เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 03:04:32 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9] 10 11 12 ... 20
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมชาวนาไทยยังยากจน  (อ่าน 56568 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 11 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
SOAP47 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 333
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5792



« ตอบ #120 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 11:15:09 AM »

คะแนน คุณขุนช้าง ไม่สวย ผมบวกให้ครับ + สำหรับเรื่องดีๆ
บันทึกการเข้า

THIS IS MY STEYR.
THERE ARE MANY LIKE IT, BUT THIS ONE IS MINE.
WITHOUT MY STEYR,I AM NOTHING.
WITHOUT ME, MY STEYR IS NOTHING.
นายกระจง
Cement For Life.....
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2938
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 31460


ช่างมันเถอะ


« ตอบ #121 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 11:36:00 AM »

ไหว้ขออภัยจขกท.ที่นอกประเด็นครับ ทุกเรื่องมันเกี่ยวกันหมด ระบบแย่ๆ รถมันวิ่งไม่ได้หรอก ยังไงก็รวน

ตอนนี้อาเซียนเปิดเสรี ผมละหดหู่ใจ ดูอินโดนีเซีย ดูมาเล ดูสิงคโปร เขาไปไหนกันแล้ว มาเลมันจะประกาศเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอีกไม่กี่ปีนี้

เราทำอะไรก็อยู่ เราทำอะไรกันอยู่ครับ.................... Tongue




ไม่เป็นไรครับพี่เบิ้ม หลากหลายความคิดเห็นอาจจะเป็นประโยชน์กับชาวนาบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ
บันทึกการเข้า

เกิดเป็นคนต้องอดทน ไม่อดทนก็อดตาย
 
supreme
Hero Member
*****

คะแนน 127
ออฟไลน์

กระทู้: 1187



« ตอบ #122 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 09:08:25 PM »

อ่าน คคห. ของบางท่านแล้ว รู้สึกจุกเจ็บจริงๆครับ   เนื่องจากคนรุ่นปู่ย่าตายายผมขึ้นไป ทำนา ทำสวนกัน  ย่าผมมีลูก ๗ คน ยายผมลูก ๓  ย่าผม ทำนาทำสวน เลี้ยงหมูกับไก่ รายจ่ายก็มีแค่ น้ำมันตะเกียง กับ เกลือ น้ำตาล น้ำปลา  สมัยนั้น ฝนตก น้ำท่วม ถูกต้องทุกปี  แมลง หนู หอยเชอรี่ไม่ค่อยมี ได้มากได้น้อยก็ผ่านไปได้ทุกปี บวชลูกได้ทุกคน   เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญศิวิไลซ์  ธรรมชาติผิดเพี้ยนโยนกันไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้  คนที่พึ่งพาธรรมชาติมากก็ต้องกระทบมาก

พอมารุ่นพ่อผม ก็ทำนา แต่กินขายไม่พอใช้  อาจเป็นเพราะสังคมมันเปลี่ยน เงินทองมีความสำคัญมากขึ้น สุดท้ายก็ต้องเข้ากรุงเทพมาหางานทำ  มีครอบครัว มีภาระ วิถีชีวิตแบบคนเมือง  ที่ดินก็ขายให้โรงสีที่อยู่ติดกัน

คำว่าขี้เกียจ หรือเกียจคร้าน ถ้าใช้กับคนๆนึงคือคำตำหนิพอรับฟังได้  แต่ถ้าเอามาใช้กับคนหมู่มาก ผมคิดว่ามันไม่สมควรครับ  เราควรมองภาพรวมว่า กลไกอะไรที่ผลักดันและดึงให้คนเป็นเช่นนั้น  คนเรามีกิเลสพอๆกันทั้งนั้นแหละ  ถ้าเป็นชาวนามีที่ ๕ไร่ แต่ต้องอดออมถึงจะอยู่รอด กับเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลางๆมีบ้าน ๕๐ ตารางวา แล้วต้องเลือกผมว่าน้อยนักที่จะเลือกเป็นชาวนา  หรืออย่างเรารณรงค์ให้ทำโน้นทำนี่  แต่คนทำต้องลำบาก  มันก็พอได้ผลบ้างตอนแรกๆเท่านั้นแหละ  ถ้าไม่สร้างกลไกอะไร มันไปต่อไม่ได้หรอกครับ

สมัยก่อนเราเป็นเกษตรกันทั้งประเทศ  เพื่อนบ้านก็จนพอกัน  เงินทองมีนิดหน่อยก็อยู่ได้   พอเราไปเปิดโลกทัศน์เห็นประเทศอื่นเขาเจริญ เราก็อยากเจริญทันสมัยแบบเขาบ้าง  วัตถุนิยมที่หลับอยู่ในจิตใจก็ออกมาทันที  อุตสาหกรรม ส่งออก ท่องเที่ยว เอาหมด   กดราคากันเอง  ว่ากันตั้งแต่ข้าราชการ  แรงงาน เกษตร เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาประเทศเอาไว้  กดนานจนลืมและชินชา  ที่จะต้องแก้ไข ไม่งั้นข้าราชการจะไม่มีคนทำ  แรงงานก็ต้องเอาต่างด้าวมาแทน  ชาวนาก็ต้องขายกิจการหรือให้คนเช่า

ถ้ามีคนจะไหลออกก็อย่าว่ากันเลยครับ  คนธรรมดาทั่วๆไป มีธรรมชาติที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องเปลี่ยนแปลง  แสดงว่ามันไม่ไหวจริงๆ  ไหว้
บันทึกการเข้า

การศึกษาโดยไม่คิด ไร้ประโยชน์    การคิดโดยไม่ศึกษา เป็นอันตราย
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #123 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2010, 09:20:19 PM »

อ่าน คคห. ของบางท่านแล้ว รู้สึกจุกเจ็บจริงๆครับ   เนื่องจากคนรุ่นปู่ย่าตายายผมขึ้นไป ทำนา ทำสวนกัน  ย่าผมมีลูก ๗ คน ยายผมลูก ๓  ย่าผม ทำนาทำสวน เลี้ยงหมูกับไก่ รายจ่ายก็มีแค่ น้ำมันตะเกียง กับ เกลือ น้ำตาล น้ำปลา  สมัยนั้น ฝนตก น้ำท่วม ถูกต้องทุกปี  แมลง หนู หอยเชอรี่ไม่ค่อยมี ได้มากได้น้อยก็ผ่านไปได้ทุกปี บวชลูกได้ทุกคน   เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญศิวิไลซ์  ธรรมชาติผิดเพี้ยนโยนกันไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้  คนที่พึ่งพาธรรมชาติมากก็ต้องกระทบมาก

พอมารุ่นพ่อผม ก็ทำนา แต่กินขายไม่พอใช้  อาจเป็นเพราะสังคมมันเปลี่ยน เงินทองมีความสำคัญมากขึ้น สุดท้ายก็ต้องเข้ากรุงเทพมาหางานทำ  มีครอบครัว มีภาระ วิถีชีวิตแบบคนเมือง  ที่ดินก็ขายให้โรงสีที่อยู่ติดกัน

คำว่าขี้เกียจ หรือเกียจคร้าน ถ้าใช้กับคนๆนึงคือคำตำหนิพอรับฟังได้  แต่ถ้าเอามาใช้กับคนหมู่มาก ผมคิดว่ามันไม่สมควรครับ  เราควรมองภาพรวมว่า กลไกอะไรที่ผลักดันและดึงให้คนเป็นเช่นนั้น  คนเรามีกิเลสพอๆกันทั้งนั้นแหละ  ถ้าเป็นชาวนามีที่ ๕ไร่ แต่ต้องอดออมถึงจะอยู่รอด กับเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลางๆมีบ้าน ๕๐ ตารางวา แล้วต้องเลือกผมว่าน้อยนักที่จะเลือกเป็นชาวนา  หรืออย่างเรารณรงค์ให้ทำโน้นทำนี่  แต่คนทำต้องลำบาก  มันก็พอได้ผลบ้างตอนแรกๆเท่านั้นแหละ  ถ้าไม่สร้างกลไกอะไร มันไปต่อไม่ได้หรอกครับ

สมัยก่อนเราเป็นเกษตรกันทั้งประเทศ  เพื่อนบ้านก็จนพอกัน  เงินทองมีนิดหน่อยก็อยู่ได้   พอเราไปเปิดโลกทัศน์เห็นประเทศอื่นเขาเจริญ เราก็อยากเจริญทันสมัยแบบเขาบ้าง  วัตถุนิยมที่หลับอยู่ในจิตใจก็ออกมาทันที  อุตสาหกรรม ส่งออก ท่องเที่ยว เอาหมด   กดราคากันเอง  ว่ากันตั้งแต่ข้าราชการ  แรงงาน เกษตร เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาประเทศเอาไว้  กดนานจนลืมและชินชา  ที่จะต้องแก้ไข ไม่งั้นข้าราชการจะไม่มีคนทำ  แรงงานก็ต้องเอาต่างด้าวมาแทน  ชาวนาก็ต้องขายกิจการหรือให้คนเช่า

ถ้ามีคนจะไหลออกก็อย่าว่ากันเลยครับ  คนธรรมดาทั่วๆไป มีธรรมชาติที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องเปลี่ยนแปลง  แสดงว่ามันไม่ไหวจริงๆ  ไหว้
เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #124 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:09:21 AM »

เห็นด้วยกับพี่ supreme .... ขอบคุณที่เรียบเรียงความคิดเป็นตัวหนังสือให้  ไหว้

... บอกแล้วว่าของแบบนี้ "ใครไม่เจอไม่รู้" ..............

บางคนเห็นแค่ "กระพี้" ...  ก็เหมาเอาว่าตัวเองเห็น "แก่น" ........  หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #125 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:21:47 AM »

"ตั้งแต่ การสื่อสารออนไลน์ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานบัญชีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของตน กันไปบานเบอะเยอะแยะ เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทรับเหมาทำบัญชีขนาดใหญ่ ดันอยู่ในชนบทอันเงียบสงบของรัฐตอนใต้ในอินเดีย

ห้องสำนักงานในชนบทอินเดียที่รับทำงานจากบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เศรษฐกิจอินเดียพุ่งกระฉูด
"


....... เป็นอีกหนึ่งข่าวสาร ที่ทำให้เกิดคำถามในใจ ......... HuhHuhHuhHuh

บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #126 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:26:41 AM »

"ตั้งแต่ การสื่อสารออนไลน์ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานบัญชีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของตน กันไปบานเบอะเยอะแยะ เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทรับเหมาทำบัญชีขนาดใหญ่ ดันอยู่ในชนบทอันเงียบสงบของรัฐตอนใต้ในอินเดีย

ห้องสำนักงานในชนบทอินเดียที่รับทำงานจากบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เศรษฐกิจอินเดียพุ่งกระฉูด
"

....... เป็นอีกหนึ่งข่าวสาร ที่ทำให้เกิดคำถามในใจ ......... HuhHuhHuhHuh

คำถามอะไรครับ  Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #127 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:39:45 AM »

ผมไม่ได้เข้าเวปมาหลายวันครับ มีภาระกิจไปประชุม ตจว.หลายวัน
ผมเป็นข้าราชการคนหนึ่ง จากจำนวนหลายๆคนหลายๆกระทรวง ที่มีงานประจำที่สอง(อดิเรก)รองจากงานราชการคือทำการเกษตร ครับผมทำนาปี ทำไร่ข้าวโพด เลี้ยงวัวเนื้อครับ ผมมีที่ดินมรดกของภรรยา 50 ไร่ หลงรัก ที่ดินขอตัวเองที่ดิ้นรน(กู้สหกรณ์สาธารณสุข ยิ้มีเลศนัย)ซื้อมาอีก 120 ไร่ เยี่ยม แน่นอน ปัจจุบันยังส่งสหกรณ์อยู่ คิก คิก

ผมจัดการที่ดินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง(เพิ่งเริ่ม)ดังนี้ ทำนา 90 ไร่ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9 ไร่ ที่เหลือ ใช้เลี้ยงวัวครับ มีเช่าที่นายทุน เศร้าเพิ่มเติมอีกบ้าง

ที่นา ผมทำเองครับ จ้างคนช่วยทำบ้าง มีเครื่องมือเป็นของตัวเอง แต่ผมทำนาวันเสาร์ อาทิตย์ เยี่ยมและช่วงเช้า เย็นก่อนไปทำงาน ส่วนวัว ผมจ้างเขาเลี้ยงครับ คิก คิก
ทุกวันนี้ การทำนามันง่ายครับ เวลาเก็บเกี่ยว เราใช้รถเก็บเกี่ยว เยี่ยมค่ารถเกี่ยว ไร่ละ 550 บาท ที่นา 90 ไร่ เป็นเงิน  49,500 บาท ตกใจ ครับ


สะดวกสบายมากครับ เยี่ยมผมทำนา 90 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 30 กว่าตัน เศร้า(เหมาะสมสำหรับคนทำงานประจำอย่างผม) ปีนี้ได้ราคาประมาณ ตันละ หมื่นสามร้อย - หมื่นหนึ่งพัน แล้วแต่ปริมาณข้าวที่เข้าสู่โรงสี เศร้า

มีขึ้นมีลงครับ เศร้า
ที่เล่ามานี้คือตัวอย่างครับ ตกใจ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 02, 2010, 10:03:20 AM โดย renold:รักในหลวง » บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #128 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:46:14 AM »

แต่ความเป็นจริง ชาวนาไทยไม่ได้เป็นอย่างผมนะครับ ตกใจ นาก็ต้องเช่า เศร้า พันธุ์ข้าวก็ต้องซื้อ เศร้ารถไถก็ต้องจ้าง แบร่ปุ๋ยก็ต้องซื้อ นาที่เช่านั้นต้องแย่งกันเช่า ได้คนละไม่ถึง สามสิบไร่ (เป็นนานายทุนที่ซื้อจากชาวนาในพื้นที่นะแหละ)นาที่เช่าคือ ปีต่อปี สิ่งที่ถมลงไปในนาที่เช่า ตกใจนอกจากข้าวเปลือกที่ใช้ปลูกก็คือ ปุ๋ยเคมีครับ  ยี๊ จะให้ลงทุนเอาปุ๋ยอินทรีย์มูลสัตว์ไปปรับปรุง อย่าหวังครับ เพราะไม่คุ้มกัน(ไม่รู้ว่าปีหน้าเขาจะให้เช่าต่อหรือเปล่า) เศร้าจึงทำได้แค่เฉพาะหน้าเป็นปีปีไปครับ เศร้า
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #129 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:49:52 AM »

ผลผลิตที่ได้มา  หลงรักส่วนหนึ่งเก็บไว้กินเอง เยี่ยมส่วนหนึ่งเก็บไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป เยี่ยมอีกบางส่วนที่เล็กน้อยเอาไปขายโรงสี เศร้าเอาเงินมาจ่ายค่ารถเกี่ยว ปัจจุบันเกี่ยวไร่ละ 550 บาทขาดตัว จ่ายค่าหนี้กองทุนหมู่บ้าน  คิก คิก ส่งหนี้ ธกส. แลบลิ้นและอีกจิปาถะ เศร้า
ไอ้เงินเก็บสะสมหละครับ มันอยู่ที่ไหน อ๋อย
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #130 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:50:44 AM »

เพราะฉะนั้นอย่าไปถามเลยครับว่า ทำไม Huh ชาวนาไทยยังยากจน เศร้า
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #131 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:51:21 AM »

คำตอบมันมีอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว เศร้า
บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #132 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:56:08 AM »

การใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย แลบลิ้น
การใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักประมาณตน
ที่สำคัญ ตำข้าวสารกรอกหม้อ ยังพบได้ในชุมชนเกษตรของไทย เศร้า
หมดฤดูทำนา เข้าป่าอ้อย เข้าป่าข้าวโพด เก็บถั่วรับจ้าง เบิกเงินนายทุนมากินก่อน แล้วถึงไปทำงานใช้เงินเค้า แลบลิ้นเงินหมดก็ออกหางานใหม่ เศร้าไอ้จะมีเงินเก็บอย่าหวัง
ปีหนึ่งๆ รายได้หลายหมื่นบาท แต่การฟุ้งเฟ้อ ทำให้ไม่มีเงินเก็บ คิก คิก

บันทึกการเข้า
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #133 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 09:56:55 AM »



แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่จะรวยกับเขาสักทีหละครับ
บันทึกการเข้า
Desperado - รักในหลวง
แก่ ขี้บ่น อ้วน นิสัยไม่ดี งี่เง่า ปทุมธานี
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 156
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2434



« ตอบ #134 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2010, 10:05:10 AM »

พี่ renold:รักในหลวง โพสก์โดนใจจริงๆ
พี่ครับ ค่าเกี่ยวผมไร่ละ 520 ไม่ผ่านนายหน้า ต้องว่าราคาก่อนเกี่ยว ประมาณว่าขายส่ง
อีกอย่างนึงนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
ลูกชาวนา จะอยากทำนาอยู่ร่ำไป รู้ก็รู้ว่า อาจขาดทุน
อาจกำไรน้อย พี่ๆผมเป็นข้าราชการ เงินเดือนพออยู่ได้สบายๆ ยังดิ้นรนมาทำนา
จะมีความสุขมากที่ได้ออกไปท้องไร่ท้องนา กลิ่นดิน มันเรียกร้องเหลือเกิน
บันทึกการเข้า

เหม็นขี้หน้า นักการเมือง และสุนัขรับใช้นักการเมือง
หน้า: 1 ... 6 7 8 [9] 10 11 12 ... 20
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.076 วินาที กับ 22 คำสั่ง