ชาวนารุ่นใหม่และลูกหลานจำนวนไม่น้อย "โคตรขี้เกียจ" ... หนุ่มสาวชนบทยุคใหม่จำนวนมาก เสร็จหว่านไถปักดำก็นอนกระดิกเท้านั่งกินนอนกินบุญเก่าค้างยุ้งของบรรพบุรุษ อยู่ที่บ้าน กลางวันเป็นเด็กแว้นท์ ตกเย็นกินเหล้า ไม่คิดทำมาหากินอย่างอื่น นั่งนอนผลาญเงินพ่อแม่รอไป 3-4 เดือนค่อยย้ายพุงมาเก็บเกี่ยว ถ้าโชคดีทำนาได้หลายรอบก็หว่านดำรอบใหม่ แล้วก็นั่งเป็นลูกเทวดาไปอีก 3-4 เดือน เป็นวงจรสันหลังยาว ระบาดไปทั่ว อย่างนี้จะไม่จนยังไงไหว
พวกที่ทำนาได้รอบเดียวก็จำต้องมาหางานทำในเมืองใหญ่ เป็นแรงงานไร้ฝีมือ ทำงานพอได้เงินก็ไปลงขวดเที่ยวเตร่ พอเก็บเงินได้สี่ซ้าห้าพันก็หาโอกาสกลับไปทำร่ำทำรวยที่บ้าน พอเงินหมดก็นั่งๆนอนๆให้พ่อแม่ตายายเลี้ยงอีก เบื่อนักก็ค่อยเข้าเมืองมาหางานทำ เพื่อจะกลับไปใหม่ ... นี่ยังไม่นับพวกที่มาได้เมียมีลูกกันตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วส่งกลับไปเป็นภาระของพ่อเฒ่าแม่เฒ่าต้องมาเลี้ยงดู ทั้งที่บ้านก็ลำบากอยู่แล้ว
ผมว่าคนมองปัญหานี้ ....... มองที่ปลายเหตุ
ถ้าให้พิมพ์ คงเมื่อยมือ ......... ถามแค่ว่า
คุณเคยเห็นคนที่ขยันทำมาหากินบ้างมั้ย ... แล้วเค้าร่ำรวย "ทุกคน" หรือเปล่า
คุณรู้จักเถ้าแก่โรงสีซักคนมั้ย คุณว่าเค้าทำงานหนักหรือเปล่า ... แล้วเค้ายากจนมั้ย
......... ชีวิตคนบางครั้ง ได้ ดี มี จน แตกต่างกันแค่ "โอกาส" เท่านั้นล่ะครับ
เราไม่สามารถทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่ากันได้ ... แต่เราน่าจะเฉลี่ยโอกาส ให้กันได้นะ
ผมทึ่งในความคิดของพี่จริงๆครับ
ผมเองไม่ได้ดูถูกความคิดพี่หรอกครับ การที่พี่โพสแบบนั้น บางส่วนอาจจะจริง ชาวนาส่วนมากอาจจะไม่เก่งอย่างอื่น เพราะว่า
บรรพบุรุษเค้าทำนามาตลอด แต่เคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างมั้ย ครับว่า จะให้เค้าออกไปทำอย่างอื่นนั้น มันก็ไม่ง่าย ให้เค้าเริ่มต้นใหม่กับงานใหม่
ชาวนาส่วนมาก มักจะไม่ค่อยมีความรู้ซักเท่าไหร่ บางคน ม.3 ก็เก่งแล้ว ชาวนาส่วนมากที่ผมรู้มาก็คือ บางครั้งเค้าดิ้นรน ทุกวิธี เพื่อจะ
ให้มีรายได้ที่มากขึ้น แต่เนื่องจาก
1 เงินลงทุนที่แทบจะไม่มี
2.ความรู้ไม่มาก
3.พูดจาไม่ไพเราะ (ภาษาชาวบ้าน)
แล้วท่านจะ ให้เค้าเป็น ผู้จัดการหรือครับ ใช่ครับ เค้าเป็นไม่ได้
เอ้า! จะเปิดร้านขายของ ทุนก็ไม่ค่อยมี เปิดได้ไง
สิ่งเดียวที่เค้าทำได้คือ การ ใช้แรงงานที่มีแลกกับเงิน ด้วยการไปเป็น กรรมกร
หรือลูกจ้างรายวัน หรืออะไรก็แล้วแต่
ที่ใช้แรงแลกเงิน อันน้อยนิด แต่ในขณะที่ ค่าครองชีพมันสูง เค้าก็ไม่พอกินหรือเก็บเงินไม่ได้มากพอ
เดือนชนเดือน ส่วนพวกกินเหล้าเมาย๋ำเป พวกนั้น มันเป็นสิทธิ์ของเค้า
หรือว่า พวกคนรวย แดรกไวน์ กินออนเดอะร็อก ไม่ผิด ชาวนารุ่นใหม่และลูกหลานจำนวนไม่น้อย "โคตรขี้เกียจ" ... หนุ่มสาวชนบทยุคใหม่จำนวนมาก เสร็จหว่านไถปักดำก็นอนกระดิกเท้านั่งกินนอนกินบุญเก่าค้างยุ้งของบรรพบุรุษ อยู่ที่บ้าน กลางวันเป็นเด็กแว้นท์ ตกเย็นกินเหล้า ไม่คิดทำมาหากินอย่างอื่น นั่งนอนผลาญเงินพ่อแม่รอไป 3-4 เดือนค่อยย้ายพุงมาเก็บเกี่ยว ถ้าโชคดีทำนาได้หลายรอบก็หว่านดำรอบใหม่ แล้วก็นั่งเป็นลูกเทวดาไปอีก 3-4 เดือน เป็นวงจรสันหลังยาว ระบาดไปทั่ว อย่างนี้จะไม่จนยังไงไหว พี่พูดเหมือน พี่เป็นหนึ่งในนั้นเลย ครับ
เยี่ยมจริงๆ
อย่าเปลี่ยน ยูสเซอร์ของพี่นะ ผมว่าเหมาะแล้ว ครับ
เห็นด้วยครับมันก็ไม่ผิดหรอก ถ้าใครกินบ้างตามฐานานุรูป คนจนกินเหล้าขาว เหล้าแดง คนรวยกินไวน์ขวดเป็นพันเป็นหมื่น กินสก๊อตขวดเป็นพันๆ การที่กล่าวโทษคนจนว่ากินเหล้าเมายาถึงจนอยู่แบบนี้ จริงๆ มันกินกันทุกระดับล่ะครับ แต่คนมีตังค์กินแล้วดูดี ฮา....มั้ยเนี่ย(คนเหมือนกัน)
เมื่อไม่กี่วันมานี้ไงครับ ที่คนระดับกลาง ระดับบน มานั่งคุยกัน ว่าค่าแรงจริงๆ ที่จะทำให้คนอยู่ได้นี่มันควรจะเท่าไหร่??
วันนี้หอการค้าไทยประชุม ยังคุยเรื่องนี้เลย ไอ้วันละร้อยสองร้อย มันไหวเหรอ กับค่าครองชีพในปัจจุบัน
พูดตรงๆ มันก็เอารัดเอาเปรียบกันมานานแล้วครับ ไอ้ค่าแรงขั้นต่ำที่ขึ้นปีละบาทสองบาท แต่ข้าวขึ้นจานละ5-10บาท
ความเหลี่อมล้ำในสังคมไทย มันมีจริงและมันเกาะกิน กดขี่คนระดับล่างมายาวนานครับ
ฟังมาหลายคณะที่ตั้งกัน ก็บอกตรงกัน มันถึงเวลาแล้วที่จะสังคายนากันซักที