาเลือดออก
ให้ทำทันทีหลังจากทำให้สุกรสลบ โดยการผูกขาสุกรด้วยโซ่แล้วดึงขึ้นให้สุกรห้อยหัวลงให้หัวสุกรสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 6-7 นิ้ว แทงบริเวณใต้คางอย่างรวดเร็ว โดยให้ทิศทางของปลายมีดไปทางโคนหาง ดันด้ามมีดเข้าไปถึงแนวกระดูกสันหลัง บิดปลายมีดเล็กน้อยเพื่อให้มีดตัดเส้นเลือดที่สำคัญคือ jugular vein และ carotid artery ปล่อยให้เลือดออกมาให้มากที่สุด โดยทั่วไปแล้วสุกรจะมีเลือดประมาณ 75 ml/kg และถ้าเราเอาเลือดออกอย่างถูกวิธีจะสามารถเอาเลือดออกได้ประมาณ 35 ml
4.   การลวกน้ำร้อน
หย่อนสุกรลงไปในถังลวก โดยใช้น้ำร้อนอุณหภูมิพอเหมาะคือ 60-65 องศาเซลเซียส ถ้าใช้อุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ขนติดแน่นมากกว่าเดิม เนื่องจากการหดตัวของรูขุมขน แช่ไว้ประมาณ 2-4 นาที ในขณะที่แช่ควรให้ซากสุกรมีการเคลื่อนที่ไปมาเพื่อให้น้ำร้อนแทรกเข้าไปในรูขุมขนได้อย่างทั้วถึงมากขึ้น และอย่าแช่นานเกินไปเพราะจะทำให้โปรตีนแข็งตัว ทำให้ขนยึดติดกับผิวหนังทำให้ถอนขนยากขึ้นเช่นกัน
5.   การถอนขนและการขูดขน
ดึงสุกรออกมาจากถังลวก น้ำร้อน แล้วนำมาหย่อนลงในเครื่องขูดขน นำออกมาจากเครื่องแล้วทำการขูดขนตามซอกมุมต่างๆ ด้วยมือ เนื่องจากเครื่องไม่สามารถขูดขนออกได้หมด
6.   เลาะเอากีบเท้าทั้งสี่ออก
7.   การแขวนซาก
ใช้มีดกรีดบริเวณท้องแข้งของขาหลัง แล้วสอดเหล็กเข้าไปในท้องแข้งของขาหลัง ดึงซากให้อยู่เหนือพื้น ฉีดน้ำทำความสะอาด
8.   การแยกเอาหัวออก
ใช้มีดเลาะกระดูกแทงเข้าไปในบริเวณท้ายทอยตรงรอยต่อระหว่างกระโหลกศีรษะกับกระดูกคอ
9.   ใช้มีดเลาะบริเวณช่องขับถ่าย และฉีดน้ำทำความสะอาด
10.   ผ่าท้องเอาเครื่องในออก
ผ่าท้องแล้วดึงเอาเครื่องในออก โดยดึงเอาเครื่องในในระบบทางเดินอาหารออกก่อน แล้วจึงดึงเอาเครื่องในในระบบทางเดินหายใจออกมา
11.   ผ่าซากออกเป็นสองซีกซ้ายขวา โดยใช้เลื่อยหรือมีด
12.   ชั่งน้ำหนักซาก ตัดแต่งหรือนำเข้าห้องเย็นเพื่อรอการตัดแต่ง
การคัดเกรดซากสุกร
ในการคัดเกรดซากสุกรก็อาศัยหลักการพื้นฐานเช่นเดียวกับการคัดเกรดซากโค ในการคัดเกรดคุณภาพจะไม่มีหลักเกณฑ์สลับซับซ้อนอย่างเช่นในโค จะดูเพียงว่าเป็นที่ยอมรับได้(acceptable) หรือยอมรับไม่ได้(unacceptable) เท่านั้น เนื้อที่ยอมรับได้จะมีลักษณะแดงอมชมพู มีความแน่นและเส้นใยเนื้อละเอียด เนื้อที่ยอมรับไม่ได้ในเชิงคุณภาพคือเนื้อที่มีสีคล้ำและมีลักษณะที่เรียกว่า Pale, soft, exudative: PSE ดังได้กล่าวมาแล้ว
การฆ่าสัตว์ตามหลักศาสนาอิสลาม
เนื้อสัตว์ที่สามารถจะจำหน่ายให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้ จะต้องผ่านการฆ่าอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้
1. ผู้เชือดเป็นมุสลิมที่เข้าใจและรู้วิธีการเชือดแบบอิสลามอย่างแท้จริง
2. สัตว์ที่จะนำมาเชือดจะต้องไม่เป็นสัตว์ที่ห้ามไว้และสัตว์ยังมีชีวิตขณะทำการเชือด
3. หัวและหน้าของสัตว์ผินไปทางทิศกิบลัต (ทิศอันเป็นที่ตั้งของนครเมกกะประเทศซาอุดิอาระเบีย) หรืออาจจะถือหัวสัตว์ไว้ ในกรณีที่สัตว์มีขนาดเล็ก
4. การเชือดต้องเริ่มต้นด้วยการเปล่งคำว่า "บิสมิลลาฮ์" อันมีความหมายว่าด้วยพระนามของอัลลอฮ์
5. การเชือดให้ตัดเส้นเลือดใหญ่ หลอดลม หลอดอาหาร ที่ลำคอให้ขาดจากกันเพื่อให้สัตว์ตายโดย ไม่ทรมานโดยมีดที่ใช้จะต้องมีความคมและไม่เอามีดออกจากตัวสัตว์ในระหว่างฆ่า
6. สัตว์ต้องตายสนิทก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป
        สำหรับประเทศไทย หน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติในการออกเอกสาร ฮาลาล นั้นได้แก่สำนักงาน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยซึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ ตราฮาลาล นี้จะต้องได้มาตรฐานการผลิตตรงตาม ข้อกำหนด ของหลักการฮาลาลของศาสนาอิสลาม จึงจะเป็นที่ยอมรับใน หมู่พี่น้องมุสลิม และส่งไปจำหน่ายในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามได้
บรรณานุกรม
ชัยณรงค์ คันธพนิต, มาตรฐานชั้นคุณภาพเนื้อโค.[ http://www.Thaibeef.net]. May 2, 2004
Department of Animal and Range Science, South Dakota State University. Beef Cattle
Grading, [http://ars.sdstate.edu/AnimalEval/Swine/SwineGrade.htm]. May 1, 2004

บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #66 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:42:59 AM »

พุทธศาสนา ว่าตามพระวินัยปิฎก............ห้ามภิกษุฉัน
๑ เนื้อมนุษย์
๒ เนื้อช้าง
๓ เนื้อม้า
๔ เนื้อสุนัข
๕ เนื้องู
๖ เนื้อราชสีห์
๗ เนื้อเสือโคร่ง
๘ เนื้อเสือเหลือง
๙ เนื้อเสือดาว
๑๐ เนื้อหมี


เมื่อก่อนชอบทานมากครับแต่เดี๋ยวนี้ไม่ทานเลยยกเว้นบางครั้งจำเป็นจริงๆ สาเหตุไม่ใช่ในทางศาสนาหรือบุณกรรมอะไรเพียงแต่สัตว์ใหญ่มันมีสารก่อมะเร็งเยอะ ไม่ทานได้มันก็ดีกับร่างกายเราเอง
เจอจนได้ครับวันนี้

เหล่าโกวผม(น้องของอากง) ท่านบอกผมว่าจะทำหมูทอดให้กิน ให้ไปเอาที่บ้าน
ผมก็เอากลับมากินที่บ้านผมเป็นหมูแดดเดียว กินได้สองคำทำไมมันสาบๆหว่า

มีวัวแดดเดียวปนมาด้วย  บู่  หัวเราะร่าน้ำตาริน

ก็เลยคายทิ้งเลย ส่วนที่เหลือ พ่อผมเอาไปกินแทน  คิก คิก
ลด ละ เลี่ยง แต่ยังไม่เลิกครับ  แต่เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ ละเว้นชีวิต ก็เป็นกุศลแก่ชีวิตครับ  ไหว้
Ha Ha ฮา  ใครเคยได้กิน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว  ตรงท่าทราย วัดราชา  สามเสน
ใกล้หอสมุด  กับตรงตลาด เซ็นต์หลุย์สะพานสาม  บ้างอ่ะคร๊า  เขาตุ๋นจนเปื่อย เคึ่ยวน้ำ
จนกลิ่นเครื่องเทศ หอมฟุ้ง  ยายสั่งเกาเหลาเนื้อเปื่อย  กับข้าวเปล่าใส่ชาม
เอาตะเกียบคุ้ยเข้าปาก  ตอนนั้นเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีสตางค์ กินต้องประหยัด
ข้าวเปล่าสองสามชาม  สั่งจนคนขายค้อนเอา ฮา น้ำแข็งเปล่าก็ฟรีด้วยอ่ะ  ฮา

แต่ตอนหลัง  มันไม่อยากไปเสียเฉยๆ  เหมือนคนหมดประจำเดือน ไม่อยากมีเซ็กส์  ฮา
ก็เลยไม่ได้กินใกล้ๆจะสามสิบปี  ฮา   เข้าตลาดเดินผ่านเขียง กลิ่นเข้าจมูกผะอืด ผะอม ฮา

ฮา แต่เรื่อง "เซ็กส์" ตอนนี้อยู่ระหว่าง "ฟื้นฟู "  ฮา

ยายก็งงงงงง  อ่ะคร๊า  ทำมัยเขาห้ามโน่น ห้ามนี่่
เช่นมุสลิม ห้ามกินหมู   ซิกส์ห้ามกินเนื้อ  เจ้าแม่กวนอิม ห้ามกินเนื้อ ฮา

ยายคิดว่ามันเป็นอุบาย  อ่ะคร๊า 
ใครอยากจะกินอะไร  ก็กินเข้าไปเถอะ  ฮา
"เพราะชีวิตเรา แต่ละคน มีเวลามองดูโลก คนละ สองหมื่นกว่าวัน " ฮา

ครับผม...คิดไว้เหมือนกันว่าคุณยายต้องชอบเนื้อเปื่อยนุ่มๆครับ     เยี่ยม ขอบคุณครับ ไหว้

Ha Ha ยายพวกสตางค์น้อยอ่ะคร๊า   พวกเศษเนื้อ รวมทั้งเอ็น  พ่อค้าเขาปาด  เอาไปกองรวมไว้ข้างเขียง
รอให้คนที่มาจ่ายตลาด ซื้อเอาไปต้ม  คลุกข้าวให้พวกหมาฝรั่ง  ตอนนั้นอาหารสำเร็จรูปมันแพง ฮา

คนขายก๋วยเตี๋ยวเนี้อ  เขาก็ซื้อพวกเนื้อข้างเขียงที่มันเหนียว  มาต้มรวมกับพวกเนื้อสัน ตอนมันสุกเปื่อย
เอาตะเกียบคีบเข้าปากเคี้ยว  มันกรุบๆ  อร่อย  ฮา

ยายสารภาพเลยน๊ะ  ไม่มีปัญญาสั่ง เหลาชิ้นสด มากินหรอก 
เพราะ  ชามนึงก็มีเนื้อจิ๊ดเดียว  ฮา  กินไม่อิ่ม
 
ยาย ไม่ได้ชอบ "เนื้อเปื่อย " เป็นเรื่องเป็นราวอะไรหรอก ฮา



กินหมดครับ ชอบเสียด้วย เรื่องคือที่บ้านผมไม่มีใครกินเนื้อกัน  แล้วผมก็กินแต่หมู หมู หมู หมู จนเบื่อ   Tongue

เรื่องคนจีนไม่กินเนื้อวัว ควาย ผมก็ว่าแปลกๆอยู่นะครับ  คนจีนในเมืองไทยหลายครอบครัวก็กิน  คนจีนในเมืองจีนก็กิน  ทีว่านับถือเจ้าแม่กวนอิมแล้ว ไม่กิน   ก็เห็นคนจีน ในเมืองจีนไหว้เจ้าแม่กวนอิม และก็กินเนื้อ

แต่จุดหนึ่งที่สังเกตุได้ คือ ทั้งจีน และ ญี่ปุ่น ต่างไม่นิยมกินเนื้อวัว   คือกินหนะ กินได้ แต่ไม่นิยมชอบกินสักเท่าไหร่ 

อาจจะมีคนจีนบางกลุ่มที่ไม่กินเนื้อเลย  และคนกลุ่มนั้นเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยมาก  ..... เลยมีคนเชื่อและปฎิบัติตาม 

ถ้าลองอ่านบทความนักศึกษาประวัติศาสตร์ 
จะเห็นว่าคนจีนทางภาคเหนือที่อยู่ในที่ราบสูง ก็ไม่นิยม ไหว้เจ้า ด้วยหมู และเลือด  จะนิยมเนื่อวัว แพะ แกะ  ในพิธีการไหว้  อาจเป็นเพราะ หมูเป็นสัตว์หายากในถิ่นนั้น เลี้ยงไม่ค่อยได้ และเลือดก็เป็นของสกปรก

ส่วนคนจีนที่อยู่ทางใต้จะนิยม ไหว้เจ้าด้วย หัวหมู  และบ่วงสรวง ด้วยเลือดสัตว์  มากกว่าใช้เนื้อ วัว แพะ แกะ เพราะเป็นสัตว์ที่หาเลี้ยงได้ง่ายโตวัยกว่า

( นอกจากนี้ยัง มีพูดถึง ลัวะ  ว้า  ที่นิยมใช้หัวสัตว์ในการบูชา  รวมถึงหัวมนุษย์  รวมถึงการจำลองฝังลูกนิมิตร ...... ฯลฯ )



 ไม่กินเนื้อเกือบ 4 ปี เพราะที่บ้านเลี้ยงวัวฝูง
 มีอยู่ปีนึง วัวเป็นโรค ตายวันล่ะ 1- 2 ตัว
 ต้องช่วยที่บ้านแล่เนื้อ ฝ่ากระเพาะออกมาดู พยาธิตัวตืด
 เป็นก้อนๆเลย สยองมาก
 
 เดี๋ยวนี้กินเป็นปกติ ชอบกินเนื้อตุ๋น  เนื้อย่างซื้อตามห้างมาหมักแล้วย่าง  น้ำลายหก
 เนื้อตุ๋นย่อยง่ายสุด ถ้าเนื้อย่าง อิ่มแบบข้ามวันเลย  อ๋อย
ผมกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดครับ  มิได้ถืออันใด  แต่เรื่องความสงสารเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ  คนเลือดกรุ๊ปโออย่างผมย่อยเนื้อได้ดีกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่นๆครับ  Cheesy
แพงกว่าหมูครับ  แล้วก็เหนียวด้วย  เลยไม่ค่อยชอบกินสักเท่าไร  
กินหมดครับ  ถ้าทำเป็น  ไม่สาบ  ไม่เหนียว  เนื้อนุ่ม  อร่อย   น้ำลายหก
Cheesy
 
  - บางตำนานบอกว่าพ่อของเจ้าแม่กวนอิมกลับชาติมาเกิดเป็นวัว 500 ชาติเพราะชาติที่เป็นฮ่องเต้ได้ก่อกรรมกับประชาชนเอาไว้

  - บางตำนานในศาสนาฮินดูโคนนทิเป็นพาหนะของพระศิวะ ซึ่งปกติโคนนทิจะเป็นทวารบาลเฝ้าประตูปราสาทของพระศิวะ

  - วัว ควายเป็นสัตว์ใหญ่ ทำคุณประโยชน์ให้เรา แถมเนื้อย่อยยาก
 
  เมื่อก่อนผมก็เคยไม่ทาน แต่เดี้ยวนี้ไม่แล้วครับ เพราะนับถือพุทธเต็มตัวครับ ในศีล 5 ข้อก็ไม่ได้ห้ามไว้ครับ  ไหว้

      

   

 ขอบคุณทุกท่านครับผม   ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2010, 02:06:38 AM โดย pasta » บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #67 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:48:32 AM »

แค่ไม่อยากกินครับ... ไม่มีอะไรพิเศษ ที่บ้านไม่กิน แต่ตอนเด็กๆผมก็แอบกินเนื้อเปื่อย เสต็ก เป็นประจำ ก็อร่อยดี

อยู่มาวันนึง ก็ไม่อยากกินซะเฉยๆ ถ้าเหตุผลสุขภาพ รู้สึกว่ากินเนื้อเยอะๆแล้วถ่ายยาก ท้องผูก

เหตุผลส่วนตัวตอนนี้ไม่มีครับ แค่ไม่กินเฉยๆ  Grin เลี่ยงได้ก็เลี่ยงครับ แต่ถ้า เข้าป่า หรืออาหารขาดแคลน ก็คงกินครับ  Grin
ผมกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดครับ  มิได้ถืออันใด  แต่เรื่องความสงสารเป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ  คนเลือดกรุ๊ปโออย่างผมย่อยเนื้อได้ดีกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่นๆครับ  Cheesy

งั้นเดี๋ยว ผม ผัดเผ็ด เครื่องในมดให้กิน ครับ คิก คิก คิก คิก


หาไม่ได้จะวานผีทั้งป่าช้าให้ไปหลอกเลย...
น้าน มีขู่ด้วย  หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
ย่อยยากครับ
กินครับ ............. ชอบด้วย

โดยเฉพาะเนื้อโคขุนย่างหรือทำสเต็ค .............แกงเขียวหวานเนื้อติดมัน  ............. ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ Cheesy

ที่ว่าเหนี่ยว ย่อยยาก ก็เลือกเนื้อดีๆสิครับ Wink

อีกประการหนึ่ง โดยอาชีพ ถ้าไม่กินเนื้อวัวแล้ว ............. ทำงานในสนามจะลำบาก เพราะเมนูส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อวัว.....แม้วันนี้จะไม่ค่อยได้ทำงานในสนามแล้ว ...............ก็ยังกินอยู่

ไม่รู้จะเลิกไปทำไม .............. ของชอบ
Ha Ha ฮา  ใครเคยได้กิน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว  ตรงท่าทราย วัดราชา  สามเสน
ใกล้หอสมุด  กับตรงตลาด เซ็นต์หลุย์สะพานสาม  บ้างอ่ะคร๊า  เขาตุ๋นจนเปื่อย เคึ่ยวน้ำ
จนกลิ่นเครื่องเทศ หอมฟุ้ง  ยายสั่งเกาเหลาเนื้อเปื่อย  กับข้าวเปล่าใส่ชาม
เอาตะเกียบคุ้ยเข้าปาก  ตอนนั้นเริ่มทำงานใหม่ๆ ไม่มีสตางค์ กินต้องประหยัด
ข้าวเปล่าสองสามชาม  สั่งจนคนขายค้อนเอา ฮา น้ำแข็งเปล่าก็ฟรีด้วยอ่ะ  ฮา

แต่ตอนหลัง  มันไม่อยากไปเสียเฉยๆ  เหมือนคนหมดประจำเดือน ไม่อยากมีเซ็กส์  ฮา
ก็เลยไม่ได้กินใกล้ๆจะสามสิบปี  ฮา   เข้าตลาดเดินผ่านเขียง กลิ่นเข้าจมูกผะอืด ผะอม ฮา

ฮา แต่เรื่อง "เซ็กส์" ตอนนี้อยู่ระหว่าง "ฟื้นฟู "  ฮา

ยายก็งงงงงง  อ่ะคร๊า  ทำมัยเขาห้ามโน่น ห้ามนี่่
เช่นมุสลิม ห้ามกินหมู   ซิกส์ห้ามกินเนื้อ  เจ้าแม่กวนอิม ห้ามกินเนื้อ ฮา

ยายคิดว่ามันเป็นอุบาย  อ่ะคร๊า 
ใครอยากจะกินอะไร  ก็กินเข้าไปเถอะ  ฮา
"เพราะชีวิตเรา แต่ละคน มีเวลามองดูโลก คนละ สองหมื่นกว่าวัน " ฮา


ชีวิตคนมันสั้นจุ๋ดจู๋ แต่คนมันก็ขยันทะเลาะ ขยันกอบโกย ขยันทำร้ายกันจริงๆ จะรู้ตัวกันมั้ยเนี่ย ว่าวันที่หัวใจหยุดเต้น ไม่รับรู้อะไรแล้ว ทุกอย่างมันไร้ค่าสิ้นดี  Grin


เข้าเรื่องจขกท. เนื้อตามปริมาณการกิน จะน้อยมากครับ แบบว่าเบื่อหมู ไก่ ปลา กุ้งฯ เอาน่ะ..กินมันซักหน่อย แบบนานๆกินทีครับ ไม่ชอบเนื้อควาย มันจะมีกลิ่นสาป 




เนื้อควาย ผมไม่กิน เพราะควาย เจตนาเลี้ยงไว้ใช้งาน ไม่ใช่เพื่อกินเนื้อ แต่พอหมดแรง กลับนำไปขาย  ไม่สมควรเลย

ส่วนเนื้อวัว เป็นสัตว์ใหญ่ ย่อมรับรู้เมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะถูกฆ่า จะหลั่งสาร อะไรสักอย่าง  เพื่อให้รางกายเกิดแรงต่อสู้
สารนี้จะอยู่ในร่างกายวัว เมือถูกฆ่าแล้ว และสารนี้เป็นสารพิษกับคนที่กินเข้าไป

ผมไม่กินมานานหลายสิบปีแล้ว บางครั้งก็มีบ้าง แต่ไม่มากนักครับ ถ้ารู้ว่า เป็นวัวเนื้อ วัวขุนเพื่อกินเนื้อ  


เคยได้ยินว่าโคขุนสมัยใหม่ครับพี่  ไหว้

การฆ่าสัตว์ตามหลักสากล
อ.น.สพ. เสรี แข็งแอ
การฆ่าโค
   การฆ่าโคให้ถูกต้องตามหลักมาตรฐานสากลนั้น มีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าประเทศไทยเราจะส่งออกเนื้อโคเพียงเล็กน้อย แต่ด้วยความตระหนักในความสะอาดปลอดภัยของผู้บริโภคที่นับวันจะสูงขึ้น และรัฐบาลก็มีนโยบายที่จะทำให้การฆ่าสัตว์เข้าสู่ระบบและมีความเป็นมาตรฐาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายจะต้องนำนโยบายนี้ไปปฏิบัติให้บังเกิดผล ต่อไปนี้จึงจะได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติในการฆ่าโคอย่างถูกตัองตามหลักมาตรฐานสากล ซึ่งในปัจจุบันในประเทศไทยมีการปฏิบัติจริงอยู่เฉพาะในบางโรงฆ่าโคที่ฆ่าโคเพื่อส่งขายในตลาดชั้นสูง ซึ่งยังไม่แพร่หลายนัก แต่ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตอันใกล้ การฆ่าโคจะต้องทำให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ถึงแม้ว่าการปฏิบัติอาจทำไม่ได้ทั้งหมดในวันนี้ แต่ในอนาคตอันใกล้ก็คาดหวังว่าจะสามารถนำไปปฏิบัติได้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและได้เนื้อโคที่สะอาด ปลอดภัย และถูกใจผู้บริโภค
ขั้นตอนในการฆ่าโค
1.   การขนส่งสัตว์
การขนส่งโคจากฟาร์มสู่โรงฆ่าต้องทำอย่างระมัดระวังไม่บรรทุกแน่นจนเกินไป จะทำให้สัตว์เกิดความเครียด การไล่ต้อนต้องทำอย่างเงียบๆ ไม่ให้สัตว์ตื่นกลัว พื้นรถบรรทุกจะต้องไม่ลื่น การนำสัตว์ขึ้นหรือลงจากรถบรรทุกต้องระมัดระวังการล้มของสัตว์ การขังสัตว์ไว้ในคอกพักสัตว์แต่ละคอกไม่ควรเกินครึ่งหนึ่งของพื้นที่คอกสัตว์
2.   การอดอาหาร
ก่อนทำการฆ่าโคต้องให้โคอดอาหารไว้ไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง โดยที่มีน้ำให้กินตลอดเวลา เพื่อที่จะทำให้เอาเลือดออกได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด ทำให้มีเลือดคั่งในกล้ามเนื้อน้อยที่สุด ซากจะมีสีสดกว่าโคที่ไม่ได้อดอาหาร
3.   การตรวจโคก่อนฆ่า
ในขณะที่ทำการพักสัตว์จะต้องทำการตรวจสุขภาพโคก่อนฆ่า เพื่อคัดเลือกฆ่าเฉพาะโคที่มีสุขภาพสมบูรณ์เหมาะกับการบริโภคเท่านั้น โคที่ป่วยหรือสงสัยว่าป่วยจะถูกคัดออก โดยเฉพาะที่ป่วยเป็นโรคที่สามารถติดต่อมาสู่คนได้จะต้องได้รับการตรวจอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน และรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้จากการตรวจก่อนฆ่าเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาวินิจฉัยร่วมกับการตรวจภายหลังฆ่า
วิธีการตรวจโคก่อนฆ่าเริ่มจากการดูสุขภาพภายนอกทั่วๆไปของโคว่ามีอาการผิดปรกติอย่างไรหรือไม่ ดูลักษณะของอุจจาระปัสสาวะ ดูลักษณะของผิวหนัง ขน ความอ้วนผอม สังเกตลักษณะการหายใจว่ามีความผิดปรกติหรือไม่ ตรวจดูเยื่อชุ่มตามปาก จมูก ตา ว่ามีสีผิดปรกติหรือไม่ อาจต้องวัดอุณหภูมิหรือตรวจโดยละเอียดอย่างอื่นประกอบถ้าจำเป็น
สัตว์ที่เป็นโรคระบาด หรือเป็นโรคหรือมีลักษณะที่ไม่เหมาะสมที่จะนำเนื้อมาบริโภค สำหรับประเทศไทยได้มีการบัญญัติไว้ในกฎกระทรวงฉบับที่ 3 ที่ออกตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าและจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2535 ในส่วนของโคได้แก่วัณโรค โรคพิษสุนัขบ้า โรคบรูเซลโลซีส โรคบาดทะยัก โรคไข้ขา โรคแอนแทรกซ์ โรคปากและเท้าเปื่อย โรคเมลิโอไอโดซีส โรคเลปโตสไปโรซีส โรคพาราทูเบอร์คูโลซีส โรคแอกติโนมัยโคซีส โรคแอกติโนบาซิลโลซีส โคที่มีลักษณะบวมทั้งตัว โคที่ผอมแห้งมาก โคที่มีไข้สูงเกิน 105 องศาฟาเรนไฮด์ โคที่ตั้งท้องหรือตกลูกใหม่ โคที่เป็นแผล ฝี ทั่วๆ ไป โคที่ฉีดวัคซีนมาไม่ครบ 21 วัน และโคที่เป็นโรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์นอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้นซึ่งได้แก่ โรครินเดอร์เปสต์ โรคเฮโมรายิกเซพติซีเมีย ซึ่งถ้าสัตวแพทย์ตรวจพบโคที่เป็นโรคหรือมีลักษณะดังกล่าวมานี้จะต้องไม่อนุญาตให้ทำการฆ่า
4.   การทำให้สัตว์สลบ
วิธีการทำให้โคสลบก่อนฆ่าที่ถูกต้องและนิยมใช้กันมากที่สุดก็คือการใช้ปืนยิงสลบ (Captive bolt gun) ซึ่งจะเป็นปืนที่ยิงแท่งเหล็กเข้าไปกระแทกสมองสัตว์ทำให้สัตว์ตายโดยไม่เจ็บปวด ถ้าทำอย่างถูกวิธียิงถูกตำแหน่งจะทำให้สัตว์ตาย แต่ถ้าแท่งเหล็กทิ่มไม่ถึงสมองสัตว์จะยังไม่ตายจนกว่าจะเอาเลือดออก โดยปืนที่ใช้ยิงอาจจะใช้แรงอัดอากาศหรือจากลูกปืนที่ไม่มีกระสุน ทำได้โดยการต้อนโคเข้าไปในซองทีละตัว พื้นซองจะต้องไม่ลื่น แสงสว่างจะต้องสาดมาจากทางด้านบนของซองเพื่อให้โคจะได้แหงนหน้าขึ้นทำให้สะดวกในการยิง ใช้ปืนจ่อยิงเข้าบริเวณกลางหน้าผากตรงเส้นตัดกันระหว่างเส้นที่ลากจากตาซ้ายมาหูขวา กับเส้นที่ลากจากตาขวามาหูซ้าย จุดสำคัญในการตรวจสอบการยิงสลบได้แก่ ต้องยิงให้สลบภายในการยิงครั้งเดียว โคต้องไม่รู้สึกตัว ไม่มีการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าในการต้อนโค และโคต้องไม่ล้มหรือส่งเสียงร้อง ในขณะที่ไล่ต้อนเข้ามาในซอง






ภาพการยิงสลบในโค

      
       
       

   

 แหล่งที่มา http://www.grandin.com/humane/captive.bolt.html
5.   การเอาเลือดออก
เมื่อโคล้มลงให้ใช้โซ่ผูกรัดขาหลังบริเวณข้อแข้งหลัง(hock)  แล้วนำอีกปลายหนึ่งเข้าคล้องกับรอกไฟฟ้า กดสวิทซ์ดึงตัวสัตว์โคขึ้นให้หัวห้อยลงมา ใช้มีดผ่าผิวหนังบริเวณใต้ยอดอก เสร็จแล้วจึงแทงมีดเข้าไปในระหว่างช่องอก พยายามอย่าให้เอียงซ้ายหรือขวาเสร็จแล้วเสือกมีดเข้าไปจนสุดความยาวของใบมีด บิดปลายมีดเพียงเล็กน้อย ใบมีดจะตัดเส้นเลือด carotid artery และ jugular vein ถ้าแทงอย่างถูกวิธีเลือดจะไหลแรง และไหลออกหมดภายในประมาณ 5-7 นาที
โดยทั่วไปแล้วโคจะมีเลือดประมาณ 60 มิลลิลิตร ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม และจะเอาเลือดออกได้อย่างสมบูรณ์ประมาณครึ่งหนึ่งคือ 30 มิลลิลิตรต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
6.   การตัดหัว
เลาะหนังออกจากหัว ตัดผ่ารอบๆ คอ ก่อนจะบิดหัวซึ่งจะทำให้หัวหลุดออกได้โดยง่าย
การตัดแข้งออก
ใช้มีดเปิดผ่าด้านในของแข้งหน้าเลาะไปจนถึงกลางลำตัวที่ยอดอก ทำทั้งสองข้าง รอยผ่าจะไปพบกันที่ยอดอก เลาะเปิดหนังไปจนถึงข้อเข่า ใช้มีดตัดแข้งออกตรงบริเวณรอยต่อ
7.   การเลาะหนัง
เริ่มทำการเลาะหนังบริเวณขาหลัง สะโพก แล้วลงมาด้านข้างของลำตัวเรื่อยไปจนถึงบริเวณอก ส่วนหางให้ผ่ากลางหางด้านในตลอดความยาว แล้วตัดโคนหางก่อนที่จะดึงหลุดออกจากหนังหุ้มได้ทั้งหมด การเลาะหนังต่อไปจะไล่ลงไปจนในที่สุดหลุดออกไปหมด ควรใช้มีดที่ใช้เลาะหนังโดยเฉพาะ ระวังอย่าให้มีดปาดทะลุหนัง เพราะจะทำให้มีตำหนิ ราคาหนังจะตกได้
การผ่ากระดูกอก
ใช้เลื่อยมือเลื่อยผ่ากระดูก sternum ให้แยกกันตรงกึ่งกลางของอก ก่อนเลื่อยให้ใช้มีดผ่าเป็นรอยนำทางก่อน
8.   การเอาอวัยวะภายในออก
ใช้มีดผ่ากลางท้องบริเวณใต้กระดูกเชิงกรานทีผ่าไว้แล้วลงไปจนถึงบริเวณอก ระวังอย่าให้คมมีดถูกลำไส้หรืออวัยวะภายในเพื่อป้องกันการปนเปื้อน จากสิ่งบรรจุในอวัยวะภายใน ดึงอวัยวะภายในทั้งหมดออกยกเว้นไตให้ติดไว้กับซาก ตัดแยกหัวใจ ตับ ปอด จากนั้นล้างซากให้สะอาดทั้งด้านนอกและด้านใน
9.   การแบ่งครึ่งซาก
ใช้เลื่อยผ่าซากออกเป็นสองซีกตามแนวกึ่งกลางของกระดูกสันหลัง  พยายามให้รอยผ่าอยู่ตรงกลางโดยดูจาก spinous process ถูกผ่าออกเป็นสองซีกและแต่ละซีกจะติดอยู่ในแต่ละครึ่งเท่าๆกัน ฉีดน้ำล้างซีก ตัดเนื้อเยื่อและไขมันที่ห้อยรุ่งริ่งและเนื้อเยื่อที่มีรอยช้ำออก พร้อมที่จะทำการตรวจซากได้ เสร็จแล้วทำการชั่งน้ำหนักซาก บันทึกข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ ติดลงไปด้วย
10.   การบ่มซาก
ในการฆ่าโคตามโรงฆ่าสัตว์โดยทั่วไปในประเทศไทยจะไม่มีการบ่มซาก โดยจะทำการตัดแต่งซากทันทีภายหลังจากการเอาเครื่องในออกแล้ว การบ่มซากที่ทำอยู่ในปัจจุบันมีการทำอยู่ในการฆ่าโคขุน ซึ่งกล่าวกันว่าจะทำให้เนื้อมีความนุ่มขึ้นเนื่องจากน้ำย่อย cathepsin ที่มีอยู่แล้วในเนื้อเยื่อของสัตว์จะซึมออกมาทำการย่อยเนื้อเยื่อทำให้มีความนุ่มขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก การบ่มซากทำได้โดยการนำซากเข้าแช่เย็นที่อุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 48 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำเข้าสู่กระบนกวนการบ่มที่อุณหภูมิ 5-8 องศาเซลเซียส ความชื้นประมาณ 60% เป็นเวลาประมาณ 20 วัน หลังจากนั้นก็นำซากออกมาตัดแต่งเพื่อส่งจำหน่ายต่อไป
การคัดเกรดซากโค
ปัจจุบันการจำหน่ายเนื้อโคในตลาดของประเทศไทย ส่วนใหญ่ยังไม่มีการคัดเกรดซากอย่างเป็นะระบบ เท่าที่มีการคัดเกรดจริงจะเป็นการคัดเกรดซากในโคขุน ซึ่งมีการจำหน่ายในตลาดเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งอาจยังไม่ได้ใช้การคัดเกรดเต็มรูปแบบ ต่อไปนี้จะกล่าวถึงแนวทางในการคัดเกรดซากตามหลักสากล ในการปฏิบัติจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาสม
ในการคัดเกรดซากจะแบ่งออกเป็นสองรูปแบบคือ เกรดคุณภาพ(Quality grade) และเกรดปริมาณ (Yield grade)
เกรดคุณภาพ คัดเกรดตามความอร่อยถูกปากผู้บริโภค จึงคัดเกรดตามความนุ่ม(tenderness)  ความชุ่มฉ่ำ(juiciness) และกลิ่น(flavor) ของเนื้อ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการคัดเกรดคุณภาพก็เพื่อให้ได้เนื้อที่มีรสชาดถูกปากผู้บริโภค ปัจจัยหลักในการพิจารณาเกรดคุณภาพได้แก่ อายุ(maturity) และระดับการมีไขมันแทรก(degree of marbling) ในกล้ามเนื้อ
การดูอายุ พิจารณาจากระดับการเกิด ossification ของกระดูกสันหลังช่วงอกข้อที่ 9, 10, 11, และ 12 ความแก่อ่อนของกระดูกซี่โครงและสี กับความหยาบละเอียดของเส้นเนื้อที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อสันนอก โดยรวมแล้วจะแบ่งระดับของอายุออกเป็นระดับ A, B, C, D, E  ตามลำดับจากอายุน้อยไปหาอายุมาก โคที่มีอายุมากจะเป็นเนื้อชั้นคุณภาพดีได้ต้องอาศัยปัจจัยที่สองคือการมีไขมันแทรกสูงกว่าโคอายุน้อย ถ้าแบ่งอย่างหยาบที่สุดจะใช้อายุประมาณ 42 เดือนในการแบ่งโคออกเป็นกลุ่มอายุมากและอายุน้อย ในการพิจารณาอายุจากปัจจัยดังกล่าวต้องใช้ความชำนาญพอสามควรในการพิจารณา
ระดับการมีไขมันแทรกในกล้ามเนื้อ เป็นการพิจารณา intermuscular fat หรือลายไขมันที่ปรากฏบนกล้ามเนื้อสันนอกที่ตัดระหว่างซี่โครงที่ 12 และ 13 ซึ่งโดยทั่วไปจะแบ่งระดับการมีไขมันแทรกออกเป็น 7-9 ระดับ
หลังจากการพิจารณาทั้งอายุและการมีไขมันแทรกแล้ว ก็นำปัจจัยทั้งสองอย่างนี้มาพิจารณาประกอบกัน เพื่อจะได้พิจารณาจัดเกรดคุณภาพจากดีเลิศไปหาแย่สุด ตามลำดับคือ Prime, Choice, Select, Standard, Commercial, Utility และ Cutter ดูจากแผนภาพประกอบจะเห็นได้ว่ายิ่งโคมีอายุมากขึ้น โอกาสที่จะให้เนื้อที่มีเกรดคุณภาพสูงก็มีน้อยลง








การคัดเกรดคุณภาพ ผู้ที่เป็นผู้คัดเกรดต้องมีความชำนาญและได้รับการฝึกฝนจนเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากต้องอาศัยการพิจารณาจากการดูด้วยสายตาซึ่งแต่ละคนอาจมองไม่เหมือนกัน และการจัดเกรดอาจมีความแตกต่างจากนี้ได้ แต่โดยหลักการแล้วก็ไม่แตกต่างจากนี้
เกรดปริมาณ(Yield grade)
   เป็นการคัดเกรดโดยบนพื้นฐานของปริมาณเนื้อที่เอากระดูกออกแล้ว          บริเวณ สะโพก สัน ซี่โครง และไหล่ ซึ่งจะแบ่งเกรดออกเป็น 1 ถึง 5 ตามลำดับ
การฆ่าสุกร
ขั้นตอนต่างๆ ในการฆ่าสุกรมีความคล้ายคลึงกับการฆ่าโค แตกต่างกันบ้างในรายละเอียดบางประการ ส่วนที่แตกต่างกันก็คือในการฆ่าสุกรวิธีการทำให้สลบที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือการทำให้สลบโดยการใช้ไฟฟ้าช็อต และหนังสุกรจะเป็นส่วนหนึ่งของซาก จึงไม่มีการลอกหนังแต่จะใช้วิธีขูดขนแทน และการบ่มซากในสุกรจะไม่มีความจำเป็นเพราะเนื้อสุกรจะมีความนุ่มโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ขั้นตอนต่างๆ ในการฆ่าสุกรมีดังนี้
1.   การเตรียมสัตว์
สุกรที่นำเข้ามาฆ่าจะต้องมีสุขภาพดีไม่มีโรค ขนส่งจากฟาร์มมาสู่โรงฆ่าโดยรถบรรทุกทุกที่ถูกสุขลักษณะ ไม่ให้สุกรอยู่กันอย่างหนาแน่นระหว่างการขนส่งซึ่งจะทำให้สุกรเกิดความเครียด ซึ่งจะมีผลให้เนื้อสุกรเกิดสภาพที่เรียกว่า pale soft and exudative: PSE คือกล้ามเนื้อมีสีซีด อ่อนยุ่ยและมีของเหลวอยู่ภายในเนื้อ เมื่อขนส่งสุกรมาถึงโรงฆ่าแล้วให้สุกรอดอาหารไม่น้อยกว่า 1 วัน โดยต้องให้น้ำตลอดเวลาเพื่อให้สุกรมีการย่อยอาหารได้หมด ถ้าอากาศร้อนให้ฉีดพ่นน้ำเพื่อลดความร้อน และในการไล่ต้อนสัตว์ให้ใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น เสร็จแล้วทำการชั่งน้ำหนักสุกรก่อนฆ่า
2.   การทำให้สุกรสลบ
วิธีการทำให้สุกรสลบสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ถูกสุขลักษณะและใช้กันแพร่หลายมากที่สุดคือการใช้ไฟฟ้าช็อต โดยใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าขนาด 250-500 mA แรงดันไฟฟ้า 70-85 Volt ใช้ขั้วไฟฟ้าหนีบที่บริเวณโคนหลังหู โดยใช้เวลาประมาณ 1-4 วินาที
นอกจากนี้ยังมีวิธีการทำให้สลบอีกเช่น การใช้ปืนยิงสลบเช่นเดียวกับในโค และการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งมีการใช้ในโรงฆ่าสุกรขนาดใหญ่
3.   การเอาเลือดออก
ให้ทำทันทีหลังจากทำให้สุกรสลบ โดยการผูกขาสุกรด้วยโซ่แล้วดึงขึ้นให้สุกรห้อยหัวลงให้หัวสุกรสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร ใช้มีดปลายแหลมยาวประมาณ 6-7 นิ้ว แทงบริเวณใต้คางอย่างรวดเร็ว โดยให้ทิศทางของปลายมีดไปทางโคนหาง ดันด้ามมีดเข้าไปถึงแนวกระดูกสันหลัง บิดปลายมีดเล็กน้อยเพื่อให้มีดตัดเส้นเลือดที่สำคัญคือ jugular vein และ carotid artery ปล่อยให้เลือดออกมาให้มากที่สุด โดยทั่วไปแล้วสุกรจะมีเลือดประมาณ 75 ml/kg และถ้าเราเอาเลือดออกอย่างถูกวิธีจะสามารถเอาเลือดออกได้ประมาณ 35 ml
4.   การลวกน้ำร้อน
หย่อนสุกรลงไปในถังลวก โดยใช้น้ำร้อนอุณหภูมิพอเหมาะคือ 60-65 องศาเซลเซียส ถ้าใช้อุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ขนติดแน่นมากกว่าเดิม เนื่องจากการหดตัวของรูขุมขน แช่ไว้ประมาณ 2-4 นาที ในขณะที่แช่ควรให้ซากสุกรมีการเคลื่อนที่ไปมาเพื่อให้น้ำร้อนแทรกเข้าไปในรูขุมขนได้อย่างทั้วถึงมากขึ้น และอย่าแช่นานเกินไปเพราะจะทำให้โปรตีนแข็งตัว ทำให้ขนยึดติดกับผิวหนังทำให้ถอนขนยากขึ้นเช่นกัน
5.   การถอนขนและการขูดขน
ดึงสุกรออกมาจากถังลวก น้ำร้อน แล้วนำมาหย่อนลงในเครื่องขูดขน นำออกมาจากเครื่องแล้วทำการขูดขนตามซอกมุมต่างๆ ด้วยมือ เนื่องจากเครื่องไม่สามารถขูดขนออกได้หมด
6.   เลาะเอากีบเท้าทั้งสี่ออก
7.   การแขวนซาก
ใช้มีดกรีดบริเวณท้องแข้งของขาหลัง แล้วสอดเหล็กเข้าไปในท้องแข้งของขาหลัง ดึงซากให้อยู่เหนือพื้น ฉีดน้ำทำความสะอาด
8.   การแยกเอาหัวออก
ใช้มีดเลาะกระดูกแทงเข้าไปในบริเวณท้ายทอยตรงรอยต่อระหว่างกระโหลกศีรษะกับกระดูกคอ
9.   ใช้มีดเลาะบริเวณช่องขับถ่าย และฉีดน้ำทำความสะอาด
10.   ผ่าท้องเอาเครื่องในออก
ผ่าท้องแล้วดึงเอาเครื่องในออก โดยดึงเอาเครื่องในในระบบทางเดินอาหารออกก่อน แล้วจึงดึงเอาเครื่องในในระบบทางเดินหายใจออกมา
11.   ผ่าซากออกเป็นสองซีกซ้ายขวา โดยใช้เลื่อยหรือมีด
12.   ชั่งน้ำหนักซาก ตัดแต่งหรือนำเข้าห้องเย็นเพื่อรอการตัดแต่ง
การคัดเกรดซากสุกร
ในการคัดเกรดซากสุกรก็อาศัยหลักการพื้นฐานเช่นเดียวกับการคัดเกรดซากโค ในการคัดเกรดคุณภาพจะไม่มีหลักเกณฑ์สลับซับซ้อนอย่างเช่นในโค จะดูเพียงว่าเป็นที่ยอมรับได้(acceptable) หรือยอมรับไม่ได้(unacceptable) เท่านั้น เนื้อที่ยอมรับได้จะมีลักษณะแดงอมชมพู มีความแน่นและเส้นใยเนื้อละเอียด เนื้อที่ยอมรับไม่ได้ในเชิงคุณภาพคือเนื้อที่มีสีคล้ำและมีลักษณะที่เรียกว่า Pale, soft, exudative: PSE ดังได้กล่าวมาแล้ว
การฆ่าสัตว์ตามหลักศาสนาอิสลาม
เนื้อสัตว์ที่สามารถจะจำหน่ายให้ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามได้ จะต้องผ่านการฆ่าอย่างถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งมีหลักการดังต่อไปนี้
1. ผู้เชือดเป็นมุสลิมที่เข้าใจและรู้วิธีการเชือดแบบอิสลามอย่างแท้จริง
2. สัตว์ที่จะนำมาเชือดจะต้องไม่เป็นสัตว์ที่ห้ามไว้และสัตว์ยังมีชีวิตขณะทำการเชือด
3. หัวและหน้าของสัตว์ผินไปทางทิศกิบลัต (ทิศอันเป็นที่ตั้งของนครเมกกะประเทศซาอุดิอาระเบีย) หรืออาจจะถือหัวสัตว์ไว้ ในกรณีที่สัตว์มีขนาดเล็ก
4. การเชือดต้องเริ่มต้นด้วยการเปล่งคำว่า "บิสมิลลาฮ์" อันมีความหมายว่าด้วยพระนามของอัลลอฮ์
5. การเชือดให้ตัดเส้นเลือดใหญ่ หลอดลม หลอดอาหาร ที่ลำคอให้ขาดจากกันเพื่อให้สัตว์ตายโดย ไม่ทรมานโดยมีดที่ใช้จะต้องมีความคมและไม่เอามีดออกจากตัวสัตว์ในระหว่างฆ่า
6. สัตว์ต้องตายสนิทก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ต่อไป
        สำหรับประเทศไทย หน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติในการออกเอกสาร ฮาลาล นั้นได้แก่สำนักงาน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยซึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ ตราฮาลาล นี้จะต้องได้มาตรฐานการผลิตตรงตาม ข้อกำหนด ของหลักการฮาลาลของศาสนาอิสลาม จึงจะเป็นที่ยอมรับใน หมู่พี่น้องมุสลิม และส่งไปจำหน่ายในประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามได้
บรรณานุกรม
ชัยณรงค์ คันธพนิต, มาตรฐานชั้นคุณภาพเนื้อโค.[ http://www.Thaibeef.net]. May 2, 2004
Department of Animal and Range Science, South Dakota State University. Beef Cattle
Grading, [http://ars.sdstate.edu/AnimalEval/Swine/SwineGrade.htm]. May 1, 2004


 

ขอบคุณทุกท่านครับผม ไหว้
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #68 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:52:43 AM »

+ 1  ให้กับทุกท่านครับผม หลงรัก หลงรัก หลงรัก
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
nick357 "รักในหลวง"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 197
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1843


no!!! conflict.let'sit and talk!!!!


« ตอบ #69 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 09:40:57 AM »

  - บางตำนานบอกว่าพ่อของเจ้าแม่กวนอิมกลับชาติมาเกิดเป็นวัว 500 ชาติเพราะชาติที่เป็นฮ่องเต้ได้ก่อกรรมกับประชาชนเอาไว้

  - บางตำนานในศาสนาฮินดูโคนนทิเป็นพาหนะของพระศิวะ ซึ่งปกติโคนนทิจะเป็นทวารบาลเฝ้าประตูปราสาทของพระศิวะ

  - วัว ควายเป็นสัตว์ใหญ่ ทำคุณประโยชน์ให้เรา แถมเนื้อย่อยยาก
 
  เมื่อก่อนผมก็เคยไม่ทาน แต่เดี้ยวนี้ไม่แล้วครับ เพราะนับถือพุทธเต็มตัวครับ ในศีล 5 ข้อก็ไม่ได้ห้ามไว้ครับ  ไหว้

      

   


ผมรู้มาแบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ใช้เหตุผลที่จะเลิกทานเนื้อวัว หากกลับชาติมาเกิดเป็นหมู มิต้องเลิกทานหมูหรือ....
บันทึกการเข้า
ทิดเป้า
Hero Member
*****

คะแนน -1181
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11916



« ตอบ #70 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 09:56:39 AM »

 ไหว้ผมกินทุกอย่างที่ทำให้หายหิว และมีชีวิตอยู่ต่อไป และกินทุกอย่างที่อยากกินในยามปกติ...ช้าง วัว ควาย หมู หรือกุงหอยปูปลา ๑ ตัว เท่ากับ ๑ ชีวิตเหมือนกัน ...หากคิดถึงเรื่องบาปบุญ ผมเลือกที่จะกิน ๑ ชีวิต ที่กินได้หลายคน หลายมื้อครับ 
บันทึกการเข้า

manabu
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 33



« ตอบ #71 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 12:03:45 PM »

ไหว้ผมกินทุกอย่างที่ทำให้หายหิว และมีชีวิตอยู่ต่อไป และกินทุกอย่างที่อยากกินในยามปกติ...ช้าง วัว ควาย หมู หรือกุงหอยปูปลา ๑ ตัว เท่ากับ ๑ ชีวิตเหมือนกัน ...หากคิดถึงเรื่องบาปบุญ ผมเลือกที่จะกิน ๑ ชีวิต ที่กินได้หลายคน หลายมื้อครับ 


     ผมก็คิดเหมือนท่าน ชีวิตสัตวแพทย์ที่ต้องเดินทางตามป่าตามเขา
ชาวบ้านมีอะไรให้ก็กิน(เคยโดนชาวเขาแกงหมามาให้กิน มีอาหารอย่างเดียว
ก็ต้องกินเพราะไม่งั้นอดตาย ) แต่ส่วนใหญ่จะได้กินเนื้อเก้งกับหมูป่ามากกว่า
  ผมกินได้ทุกอย่างแต่ก็เคารพในความเชื่อของทุกที่ ที่ไหนมีข้อละเว้นก็พึงละเว้น
ชีวิตก็สสารที่เกิดขึ้นจากองค์ประกอบทางเคมีหลายอย่างและพร้อมที่แปรรูปเป็น
อย่างอื่นโดยผ่านกระบวนการแปรรูปและย่อยสลาย วันหนึ่งชีวิตเราอาจจะไปรวม
เป็นปุ๋ยต้นไม้ เป็นอาหารวัวแล้วก็กลับมาเป็นอาหารมนุษย์อีกก็ได้
บันทึกการเข้า
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #72 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 12:25:57 PM »

ไหว้ผมกินทุกอย่างที่ทำให้หายหิว และมีชีวิตอยู่ต่อไป และกินทุกอย่างที่อยากกินในยามปกติ...ช้าง วัว ควาย หมู หรือกุงหอยปูปลา ๑ ตัว เท่ากับ ๑ ชีวิตเหมือนกัน ...หากคิดถึงเรื่องบาปบุญ ผมเลือกที่จะกิน ๑ ชีวิต ที่กินได้หลายคน หลายมื้อครับ 

เอ๊อ อันนี้เข้าท่า  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #73 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 12:52:11 PM »

ผมไม่ถือครับ   บางทีคนเราก็ถืออะไรกันเยอะแยะ   มันเป็นเพียงความสุขความสบายใจที่ได้ลดละเลิก   เมื่อก่อนผมกินเจตกค่ำก็เมาเหมือนเดิม  ถือเท่าที่ต้องการครับ
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
หงส์ซิ่ง ♥ รักในหลวง ♥
Hero Member
*****

คะแนน 1157
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5477



« ตอบ #74 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2010, 01:13:08 PM »

แม่ผมนับถือเจ้าแม่กวนอิม เลยไม่ทานตามแม่ครับ

ตลอดชีวิต35ปีไม่เคยทาน แต่อาจจะมีบางครั้งไม่รู้ อาจจะมีทานไปบ้าง บู่

แต่ถ้าเจตนาทานไม่เคยครับ Smiley
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.173 วินาที กับ 22 คำสั่ง