เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 02, 2024, 09:28:01 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วัดสิเรียมพุทธาราม ครับ  (อ่าน 13411 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #60 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:55:34 PM »

หูยดูกันตั้งนานละครับผมแค่พอดูๆเดาๆไปเรื่อย  Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #61 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:01:40 PM »


ตกลง  สิเรียม คือ ชื่อ ใน วงการหรือครับเนี้ย  และเค้าเป็นอะไรกับ เมล กิบสัน   Huh Huh
บันทึกการเข้า
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:04:40 PM »


ตกลง  สิเรียม คือ ชื่อ ใน วงการหรือครับเนี้ย  และเค้าเป็นอะไรกับ เมล กิบสัน   Huh Huh

คงเป็นญาติห่างๆครับ  Grin Grin
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #63 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:08:50 PM »


ตกลง  สิเรียม คือ ชื่อ ใน วงการหรือครับเนี้ย  และเค้าเป็นอะไรกับ เมล กิบสัน   Huh Huh

คงเป็นญาติห่างๆครับ  Grin Grin

เหตุผล เข้าท่า    คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า
dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #64 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 05:36:54 PM »

ได้ข่าวอยู่เหมือนกัน... ไม่ค่อยสบายใจเลย... ต่อไปใครมีเงินหน่อยก็สามารถฝากชื่อไว้กับป้ายวัด นอกจากโบสถ์ ศาลา กำแพงวัด...

เงินเปลี่ยนได้หลายๆอย่าง แม้แต่ความน่าเลื่อมใสศรัทธา...

ผมว่าชั่งเขาเถอะครับ....วัดก็ไม่ได้อยู่แถวบ้านเรา  ชาวบ้านคิดแล้วว่าเปลี่ยนชื่อสบายใจ
ก็ยอมให้เขาเถอะครับ..อยู่ที่การปฎิบัติของพระในวัดที่อยู่ในศีลธรรมมากกว่า
หากปฎิบัติตนนอกศีลต่อให้วัดชื่ออะไรดังแค่ไหนก็เสื่อมครับ...ศรัทธาอยู่ที่ตัวเรา ไหว้
----------------------------------------------------------------------------------------------------
คนในพื้นที่เขายังอนุโมทนาด้วยเลย กฐินก็เป็นกฐินพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เงินที่ได้มาก็มาจากศรัทธาที่จะบำรุงพุทธศาสนาของมหาชน คนที่เป็นผู้รวบรวมจนนำมาสร้างวัดพัฒนาได้ขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจและศรัทธาอย่างสูง สูงจนคนในท้องถิ่นยอมรับ ดีกว่าพวกที่อยากมีชื่อเป็นที่ระลึกแต่ไม่เคยลงเงินลงแรงอีกหลายต่อหลายคน ไอ้ที่พากันวิจารณ์ด้านบนมันคับแคบจริงๆ

คงไม่ใจแคบหรอกครับ...ทุกคนมีสิทธิที่จะพูดหรือวิจารณ์ ซึ่งมันก็เป็นแค่ความเห็นของบุคคลไม่ไปห้ามเปลี่ยนชื่อซ่ะเมื่อไหร่  เศร้า


ขอบคุณๆมะเอ็มครับ... ที่ทำให้ผมเข้าใจคำว่า "ใจกว้าง" +1ครับ... เยี่ยม
บันทึกการเข้า

dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #65 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 06:18:31 PM »

คนในพื้นที่เขายังอนุโมทนาด้วยเลย กฐินก็เป็นกฐินพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เงินที่ได้มาก็มาจากศรัทธาที่จะบำรุงพุทธศาสนาของมหาชน คนที่เป็นผู้รวบรวมจนนำมาสร้างวัดพัฒนาได้ขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจและศรัทธาอย่างสูง สูงจนคนในท้องถิ่นยอมรับ ดีกว่าพวกที่อยากมีชื่อเป็นที่ระลึกแต่ไม่เคยลงเงินลงแรงอีกหลายต่อหลายคน ไอ้ที่พากันวิจารณ์ด้านบนมันคับแคบจริงๆ

งั้นใครมีเงินก็เปลี่ยนชื่อวัดเป็นว่าเล่นได้ใช่มั้ยครับ   Cheesy
ยังพยายามนะครับ...คนมีเงินแต่ไม่คิดสร้างประโยชน์ให้สังคมเยอะแยะ แล้วคุณสิเรียมฯ(ตามชื่อเดิม)นั่นก็ไม่ได้เอาเงินฟาดหัวคนในชุมชนให้เปลี่ยนชื่อวัดตามชื่อแกที่ไหน เพราะความตั้งใจในการทำความดีและไม่ใช่ครั้งเดียว ชาวบ้านจึงยอมรับ พวกที่ไม่ใช่คนในพื้นที่เดือดร้อนทำไม แถมยังไปเอาข่าวมาจากสื่อมั่ว-ชั่วเอียงๆอีกเลยเบี่ยงประเด็นไปใหญ่ เอาเป็นว่าดีพวกสอพลอเอานามสกุลบางคนไปตั้งชื่อสะพานข้ามไปภูเก็ตก็แล้วกัน

ญาติเมียผมขายที่ดินแถวมีนบุรี แล้วนำเงินส่วนหนึ่งจากขายที่ได้จำนวน 42 ล้าน ไปบริจาคที่วัดคู้บอน... ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อวัดเพื่อเอาหน้าอะไรเลย...

ไม่เชื่อไปถามคุณวิชาญ มีนชัยนันท์ดูครับ.... เอ๋อ รับประทาน.... ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #66 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2010, 10:13:20 AM »

+1 ให้คุณ Pandanus ครับ
บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
รปศ. PSRU @ รักพระเจ้าอยู่หัว @
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 41
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 529



« ตอบ #67 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 03:07:07 PM »

ผมว่าเรื่องชื่อวัดอยู่ที่ความ  พอใจพร้อมใจของคนหมู่มากในชุมชนมากกว่าสิ่งอื่นใด  ว่าคนส่วนใหญ่หรือคนหมู่มากในชุมชนนั้นๆ
เห็นสมควรว่าอย่างไร  จะตั้งชื่อว่าอะไร  หรือจะเปลี่ยนว่าอะไร  เพราะว่าวัดนั้นๆอยู่ในชุมชนของเขา  เขามีสิทธิ์ตั้งหรือเปลี่ยน
พวกเขาเห็นดีแล้วจึงตั้งชื่อนี้  หากเปลี่ยนแล้วชุมชนของพวกเขา/คนหมู่มากในชุมชนมีความสุข  ก็ช่างเขาเถอะครับ

ผมอ่านหนังสือเจอ  วัดใหญ่ๆ  ชื่อไพเราะเพราะพริ้ง  โดนศาลสั่งติดคุกจำคุกกันเป็นแถว บ้างรอศาลตัดสินไม่ไหวตายไปก่อนก็มี
ในคดีปลอมแปลงเอกสาร  เพื่อเสนอแต่งตั้งหรือตราตั้งท่านเจ้าคุณอะไรนี่แหละครับ  ผมว่าเรามาช่วยกันดูแลสอดส่ง
อะไรที่เป็นสาระกับพระพุทธศาสนากันตรงนี้ดีกว่าไหม  ไอ้พวกพระที่เห็นแก่ลาภสรรเสริญ  โกง/ซื้อแม้กระทั่งตราตั้ง
บันทึกการเข้า

เมาเหล้า  มักเสียหลัก
เมารัก      มักเสียใจ
เมาฝิ่น  กัญชา  ยาดำ  ไม่เท่าไร
แต่หนักใจ  เพราะเรา  นั้นเมารัก
your-ประชาธิปไตย
Sr. Member
****

คะแนน 925
ออฟไลน์

กระทู้: 509


« ตอบ #68 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 03:37:02 PM »

คนในพื้นที่เขายังอนุโมทนาด้วยเลย กฐินก็เป็นกฐินพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เงินที่ได้มาก็มาจากศรัทธาที่จะบำรุงพุทธศาสนาของมหาชน คนที่เป็นผู้รวบรวมจนนำมาสร้างวัดพัฒนาได้ขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจและศรัทธาอย่างสูง สูงจนคนในท้องถิ่นยอมรับ ดีกว่าพวกที่อยากมีชื่อเป็นที่ระลึกแต่ไม่เคยลงเงินลงแรงอีกหลายต่อหลายคน ไอ้ที่พากันวิจารณ์ด้านบนมันคับแคบจริงๆ

งั้นใครมีเงินก็เปลี่ยนชื่อวัดเป็นว่าเล่นได้ใช่มั้ยครับ   Cheesy
ยังพยายามนะครับ...คนมีเงินแต่ไม่คิดสร้างประโยชน์ให้สังคมเยอะแยะ แล้วคุณสิเรียมฯ(ตามชื่อเดิม)นั่นก็ไม่ได้เอาเงินฟาดหัวคนในชุมชนให้เปลี่ยนชื่อวัดตามชื่อแกที่ไหน เพราะความตั้งใจในการทำความดีและไม่ใช่ครั้งเดียว ชาวบ้านจึงยอมรับ พวกที่ไม่ใช่คนในพื้นที่เดือดร้อนทำไม แถมยังไปเอาข่าวมาจากสื่อมั่ว-ชั่วเอียงๆอีกเลยเบี่ยงประเด็นไปใหญ่ เอาเป็นว่าดีพวกสอพลอเอานามสกุลบางคนไปตั้งชื่อสะพานข้ามไปภูเก็ตก็แล้วกัน

ญาติเมียผมขายที่ดินแถวมีนบุรี แล้วนำเงินส่วนหนึ่งจากขายที่ได้จำนวน 42 ล้าน ไปบริจาคที่วัดคู้บอน... ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อวัดเพื่อเอาหน้าอะไรเลย...

ไม่เชื่อไปถามคุณวิชาญ มีนชัยนันท์ดูครับ.... เอ๋อ รับประทาน.... ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
สังเกตความแตกต่างระหว่างเหตุผลข้างบนกับข้างล่างดูได้ครับ
ผมว่าเรื่องชื่อวัดอยู่ที่ความ  พอใจพร้อมใจของคนหมู่มากในชุมชนมากกว่าสิ่งอื่นใด  ว่าคนส่วนใหญ่หรือคนหมู่มากในชุมชนนั้นๆ
เห็นสมควรว่าอย่างไร  จะตั้งชื่อว่าอะไร  หรือจะเปลี่ยนว่าอะไร  เพราะว่าวัดนั้นๆอยู่ในชุมชนของเขา  เขามีสิทธิ์ตั้งหรือเปลี่ยน
พวกเขาเห็นดีแล้วจึงตั้งชื่อนี้  หากเปลี่ยนแล้วชุมชนของพวกเขา/คนหมู่มากในชุมชนมีความสุข  ก็ช่างเขาเถอะครับ

ผมอ่านหนังสือเจอ  วัดใหญ่ๆ  ชื่อไพเราะเพราะพริ้ง  โดนศาลสั่งติดคุกจำคุกกันเป็นแถว บ้างรอศาลตัดสินไม่ไหวตายไปก่อนก็มี
ในคดีปลอมแปลงเอกสาร  เพื่อเสนอแต่งตั้งหรือตราตั้งท่านเจ้าคุณอะไรนี่แหละครับ  ผมว่าเรามาช่วยกันดูแลสอดส่ง
อะไรที่เป็นสาระกับพระพุทธศาสนากันตรงนี้ดีกว่าไหม  ไอ้พวกพระที่เห็นแก่ลาภสรรเสริญ  โกง/ซื้อแม้กระทั่งตราตั้ง

บันทึกการเข้า

"ข้าพเจ้าต่อสู้เพื่อคุณธรรมที่อยู่ในใจของข้าพเจ้า ใครที่ขัดขวางคุณธรรมนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด เราจะถือว่าเป็นศัตรู"
ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย เป็นประชารัฐ...
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #69 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 11:18:32 PM »


สะพานข้ามภูเก็ต  ชื่ออะไรครับ  Cheesy
สะพานสารสินครับ

[/quote]

 คิก คิก คิก คิก คิก คิก โดดน้ำฆ่าตัวตายดีกั่ว...
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #70 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 11:22:05 PM »


 คิก คิก คิก คิก คิก คิก โดดน้ำฆ่าตัวตายดีกั่ว...
[/quote]
จะลงความเห็นกระทู้นี้ อ่าน นี้ก่อน ครับ พี่กวาง  Smiley Smiley Smiley

คนในพื้นที่เขายังอนุโมทนาด้วยเลย กฐินก็เป็นกฐินพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เงินที่ได้มาก็มาจากศรัทธาที่จะบำรุงพุทธศาสนาของมหาชน คนที่เป็นผู้รวบรวมจนนำมาสร้างวัดพัฒนาได้ขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจและศรัทธาอย่างสูง สูงจนคนในท้องถิ่นยอมรับ ดีกว่าพวกที่อยากมีชื่อเป็นที่ระลึกแต่ไม่เคยลงเงินลงแรงอีกหลายต่อหลายคน ไอ้ที่พากันวิจารณ์ด้านบนมันคับแคบจริงๆ
บันทึกการเข้า
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #71 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 11:26:06 PM »

จะลงความเห็นกระทู้นี้ อ่าน นี้ก่อน ครับ พี่กวาง  Smiley Smiley Smiley

คนในพื้นที่เขายังอนุโมทนาด้วยเลย กฐินก็เป็นกฐินพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ เงินที่ได้มาก็มาจากศรัทธาที่จะบำรุงพุทธศาสนาของมหาชน คนที่เป็นผู้รวบรวมจนนำมาสร้างวัดพัฒนาได้ขนาดนี้ต้องมีความตั้งใจและศรัทธาอย่างสูง สูงจนคนในท้องถิ่นยอมรับ ดีกว่าพวกที่อยากมีชื่อเป็นที่ระลึกแต่ไม่เคยลงเงินลงแรงอีกหลายต่อหลายคน ไอ้ที่พากันวิจารณ์ด้านบนมันคับแคบจริงๆ
[/quote]


เห็นแล้วครับบัง...ขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืดครับ   Cheesy
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2010, 11:43:58 PM »

 คิก คิก คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า
prawin -รักในหลวง-
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 273
ออฟไลน์

กระทู้: 1218



« ตอบ #73 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 01:19:54 AM »

มาต่ออีกรอบครับ   ยิ้มีเลศนัย

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9530000163612

อนุสรณ์รัก “พายัพ - สิเรียม” หมายให้เป็นตำนานรักผ่าน “วัดเนรมิต บ้านสังกัน” ที่เคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขันกันเมื่อปีกลาย แม้งานบุญปีนี้จะไม่มี “พายัพ ชินวัตร” ใช่ว่าร่องรอยรักจะคลายคลอน หากแต่เป็นความประสงค์ของพายัพ ชินวัตร น้องชายของ นช. ทักษิณ ชินวัตรที่ต้องการให้ “ชื่อวัด” มีความโดดเด่นและเป็นประเด็นสำคัญยิ่งกว่าเรื่องส่วนตัวของเขากับเธอในปีนี้ !! ให้ชื่อนี้เป็นของขวัญยังความชุ่มชื่นหัวใจแก่โยมอุปัฏฐาก ผู้มีความฝันอยากมีชีวิตที่เพียบพร้อมอย่างนางวิสาขาในสมัยพุทธกาลที่สร้าง “พระวิหารบุพพาราม” ส่วนชื่อวัดเดิม ไม่เป็นมงคล เป็นเพียงข้ออ้าง !?
       
       “เกลียดกัน” ไม่เหมาะกับอนุสรณ์ความรัก
       ชื่ออย่างเป็นทางการคือ “วัดเนรมิต” แปลว่า สร้างหรือบันดาลด้วยอำนาจฤทธิ์ ไม่มงคลตรงไหน !?
       ชาวบ้านนิยมเรียกวัดนี้ด้วยชื่อไม่เป็นทางการว่า “วัดบ้านสังกัน” คำนี้ “สังกัน” ตามเอกสารขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงชื่อวัด ระบุว่า “สังกัน เป็นภาษาถิ่นอีสาน หมายถึง เกลียดกัน”
       คำเดียวกันนี้ ภาษาเขมร แปลว่า “ขี้เหล็ก” !!
       
       การเปลี่ยนชื่อวัด ผ่านตามขั้นตอนโดยการเห็นชอบจากเจ้าคณะตำบล, อำเภอ, จังหวัด และภาค รวมถึงนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดถึงมหาเถรสมาคม ถ้าเชื่อกันตามนี้ ความไม่เป็นมงคลน่าจะมาจากชื่อหมู่บ้านมากกว่าชื่อวัด ถ้าจะเปลี่ยนชื่อจริง ต้องเปลี่ยนชื่อหมู่บ้าน ไม่ใช่ชื่อวัด !!
       
       แม้วันนี้ชื่อวัดจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ป้ายชื่อวัดยังเป็น “วัดสิเรียมพุทธาราม บ้านสังกัน” ยังมีคำว่า “สังกัน” ที่แปลว่า “เกลียดกัน” อันเป็นคำแสลงหูของพายัพ ชินวัตร อยู่ เพราะฉะนั้น … การเปลี่ยนชื่อวัดที่อ้างว่าไม่เป็นมงคลจึงเป็นแค่ “ข้ออ้าง” เท่านั้น …
       
       เขียนประวัติให้เครดิตแก่สิเรียมว่า ในช่วงที่ก่อสร้างวัดใหม่ๆ แอน สิเรียมได้เข้ามาในหมู่บ้านเพื่อเสาะหาวัดเล็กๆที่จะทำนุบำรุงในฐานะโยมอุปัฏฐาก พร้อมทั้งได้พาญาติโยมมาร่วมทำบุญต่อเนื่อง ชาวบ้านจึงเห็นชอบให้ใช้ชื่อสิเรียมเป็นชื่อวัด
       
       กรมการศาสนาอนุมัติให้สร้างวัดเมื่อปี 2545 โดยก่อนหน้าเป็นเพียงที่พักสงฆ์มาตั้งแต่ปี 2541 และสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2547 โดยพระปลัดสุวิทย์ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสังกันแห่งนี้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2548
       
       ปี 2551 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระราชาทินัดดามาตุ ประทานผ้ากฐินทอดถวาย
       ปี 2551 - 2552 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานผ้าพระกฐิน
       บางกระแสข่าว สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ เพิ่งจะเข้ามายังวัดแห่งนี้ไม่เกิน 3 ปีเท่านั้น โดยปีที่แล้วเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาก ในกรณีที่พายัพ ชินวัตรกับสิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ สำหรับในปีนี้ เมื่อเสร็จจากพิธีทอดพระกฐินครั้งนี้ สิเรียมได้มอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและมอบผ้าห่มกันหนาวให้แก่ผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก
       
       “ชื่อวัด” ของขวัญจากพายัพ
       
       วัดบ้านสังกันแห่งนี้มีความสำคัญกับพายัพ - สิเรียม ในฐานะที่เป็นวัดเชื่อมเนื้อคู่บุพเพสันนิวาส ปีที่แล้ว ทั้งคู่ประทับใจและมีจิตอาวรณ์ต่อ “กฐินประสานใจ” ซึ่งต่อมา ภาพชุดไทยของฝ่ายหญิง และ ไทสีหวานของฝ่ายชายที่ใส่มาร่วมงานกฐินเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เรื่องราวของเขาและเธอกระฉ่อนไปทั้งประเทศเป็นที่รับรู้แก่สาธารณชนในวงกว้าง … ต่อมาราวๆกลางพฤศจิกายน พายัพ- สิเรียมมีเรื่องแตกหักกันอย่างรุนแรงถึงขนาดที่ฝ่ายหญิงหนีไปพำนักยังต่างประเทศ ปีนั้นเองที่สิเรียมได้รับฉายาว่า “ม่ายลี้ภัย”
       
       แต่กระนั้น สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์กับพายัพ ชินวัตรก็ยังหมุนเวียนและได้กลับมารักกันเป็นครั้งที่ 2 และตามรายงานข่าวของ “โสมชบาจ๊ะจ๋า” เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา กล่าวว่า “แถมความสัมพันธ์แฮปปี้ดีกว่าเก่าอีก” ช่วงที่ทำท่าจะเป็นข่าวใหญ่ บังเอิญมาเกิดในช่วงจังหวะเดียวกับ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ เกิดวิกฤตในชีวิต ข่าวของฟิล์มก็เลยกลบกระแสของ “พายัพ - สิเรียม” ลงอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งข่าวบันเทิงทั้งหลายเริ่มซาและลดความแรงลง เรื่องการเปลี่ยนชื่อวัดก็เข้ามาสร้างความฮือฮาให้แก่วงการอีกครั้ง
       
       เบื้องหลังความหวานชื่นของสิเรียมและพายัพที่กลับมาพบกันอีกครั้ง ก็เพราะพายัพ ชินวัตรตั้งใจรับขวัญเธอด้วยการเปลี่ยนชื่อวัดเพื่อให้เป็นอนุสรณ์แห่งรักที่พายัพมีต่อสิเรียม ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ตามที่อ้างกันเพื่อเป็นเหตุผลในการเปลี่ยนชื่อวัดแต่อย่างใด
       
       พายัพ ชินวัตร ฉลาดและรู้ว่า ผู้หญิงอย่าง สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ที่เขาหมายมั่นและตั้งใจผูกใจไว้นั้น มีเพียง “ธรรมะ” ที่จะเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้งได้ คนอย่างพายัพที่อ้างตัวว่า “ชีวิตติดธรรมะ” รู้และมองทะลุว่า “แอน” สิเรียมนั้นยึดเอา “นางวิสาขา” เป็นแรงบันดาลใจแห่งธรรม
       
       ตามประวัติของนางวิสาขา เป็นผู้มีศรัทธาในพระศาสนาอย่างแรงกล้า ถวาย “พระวิหารบุพพาราม” และโลหะปราสาทหลังแรกแก่พระพุทธเจ้า และพระพุทธองค์ยกย่องให้นางวิสาขาเป็นผู้เป็นเลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย
       
       ณ วันนี้ … พายัพ ชินวัตร เปลี่ยนชื่อวัดบ้านสังกัน เป็นชื่อ “วัดสิเรียมพุทธาราม” เพื่อให้ชื่อของเธออยู่เคียงข้างกับพระศาสนา นี่แหละที่สิเรียมเคยบอกเสมอว่า ถูกใจพายัพในเรื่องทำบุญ” ที่สำคัญชื่อ “สิเรียม” นี้มีความหมายตรงกันข้ามกับ “สังกัน” โดยสิ้นเชิง สามารถเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ด้วย “ความหมาย” !!
       
       “สิเรียม” คำนี้ สันติ เศวตวิมลเป็นผู้ตั้งให้ !! โดยเปลี่ยนแต่ชื่อ จาก “วิริญ” เป็น “สิเรียม” และให้กลับไปใช้นามสกุลเดิมของแม่คือ “ภักดีดำรงฤทธิ์” แทน “ กิ๊บสัน” ของพ่อ ชื่อสิเรียมนี้ สันติ ให้เหตุผลว่า แอน สิเรียมเป็นลูกครึ่งไทย - อเมริกัน ซึ่งบังเอิญว่าสันติเคยไปเที่ยวเมืองหนึ่งในพม่า อยู่ที่ปากอ่าวเมาะตะมะ ซึ่งมีลูกครึ่งพม่า - โปรตุเกส สวยๆอยู่กันมาก จึงใช้ชื่อนี้ !! อีกทั้งคำแปลของคำนี้ หมายถึง “สิ่งอันเป็นที่รัก ที่ครองความมั่นคง”
       
       สิเรียมพุทธาราม หมายถึง “อารามพุทธซึ่งเป็นที่รักอันมั่นคง” … ว้าว … ขนาดนี้เชียว !
       
       พายัพ คนนี้ป็นน้องชายคนเดียวของทักษิณ ชินวัตร และเป็นผู้ดูแลภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งเป็นอดีตสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดเชียงใหม่ เล่ห์เหลี่ยมทางโลกและทางธรรมบวกกับบทเรียนในปีที่แล้ว ทำให้เขาฉลาดขึ้น ปีนี้ เขาถอยฉากมาอยู่เบื้องหลัง ไม่ต้องการออกหน้าขโมยซีนให้เป็นข่าวคาวอย่างปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ก็เรียกคะแนนเสียงด้วยการปล่อยให้สิเรียมภาคภูมิใจกับชื่อใหม่ของวัดบ้านสังกันอย่างเต็มที่ !?
       
       เอกสารขอเปลี่ยนชื่อวัด
       ขอความเห็นชอบเปลี่ยนแปลงชื่อ วัดบ้านสังกัน เป็น “วัดสิเรียมพุทธาราม” จังหวัดศรีสะเกษ
       ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๒/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๓ เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า พระราชโมลี รองเจ้าคณะภาค ๑๐ ปฏิบัติ-หน้าที่แทนเจ้าคณะภาค ๑๐ ได้มีลิขิต ที่ สภ.๑๐๐๓/๔๐๙ ลงวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ แจ้งว่า ได้ส่งรายงานขอเปลี่ยนแปลงชื่อ วัดบ้านสังกัน ตั้งอยู่ที่ บ้านสังกัน หมู่ที่ ๙ ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เป็น “วัดสิเรียมพุทธาราม” เนื่องจากคำว่า สังกัน เป็นภาษาถิ่นอีสานหมายถึงเกลียดกัน
       
       สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏว่า วัดบ้านสังกัน ได้ประกาศตั้งวัด เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๗ มีอายุไม่เกิน ๕๐ จะต้องเสนอ มหาเถรสมาคมพิจารณาก่อนแล้วจึงนำเสนอคณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยน-แปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่นๆ ของกระทรวงมหาดไทยพิจารณา โดยได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองและเจ้าคณะ-พระสังฆาธิการเจ้าสังกัดตามลำดับจนถึงพระราชโมลี รองเจ้าคณะภาค ๑๐ ปฏิบัติหน้าที่แทนเจ้าคณะภาค ๑๐ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว
       
       สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา
       ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงชื่อ วัดบ้านสังกัน ตำบลสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ เป็น “วัดสิเรียมพุทธาราม”
       
       วัดเสริมบุพเพฯ “พายัพ - แอน”
       เมื่อปีที่แล้ว เรารู้จัก“วัดบ้านสังกัน” แห่งนี้ ก็เพราะ “พายัพ ชินวัตร” พา “สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์” มาทำบุญทอดกฐินกันที่วัดแห่งนี้ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2552 ภาพที่พายัพใส่สูทผูกเนกไทสีชมพูที่ตัดมาจากผ้าไหมชินวัตรในพับเดียวกับชุดไทยแขนกระบอกของสิเรียม ไม่ต้องอธิบายเรื่องราวอื่นใดให้มากความไปกว่านี้
       
       สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ เป็นคนพูดเองว่า จะไม่มีการแต่งงานหนที่ 3 ในชีวิต สิเรียมในครั้งนั้น บอกกับใครต่อใครว่า พายัพเพียงแค่เอ็นดูเธอ ไม่ได้มีท่าทีว่าจะจีบ และยอมรับว่าถูกใจในเรื่องทำบุญ ขณะที่ฝ่ายพายัพ ชินวัตรเองกลับให้การไปอีกแบบ เขาบอกกับใครต่อใครว่า สิเรียมคนนี้แหละเป็นสาวในสเปก อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น แถมยังบอกอีกว่า ปัจจุบัน ไม่ใช่แฟน แต่อนาคตไม่แน่
       หลังงานบุญทอดกฐินเมื่อปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แตกหัก สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ตัดสินใจออกจากวงการอย่างถาวร โดยไม่ร่ำลาใคร !!
       
       ระหว่างที่มีปัญหากับพายัพ ชินวัตรเมื่อปลายปีที่แล้ว อดีตนางเอกและพิธีกรสาวอย่างสิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ พยายามที่จะหา “ตัวช่วย” ที่จะเข้ามาคุ้มครองดูแล ในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายนที่ผ่านมา เธออยู่ภายใต้อุ้งมือของ “เสี่ย พ.” นักธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งก็คือ ไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม “ไพโรจน์ บ้านฉาง” ที่เป็น “คนสนิท” ของ นช. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเข้ามาช่วยเหลือในยามที่ชีวิตถึงคราวหน้าสิ่วหน้าขวาน และผู้ชายคนนี้ยังสามารถพาธุรกิจของเธอไปยังประเทศต่างๆ ได้ รับรู้กันว่า เสี่ยไพโรจน์ผู้นี้เป็นนายหน้าทางธุรกิจคนสำคัญให้ทักษิณไปลงทุนทำธุรกิจต่างๆในเมืองดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งพายัพ ชินวัตร ยังดูด้อยค่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆในวงศ์วาน “ชินวัตร” ในสายตาทักษิณ ผู้เป็นพี่ชาย ดังนี้ สายตาของไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ที่มองไปยังพายัพ ก็ไม่แตกต่างจากทักษิณ เท่าไรนัก ครั้งนั้นไพโรจน์ได้บลัฟพายัพด้วยการทิ้งเศษเงิน 3 ล้านบาทด้วยการซื้อแหวนประดับเพชรให้สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์
       
       ขณะนั้น เป็นช่วงเวลาที่สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ เดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อเปิด สลิมมิ่ง พลัส บายด์ สิเรียม ที่ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ ในระหว่างนี้ พายัพ ชินวัตรเริ่มพยายามที่จะกลับมาวนเวียนในชีวิตของสิเรียมอีกครั้ง ประโยคนี้ที่พายัพ ชินวัตรเคยกล่าวไว้ ยังคงใช้ได้เสมอกับ “แอน” สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์
       
       “ วันนี้อาจไม่ใช่แฟน แต่วันหน้าไม่แน่ เพราะสวยถูกสเปก”
       
       สุดท้ายพายัพ ชินวัตรก็ช่วงชิงเอา สิเรียม ให้กลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้งจนได้ !! เพราะพายัพ ชินวัตรไม่ยอมแพ้ ไม่สิ้นความพยายามที่จะติดต่อและส่งคนไปไกล่เกลี่ยความเข้าใจผิด ณ ช่วงเวลานั้น ผู้ชาย 2 คนต่างก็หมายหัวใจของม่ายสาวอย่างสิเรียม ทั้งคู่ต่างก็มีฐานะ และสามารถเกื้อกูลต่อสิเรียมในทางธุรกิจ แต่สิ่งชนะหัวใจของสิเรียมมีเพียงเรื่องเดียวคือ “ทำบุญ” นี่แหละ
       
       เรื่องราวความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของสิเรียมและพายัพ ถูกนำมาปูความสัมพันธ์ ภายใต้ความเอื้อเกื้อกันทั้งในงานบุญและธุรกิจ ต้องยอมรับว่า ในประเทศไทยนั้น ธุรกิจความงามของสิเรียมบางแห่งอาจจะไม่ประสบความสำเร็จจนต้องปิดตัวเอง แต่การกลับมาของพายัพ ชินวัตรในหนใหม่ครั้งนี้ เขาได้เข้ามาร่วมทุนเพื่อเปิดธุรกิจความงามในต่างประเทศ โดยติดต่อ ประสาน และดำเนินการร่วมผ่านไปยังบุคคลที่พายัพมีคอนเนกชันเพื่อกรุยและหาช่องทางด้านธุรกิจ ขณะเดียวกัน แม้แต่ชื่อวัดก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นของขวัญได้ นับประสาอะไรอย่างอื่นที่จะให้ไม่ได้ ขอเพียงแต่เอื้อนเอ่ยและบัญชามาเถิด … แอน
       
       บิลลี่จะแต่งงาน - นนนี่คลอดลูกแล้ว
       บางทีเรื่องธรรมะ งานบุญ อาจจะเป็นเรื่องที่สิเรียมพยายามที่จะกลบบางเรื่องราวที่หนักหนาสาหัสในชีวิต วันนี้คนที่เคยแวดล้อมสิเรียม เริ่มจะมีเรื่องราวใหม่ๆ บิลลี่ โอแกน อดีตสามีคนแรกของสิเรียมกำลังจะแต่งงานใหม่ ขณะที่ลูกสาว "นนนี่" ข่าวใหม่ล่าสุด บอกว่า คลอดลูกแล้ว !!
       
       ชีวิตสิเรียม ภักดีดำรงค์ฤทธิ์ หลังเลิกรากับ บิลลี่ โอแกน และราจิต แสงชูโต โดยรับภาระหน้าที่ในการเลี้ยงดู ลูกสาว "นนนี่" หรือ "นนลนีย์ โอแกน" หลังการแต่งงานครั้งที่ 2 ล้มเหลว “แอน” สิเรียมประกาศว่าจะไม่มีการแต่งงานหน 3 อีก และจะขอใช้ชีวิต “ม่าย” เลี้ยงดูลูกสาว แต่กระนั้น ก็มีข่าวเรื่องที่เธอไปพัวพันกับพายัพ ชินวัตร และไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ ตามลำดับ
       
       ฟาก "บิลลี่ โอแกน" อดีตสามีที่ยังคงวนเวียนอยู่ในคอนเสิร์ต แวดวงดนตรี โผล่มาครั้งหลังสุดมีเรื่องเซอร์ไพรส์ด้วยการ เตรียมแต่งงานใหม่กับสาวนอกวงการที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าลูกสาวคนเดียวอย่างนนนี่ว่ายังไม่ทราบว่าพ่อจะแต่งงานใหม่ โดยพ่อของเธอบอกเพียงว่าจะบอกต่อเมื่อเรื่องทุกอย่างพร้อมแล้ว โดยก่อนหน้านี้ หลังหย่ากับสิเรียม บิลลี่ได้คบหาดูใจกับ "โบว์-ปรารถนา องค์ชัยศักดิ์" ก่อนที่จะมาพบรักอีกครั้งกับสาวนอกวงการคนดังกล่าวถึงขนาดจะแต่งงานใหม่ในเร็ววันนี้
       
       ในขณะที่พ่อและแม่ต่างมีเวลาให้แก่ "คนใหม่" และ "สิ่งใหม่" ในชีวิต ลูกสาวอย่างนนนี่ก็มีข่าวลือที่ไม่ดีนัก ทั้งการตั้งครรภ์ที่เกิดจากความผิดพลาดกับอดีตสามีของน้องสาวพระเอกชอบขับรถ ข่าวลือจะเป็นจริงหรือไม่ ไม่สำคัญเท่ากับว่าพ่อและแม่ได้มีส่วนช่วยดูแลหัวใจและให้ความอบอุ่นกับลูกจริงหรือไม่ เพราะเท่าที่ดูแล้วพ่อแม่ต่างมีกิจกรรมต่างๆที่ไม่ค่อยได้ให้ลูกได้รับรู้ ข่าวฉาวที่เกิดขึ้นกับอดีตครอบครัวที่ล้มเหลวไปแล้วจึงรุมเร้าอยู่ในขณะนี้ บางครั้งชีวิตของ "นนนี่" อาจอยากได้พ่อและแม่ที่พร้อมเข้าใจมากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเรื่องบางเรื่องพ่อแม่จะตอบคำถามลูกได้ดีกว่า "ญาติ" อย่ามัวแต่ห่วงสุขตัวเองจนลืม "นึกถึงลูก" (บ้าง) ก็แล้วกัน !!
       
       ไปวัดให้น้อยลง เยี่ยมลูกให้มากขึ้น น่าจะทำให้สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ รู้จัก “ความรักและความสุข” ที่แท้จริง
       ....................
       
       ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 59 วันที่ 20 - 26 พฤศจิกายน 2553

บันทึกการเข้า

คนดีไม่มีคำว่าเป็นกลาง เพราะคนดีแยกแยะความผิด ความชั่ว และความดีออกจากกันได้
เมื่อเราเป็นคนดี และเราเห็นอยู่แล้วว่าอะไรดี อะไรชั่ว  แล้วเราจะยืนอยู่เป็นกลางได้อย่างไร
การเป็นกลางในสภาวะที่แข่งกันระหว่างความดีและความชั่ว เรียกว่าความกลัวแห่งคนขี้ขลาด
หยุดกลัว หยุดขี้ขลาด

อ.เสรี วงษ์มณฑา 18/11/5
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #74 เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 02:04:41 AM »

จากหลายๆ คอมเม้นของข่าวแรกกับข่าวล่าสุด คนไม่เห็นด้วยอื้อเลย ถ้าเจ้าตัวได้อ่าน คงสะเทือนใจน่าดู และต้องกลับไปมองตัวเองว่าสมควรหรือไม่

 
 ไหว้
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 4 [5] 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.189 วินาที กับ 22 คำสั่ง