ทำไมชาวนาไทยยังยากจน

[SOAP47 รักในหลวง]

คะแนน คุณขุนช้าง ไม่สวย ผมบวกให้ครับ + สำหรับเรื่องดีๆ

[นายกระจง]

ขออภัยจขกท.ที่นอกประเด็นครับ ทุกเรื่องมันเกี่ยวกันหมด ระบบแย่ๆ รถมันวิ่งไม่ได้หรอก ยังไงก็รวน

ตอนนี้อาเซียนเปิดเสรี ผมละหดหู่ใจ ดูอินโดนีเซีย ดูมาเล ดูสิงคโปร เขาไปไหนกันแล้ว มาเลมันจะประกาศเป็นประเทศพัฒนาแล้วในอีกไม่กี่ปีนี้

เราทำอะไรก็อยู่ เราทำอะไรกันอยู่ครับ....................

ไม่เป็นไรครับพี่เบิ้ม หลากหลายความคิดเห็นอาจจะเป็นประโยชน์กับชาวนาบ้าง ไม่มากก็น้อยครับ

[supreme]

อ่าน คคห. ของบางท่านแล้ว รู้สึกจุกเจ็บจริงๆครับ   เนื่องจากคนรุ่นปู่ย่าตายายผมขึ้นไป ทำนา ทำสวนกัน  ย่าผมมีลูก ๗ คน ยายผมลูก ๓  ย่าผม ทำนาทำสวน เลี้ยงหมูกับไก่ รายจ่ายก็มีแค่ น้ำมันตะเกียง กับ เกลือ น้ำตาล น้ำปลา  สมัยนั้น ฝนตก น้ำท่วม ถูกต้องทุกปี  แมลง หนู หอยเชอรี่ไม่ค่อยมี ได้มากได้น้อยก็ผ่านไปได้ทุกปี บวชลูกได้ทุกคน   เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญศิวิไลซ์  ธรรมชาติผิดเพี้ยนโยนกันไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้  คนที่พึ่งพาธรรมชาติมากก็ต้องกระทบมาก

พอมารุ่นพ่อผม ก็ทำนา แต่กินขายไม่พอใช้  อาจเป็นเพราะสังคมมันเปลี่ยน เงินทองมีความสำคัญมากขึ้น สุดท้ายก็ต้องเข้ากรุงเทพมาหางานทำ  มีครอบครัว มีภาระ วิถีชีวิตแบบคนเมือง  ที่ดินก็ขายให้โรงสีที่อยู่ติดกัน

คำว่าขี้เกียจ หรือเกียจคร้าน ถ้าใช้กับคนๆนึงคือคำตำหนิพอรับฟังได้  แต่ถ้าเอามาใช้กับคนหมู่มาก ผมคิดว่ามันไม่สมควรครับ  เราควรมองภาพรวมว่า กลไกอะไรที่ผลักดันและดึงให้คนเป็นเช่นนั้น  คนเรามีกิเลสพอๆกันทั้งนั้นแหละ  ถ้าเป็นชาวนามีที่ ๕ไร่ แต่ต้องอดออมถึงจะอยู่รอด กับเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลางๆมีบ้าน ๕๐ ตารางวา แล้วต้องเลือกผมว่าน้อยนักที่จะเลือกเป็นชาวนา  หรืออย่างเรารณรงค์ให้ทำโน้นทำนี่  แต่คนทำต้องลำบาก  มันก็พอได้ผลบ้างตอนแรกๆเท่านั้นแหละ  ถ้าไม่สร้างกลไกอะไร มันไปต่อไม่ได้หรอกครับ

สมัยก่อนเราเป็นเกษตรกันทั้งประเทศ  เพื่อนบ้านก็จนพอกัน  เงินทองมีนิดหน่อยก็อยู่ได้   พอเราไปเปิดโลกทัศน์เห็นประเทศอื่นเขาเจริญ เราก็อยากเจริญทันสมัยแบบเขาบ้าง  วัตถุนิยมที่หลับอยู่ในจิตใจก็ออกมาทันที  อุตสาหกรรม ส่งออก ท่องเที่ยว เอาหมด   กดราคากันเอง  ว่ากันตั้งแต่ข้าราชการ  แรงงาน เกษตร เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาประเทศเอาไว้  กดนานจนลืมและชินชา  ที่จะต้องแก้ไข ไม่งั้นข้าราชการจะไม่มีคนทำ  แรงงานก็ต้องเอาต่างด้าวมาแทน  ชาวนาก็ต้องขายกิจการหรือให้คนเช่า

ถ้ามีคนจะไหลออกก็อย่าว่ากันเลยครับ  คนธรรมดาทั่วๆไป มีธรรมชาติที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องเปลี่ยนแปลง  แสดงว่ามันไม่ไหวจริงๆ 

[ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ]

อ่าน คคห. ของบางท่านแล้ว รู้สึกจุกเจ็บจริงๆครับ   เนื่องจากคนรุ่นปู่ย่าตายายผมขึ้นไป ทำนา ทำสวนกัน  ย่าผมมีลูก ๗ คน ยายผมลูก ๓  ย่าผม ทำนาทำสวน เลี้ยงหมูกับไก่ รายจ่ายก็มีแค่ น้ำมันตะเกียง กับ เกลือ น้ำตาล น้ำปลา  สมัยนั้น ฝนตก น้ำท่วม ถูกต้องทุกปี  แมลง หนู หอยเชอรี่ไม่ค่อยมี ได้มากได้น้อยก็ผ่านไปได้ทุกปี บวชลูกได้ทุกคน   เดี๋ยวนี้บ้านเมืองเจริญศิวิไลซ์  ธรรมชาติผิดเพี้ยนโยนกันไปมา หาคนรับผิดชอบไม่ได้  คนที่พึ่งพาธรรมชาติมากก็ต้องกระทบมาก

พอมารุ่นพ่อผม ก็ทำนา แต่กินขายไม่พอใช้  อาจเป็นเพราะสังคมมันเปลี่ยน เงินทองมีความสำคัญมากขึ้น สุดท้ายก็ต้องเข้ากรุงเทพมาหางานทำ  มีครอบครัว มีภาระ วิถีชีวิตแบบคนเมือง  ที่ดินก็ขายให้โรงสีที่อยู่ติดกัน

คำว่าขี้เกียจ หรือเกียจคร้าน ถ้าใช้กับคนๆนึงคือคำตำหนิพอรับฟังได้  แต่ถ้าเอามาใช้กับคนหมู่มาก ผมคิดว่ามันไม่สมควรครับ  เราควรมองภาพรวมว่า กลไกอะไรที่ผลักดันและดึงให้คนเป็นเช่นนั้น  คนเรามีกิเลสพอๆกันทั้งนั้นแหละ  ถ้าเป็นชาวนามีที่ ๕ไร่ แต่ต้องอดออมถึงจะอยู่รอด กับเป็นมนุษย์เงินเดือนธรรมดากลางๆมีบ้าน ๕๐ ตารางวา แล้วต้องเลือกผมว่าน้อยนักที่จะเลือกเป็นชาวนา  หรืออย่างเรารณรงค์ให้ทำโน้นทำนี่  แต่คนทำต้องลำบาก  มันก็พอได้ผลบ้างตอนแรกๆเท่านั้นแหละ  ถ้าไม่สร้างกลไกอะไร มันไปต่อไม่ได้หรอกครับ

สมัยก่อนเราเป็นเกษตรกันทั้งประเทศ  เพื่อนบ้านก็จนพอกัน  เงินทองมีนิดหน่อยก็อยู่ได้   พอเราไปเปิดโลกทัศน์เห็นประเทศอื่นเขาเจริญ เราก็อยากเจริญทันสมัยแบบเขาบ้าง  วัตถุนิยมที่หลับอยู่ในจิตใจก็ออกมาทันที  อุตสาหกรรม ส่งออก ท่องเที่ยว เอาหมด   กดราคากันเอง  ว่ากันตั้งแต่ข้าราชการ  แรงงาน เกษตร เพื่อลดต้นทุนการพัฒนาประเทศเอาไว้  กดนานจนลืมและชินชา  ที่จะต้องแก้ไข ไม่งั้นข้าราชการจะไม่มีคนทำ  แรงงานก็ต้องเอาต่างด้าวมาแทน  ชาวนาก็ต้องขายกิจการหรือให้คนเช่า

ถ้ามีคนจะไหลออกก็อย่าว่ากันเลยครับ  คนธรรมดาทั่วๆไป มีธรรมชาติที่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงเป็นนิสัยอยู่แล้ว  ถ้าเขาต้องเปลี่ยนแปลง  แสดงว่ามันไม่ไหวจริงๆ 

[กรรมกร]

เห็นด้วยกับพี่ supreme .... ขอบคุณที่เรียบเรียงความคิดเป็นตัวหนังสือให้ 

... บอกแล้วว่าของแบบนี้ "ใครไม่เจอไม่รู้" ..............

บางคนเห็นแค่ "กระพี้" ...  ก็เหมาเอาว่าตัวเองเห็น "แก่น" ........ 

[กรรมกร]

"ตั้งแต่ การสื่อสารออนไลน์ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานบัญชีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของตน กันไปบานเบอะเยอะแยะ เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทรับเหมาทำบัญชีขนาดใหญ่ ดันอยู่ในชนบทอันเงียบสงบของรัฐตอนใต้ในอินเดีย

ห้องสำนักงานในชนบทอินเดียที่รับทำงานจากบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เศรษฐกิจอินเดียพุ่งกระฉูด"


....... เป็นอีกหนึ่งข่าวสาร ที่ทำให้เกิดคำถามในใจ .........

[~ Sitthipong - รักในหลวง ~]

"ตั้งแต่ การสื่อสารออนไลน์ใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำนักงานบัญชีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ปิดฉากประวัติศาสตร์อันยาวนานของตน กันไปบานเบอะเยอะแยะ เพราะเดี๋ยวนี้บริษัทรับเหมาทำบัญชีขนาดใหญ่ ดันอยู่ในชนบทอันเงียบสงบของรัฐตอนใต้ในอินเดีย

ห้องสำนักงานในชนบทอินเดียที่รับทำงานจากบริษัทใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรป ทำให้เศรษฐกิจอินเดียพุ่งกระฉูด"

....... เป็นอีกหนึ่งข่าวสาร ที่ทำให้เกิดคำถามในใจ .........

คำถามอะไรครับ 

[renold]

ผมไม่ได้เข้าเวปมาหลายวันครับ มีภาระกิจไปประชุม ตจว.หลายวัน
ผมเป็นข้าราชการคนหนึ่ง จากจำนวนหลายๆคนหลายๆกระทรวง ที่มีงานประจำที่สอง(อดิเรก)รองจากงานราชการคือทำการเกษตร ครับผมทำนาปี ทำไร่ข้าวโพด เลี้ยงวัวเนื้อครับ ผมมีที่ดินมรดกของภรรยา 50 ไร่ ที่ดินขอตัวเองที่ดิ้นรน(กู้สหกรณ์สาธารณสุข )ซื้อมาอีก 120 ไร่ แน่นอน ปัจจุบันยังส่งสหกรณ์อยู่

ผมจัดการที่ดินตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง(เพิ่งเริ่ม)ดังนี้ ทำนา 90 ไร่ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 9 ไร่ ที่เหลือ ใช้เลี้ยงวัวครับ มีเช่าที่นายทุน เพิ่มเติมอีกบ้าง

ที่นา ผมทำเองครับ จ้างคนช่วยทำบ้าง มีเครื่องมือเป็นของตัวเอง แต่ผมทำนาวันเสาร์ อาทิตย์ และช่วงเช้า เย็นก่อนไปทำงาน ส่วนวัว ผมจ้างเขาเลี้ยงครับ
ทุกวันนี้ การทำนามันง่ายครับ เวลาเก็บเกี่ยว เราใช้รถเก็บเกี่ยว ค่ารถเกี่ยว ไร่ละ 550 บาท ที่นา 90 ไร่ เป็นเงิน  49,500 บาท ครับ


สะดวกสบายมากครับ ผมทำนา 90 ไร่ ได้ข้าวประมาณ 30 กว่าตัน (เหมาะสมสำหรับคนทำงานประจำอย่างผม) ปีนี้ได้ราคาประมาณ ตันละ หมื่นสามร้อย - หมื่นหนึ่งพัน แล้วแต่ปริมาณข้าวที่เข้าสู่โรงสี

มีขึ้นมีลงครับ
ที่เล่ามานี้คือตัวอย่างครับ

[renold]

แต่ความเป็นจริง ชาวนาไทยไม่ได้เป็นอย่างผมนะครับ นาก็ต้องเช่า พันธุ์ข้าวก็ต้องซื้อ รถไถก็ต้องจ้าง ปุ๋ยก็ต้องซื้อ นาที่เช่านั้นต้องแย่งกันเช่า ได้คนละไม่ถึง สามสิบไร่ (เป็นนานายทุนที่ซื้อจากชาวนาในพื้นที่นะแหละ)นาที่เช่าคือ ปีต่อปี สิ่งที่ถมลงไปในนาที่เช่า นอกจากข้าวเปลือกที่ใช้ปลูกก็คือ ปุ๋ยเคมีครับ  จะให้ลงทุนเอาปุ๋ยอินทรีย์มูลสัตว์ไปปรับปรุง อย่าหวังครับ เพราะไม่คุ้มกัน(ไม่รู้ว่าปีหน้าเขาจะให้เช่าต่อหรือเปล่า) จึงทำได้แค่เฉพาะหน้าเป็นปีปีไปครับ

[renold]

ผลผลิตที่ได้มา  ส่วนหนึ่งเก็บไว้กินเอง ส่วนหนึ่งเก็บไว้ทำพันธุ์ในฤดูกาลต่อไป อีกบางส่วนที่เล็กน้อยเอาไปขายโรงสี เอาเงินมาจ่ายค่ารถเกี่ยว ปัจจุบันเกี่ยวไร่ละ 550 บาทขาดตัว จ่ายค่าหนี้กองทุนหมู่บ้าน  ส่งหนี้ ธกส. และอีกจิปาถะ
ไอ้เงินเก็บสะสมหละครับ มันอยู่ที่ไหน

[renold]

เพราะฉะนั้นอย่าไปถามเลยครับว่า ทำไม ชาวนาไทยยังยากจน

[renold]

คำตอบมันมีอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว

[renold]

การใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย
การใช้ชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อ ไม่รู้จักประมาณตน
ที่สำคัญ ตำข้าวสารกรอกหม้อ ยังพบได้ในชุมชนเกษตรของไทย
หมดฤดูทำนา เข้าป่าอ้อย เข้าป่าข้าวโพด เก็บถั่วรับจ้าง เบิกเงินนายทุนมากินก่อน แล้วถึงไปทำงานใช้เงินเค้า เงินหมดก็ออกหางานใหม่ ไอ้จะมีเงินเก็บอย่าหวัง
ปีหนึ่งๆ รายได้หลายหมื่นบาท แต่การฟุ้งเฟ้อ ทำให้ไม่มีเงินเก็บ

[renold]

แล้วอย่างนี้ เมื่อไหร่จะรวยกับเขาสักทีหละครับ

[Desperado - รักในหลวง]

พี่ renold:รักในหลวง โพสก์โดนใจจริงๆ
พี่ครับ ค่าเกี่ยวผมไร่ละ 520 ไม่ผ่านนายหน้า ต้องว่าราคาก่อนเกี่ยว ประมาณว่าขายส่ง
อีกอย่างนึงนะครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
ลูกชาวนา จะอยากทำนาอยู่ร่ำไป รู้ก็รู้ว่า อาจขาดทุน
อาจกำไรน้อย พี่ๆผมเป็นข้าราชการ เงินเดือนพออยู่ได้สบายๆ ยังดิ้นรนมาทำนา
จะมีความสุขมากที่ได้ออกไปท้องไร่ท้องนา กลิ่นดิน มันเรียกร้องเหลือเกิน