เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 02:54:31 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 10 11 12 [13] 14 15 16 ... 20
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมชาวนาไทยยังยากจน  (อ่าน 56506 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 16 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #180 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 05:47:02 PM »

   ถ้าชาวนาอยากรวยต้องลดต้นทุนครับ กับเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ไม่ใช่เรียกร้องให้เพิ่มแต่ราคารับซื้อ ถ้าต้นทุนคุณต่ำ ข้าวราคาต่ำคุณก็ยังอยู่ได้ ถ้าข้าวราคาสูงคุณก็ยิ่งได้กำไรมากขึ้น แก้ที่ตัวเองก่อน ไม่ใช่รอให้คนอื่นมาช่วยแก้ปัญหาให้  ทุกวันนี้ข้าวไทยส่งออกสู้เขาเวียดนามไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ายังเพิ่มราคาข้าวในประเทศขึ้นไปอีก ไทยจะยิ่งส่งออกข้าวได้ลำบากยิ่งขึ้น  ถ้าข้าวขายไม่ออกเพราะราคาแพง ผู้ส่งออก โรงสีอยู่ไม่ได้ แล้วทีนี้ใครจะเป็นคนคอยขายข้าวให้ประเทศครับ เรื่องหวังให้รัฐบาลขายเอง ยากครับ เพราะระบบมันไม่เอื้อ การตัดสินใจสู้เอกชนไม่ได้ครับ  ประเทศที่พัฒนาแล้ว เค้าให้พ่อค้าเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งนั้น แต่บ้านเรามองพ่อค้าเป็นตัวร้าย ถ้ากลัวพ่อค้ากดราคาก็ให้เพิ่มพ่อค้าในตลาด กลไกตลาด และการแข่งขันมันจะทำหน้าที่ของมันเอง  อย่างเรื่องให้ตั้งท่าข้าวของภาครัฐ โรงสีของภาครัฐ จริงๆแล้วมันก็มีระบบสหกรณ์อยู่แล้วครับ มีสหกรณ์คอยรับซื้อข้าว บางที่ก็มีโรงสีของตัวเองด้วยซ้ำ แต่สู้พ่อค้าไม่ได้ ระบบมันไม่ได้ เพราะให้ข้าราชการมาทำค้าขาย ผลออกมาเป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่   
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #181 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 05:47:47 PM »


สามปีก่อนรัฐบาลไทยรักไทยเอาเงินมาจำนำข้าวมากกว่าแสนล้าน เพื่ออุ้มชาวนา เพื่อพยุงราคาข้าวให้ได้ตันละ 12,000 บาท ทั้งที่ต้นทุนชาวนาช่วงนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับช่วงนี้เลย ลองคิดดูละกันว่าชาวนาที่มีที่นาประมาณ 200-300 ไร่ เค้าจะได้กำไรกันเท่าไร พอข้าวเปลือกแพง ข้าวสารก็แพงตาม คนในประเทศที่ไม่ได้ทำนาแต่ต้องซื้อข้าวสารกินก็อ่วมไปตามๆกัน มีข้อสงสัยถามได้เลยครับ ข้อมูลอาจไม่ตรงบ้างต้องขออภัย เพราะผมไม่ได้ค้นข้อมูลมาประกอบ อาศัยความจำเท่าที่พอนึกออกครับ เป็นอีกมุมของพ่อค้าตัวร้ายในสายตาคนอื่นครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
Ki-jang-aey
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 62
ออฟไลน์

กระทู้: 363


« ตอบ #182 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 08:23:03 PM »

เยี่ยมเลยครับ  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

เราควรที่จะเชียร์ให้ชาวนาใช้ที่ดินไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีมั้ยครับ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ (โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทาน)....ทำอะไรดีครับ..แลกเปลี่ยนความเห็นกันต่อดีมั้ย?.. Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #183 เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 11:26:48 AM »

เยี่ยมเลยครับ  เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

เราควรที่จะเชียร์ให้ชาวนาใช้ที่ดินไปทำประโยชน์อย่างอื่นดีมั้ยครับ โดยเฉพาะพื้นที่ที่ปริมาณน้ำไม่เพียงพอ (โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่นอกเขตชลประทาน)....ทำอะไรดีครับ..แลกเปลี่ยนความเห็นกันต่อดีมั้ย?.. Grin Grin Grin Grin
จริงๆแล้ว พวกพื้นที่นอกเขตชลประทาน มันมีพืชที่เหมาะสมอยู่หลายตัวครับ พวกอ้อย ถั่ว แต่จะทำยากกว่าข้าว ต่างกันตอนเก็บเกี่ยวครับ เช่นถ้าเป็นถั่ว ตอนเกี่ยวจะต้องใช้แรงงานคนเกี่ยว กองตากให้แห้งประมาณห้าแดดมั้ง แล้วถึงจะเข้าเครื่องนวดออกมาเป็นเมล็ดถั่ว เมื่อก่อนข้าวก็ใช้แรงงานคนเกี่ยว ตากแห้งแล้วค่อยนวดเหมือนกัน แต่มาสมัยนี้มันมีเครื่องทุ่นแรงคือรถเกี่ยวข้าว การทำนาก็เลยสบายกว่าแต่ก่อนมากๆ เวลาไถก็จ้างรถไถ หว่านก็จ้างคนหว่าน ฉีดยาก็จ้างคนฉีด ที่เจ้าของนาส่วนใหญ่ต้องออกแรงเองก็คือสูบน้ำเข้าครับ  พอข้าวได้อายุก็จ้างรถเกี่ยวซึ่งก็จะมีบริการรถลากให้ด้วย ลากไปขายท่าข้าว ถ้ามีนาซักห้าสิบไร่วันเดียวก็เสร็จครับ ทำให้ชาวบ้านชอบทำนามากกว่า เพราะสบายกว่าทำพืชอื่นครับ อีกหน่อยบ้านเราจะมีปัญหาขาดแคลนน้ำครับ เพราะใช้น้ำในการทำนากันมากขึ้น น้ำในเขื่อนไม่พอหรอกครับ บางพื้นที่เคยทำนาสองครั้ง ก็พยายามทำให้ได้สามครั้ง พื้นที่ที่เคยทำพืชอื่นที่ใช้น้ำน้อยกว่า เช่นอ้อย ถั่ว ก็เอามาทำนากันหมดครับ ทั้งๆที่พื้นที่ไม่เหมาะสม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 12, 2010, 04:22:05 PM โดย pehtor » บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #184 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 05:41:32 PM »

ในเรื่องของการใช้น้ำทำนาสามารถลดต้นทุนค่าน้ำมันสำหรับเครื่องสูบน้ำเข้านาได้อีกครับ จริงๆข้าวไม่ได้ชอบให้น้ำแช่เหมือนอย่างที่เข้าใจกันครับ ที่ต้องให้น้ำขังในนาเป็นเพราะต้องการควบคุมหญ้าครับ พอน้ำแช่ หญ้าก็จะตาย แต่จริงๆแล้ว ยังมีวิธีอื่นที่สามารถควบคุมหญ้าได้ครับ คือนาที่มีปัญหาเรื่องหญ้าคือนาที่ใช้คนหว่าน ทีนี้หญ้ากับข้าวก็จะงอกพร้อมกัน ทำให้แย่งกันโต แต่ถ้าใช้การดำนาแทน ต้นข้าวจะโตก่อนหญ้าครับ เพราะโตมาในแปลงเพาะก่อนแล้ว ทำให้หญ้าที่ขึ้นมาทีหลังไม่ได้รับแสงแดด ทำให้ปัญหาหญ้าน้อยลงไปครับ ไม่ต้องเปลืองแรงสูบน้ำ ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ไม่ต้องจ่ายค่ายาฆ่าหญ้า

ผลกระทบจากการฉีดยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง อีกอย่างคือต้นข้าวจะอ่อนแอลงครับ ทำให้คมของใบข้าวอ่อนลง ข้าวก็จะต้านเพลี้ยได้น้อยลง ทำให้ต้องฉีดยาฆ่าแมลงซ้ำไปอีก พอนาโดนสารเคมีเยอะๆ แบคทีเรียที่อยู่ในดินก็จะตาย ขาดตัวที่จะช่วยย่อยสลายซากพืชซากสัตว์ให้เป็นปุ๋ยให้ต้นข้าว ทำให้ยิ่งต้องใช้ปุ๋ยเคมีเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งข้าวได้กินแต่ปุ๋ยเคมีมากๆ ต้นข้าวก็จะอ่อนแอลง เหมือนคนกินแต่ไขมัน ร่างกายใหญ่โตแต่อ่อนแอ  นาที่ให้ปุ๋ยเคมีเยอะๆ จะมีปัญหาอีกอย่างเรื่องคือข้าวล้มครับ เพราะต้นข้าวจะเขียว แต่ลำต้นอ่อน พอข้าวออกรวงเต็มที่ ถ้าระหว่างนั้นฝนตกลงมา จะทำให้ต้นข้าวหัก รวงข้าวแนบกับดิน พอใช้รถเกี่ยวก็จะวักดินขึ้นมาด้วย ทำให้ข้าวเปื้อนดิน ขายไม่ได้ราคา ถ้าเป็นแถวบ้านผมก็จะถูกตัดราคาประมาณ 500-1000 บาทต่อตันเลยครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #185 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:18:28 PM »

ชาวนาส่วนใหญ่ที่ขาดทุน ไม่ได้มาจากปัญหาราคารับซื้อต่ำครับ แต่มาจากผลผลิตต่อไร่ที่ได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น นา 1 ไร่ต้นทุนการทำนาจะพอๆกันครับ แต่ต้นทุนประมาณ 3700 บาทต่อไร่ ทำแล้วจะได้ข้าวเท่าไร อันนี้ต่างหากที่จะเป็นตัวบอกว่ากำไรหรือขาดทุน ถ้าทำนาไม่มีปัญหาอะไรควรจะได้ข้าวไม่น้อยกว่า 800 กก. หรือข้าวบางพันธ์จะได้มากกว่า 1000 กก.ต่อไร่ แต่ในนาที่มีปัญหาบางทีได้ข้าวแค่ 100 กก.ต่อไร่ยังมีครับ จุดคุ้มทุนอยู่ที่ประมาณ 500 กก.ต่อไร่  ถ้าเกินจากนั้นก็เป็นกำไรของชาวนา

 ทีนี้้ปัญหาที่ว่าทำไมนาบางพื้นที่ถึงได้ข้าวน้อย ปัญหาแต่ละแปลงไม่เหมือนกัน ที่ผมเคยเจอคือ พวกภัยธรรมชาติ แล้ง น้ำท่วม ภัยหนาว ข้าวนี่ส่วนใหญ่แพ้อากาศหนาวครับ ถ้าปีไหนหนาวนาน หรือมาไวเกินไป ข้าวจะไม่ค่อยออกรวงครับ บางทีเพลี้ยลง หรือหญ้าเยอะครับ หรือมีปีนึงเจอลูกเห็บลงช่วงข้าวออกรวงเต็มที่ เมล็ดข้าวร่วงหมดเลย หรือช่วงข้าวที่ออกรวงแก่เต็มที่ บังเอิญฝนตกช่วงนั้น ลมพัดอีกนิดหน่อย ข้าวก็จะล้มครับ เกี่ยวยาก หรือยากก็ไม่ค่อยได้เนื้อ รถเกี่ยวก็สำคัญครับ ถ้าปรับเครื่องไม่ดีก็ทำให้ข้าวร่วงตกในนาหมด หรือการเกี่ยวข้าวเช้าเกินไปน้ำค้างยังไม่ทันแห้ง หรือเกี่ยวค่ำเกินไปน้ำค้างลง ก็จะทำให้ขั้วของเมล็ดเปียก แล้วมันจะเหนียว เหมือนเราเอาตอกไปชุบน้ำยังไงยังงั้น  สีแล้วข้าวไม่ค่อยจะยอมแยกจากฟางข้าว ทำให้ติดออกไปกับฟางหมด ไม่ค่อยได้เนื้อข้าวครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #186 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2010, 10:33:00 PM »

พวกน้ำท่วม ภัยแล้ง หรืออากาศหนาว เหมือนจะเป็นเรื่องของธรรมชาติ แก้ไม่ได้ แต่จริงๆ แล้วเลี่ยงได้ครับ ที่เลี่ยงไม่ได้เพราะชาวนาพยามทำนาให้ได้ปีละสามครั้ง  ก็เลยไม่มีเวลารอครับ พอเกี่ยวเสร็จวันนี้ มะรืนนี้เผาฟาง อีกสองวันก็ไถ ปล่อยน้ำเข้านาเลย ส่วนว่าจะไปเจอน้ำท่วม แล้ง หรือหนาว ค่อยวัดดวงเอาอีกที ถ้าปีไหนโชคดีก็ดีไป แต่ถ้าปีไหนเจอภัยธรรมชาติที่ว่า ก็ต้องขาดทุนไป ทำนาสามรอบ กำไรสองรอบ ขาดทุนรอบนึง จะเอาที่ไหนมาเหลือครับ

จริงๆ แล้ว ถ้าทำนาซักปีละสองครั้ง จะสามารถเลี่ยงช่วงที่มีโอกาสเจอกับภัยธรรมชาติได้ครับ ต้นข้าวอายุประมาณ หนี่งร้อยวัน หว่านวันนี้เกี่ยวได้ช่วงไหนอันนี้กำหนดได้ตั้งแต่แรกครับ ช่วงไหนที่เป็นช่วงหน้าแล้งก็ให้ปลูกถั่วสลับไปบ้างก็ลดโอกาสขาดทุนจากภัยธรรมชาติไปได้เยอะครับ แต่ถ้าถามว่ารู้แบบนี้แล้วทำไม่ชาวนาไม่ทำ อันนี้ไม่พูดดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
Bird
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 600
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1743


Ordinary Man on Earth


« ตอบ #187 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 01:37:44 AM »

+ คุณ pehtor ครับ .. ข้อมูลปึ้กมาก  เยี่ยม

ผมเองก็บังเอิญมีที่นากับเขาอยู่เหมือนกัน ที่ปทุมรัตน์-ร้อยเอ็ด (ได้มาโดยสิเน่หา) ..
ทุกวันนี้ให้เค้าเช่าทำนาโดยให้ผญบ.ดูแลอยู่ .. ไม่ได้หวังรายได้อะไร ให้เท่าไรก็เท่านั้น เพราะได้มาฟรีๆ
โทรคุยกันครั้งสุดท้าย เลยเอาข้อสงสัยจากกระทู้นี้ถามผญบ. และ แม่นม(อดีตชาวนา-เจ้าของที่ที่แท้จริง)
เค้าตอบตรงกันว่า ... "ถ้ามีวินัย ยึดมั่นในวิถีที่ถูกต้องแต่ดั้งเดิม ไม่เอาแต่สบายจนเกินไป .. ไม่มีจน"

คำอธิบายเรื่อง วินัย/วิถีการทำนา ที่เค้าพูดให้ผมฟัง .. ก็ตรงกับ 2-3 หน้าหลังตั้งแต่คุณ Renold ลงมาถึงคุณ pehtor ครับ ..
บันทึกการเข้า

สู้กับผู้อื่นให้น้อยลง ......สู้กับจิตตนให้มากขึ้น
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #188 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 11:37:51 AM »

ขอบคุณครับ เรื่องปัญหาของชาวนายังมีอีกเยอะครับ ถ้านึกออกจะเอามาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ  หรือถ้าเคยได้ยินปัญหาอะไรถามได้เลยครับ อยากให้บ้านเราแก้ปัญหาเรื่องชาวนาให้ถูกจุดกันครับ ที่เมืองจีนเค้าว่าทำนาได้ไร่ละ 2000 กก. หรือมีพันธุ์ข้าวสายพันธุ์ใหม่ บ.ซีพี เอามาทดลองในแปลงปลูก ก็ได้ข้าวมากกว่า 2000 กก.ด้วยซ้ำ แต่เอามาหุงกินไม่อร่อย ต้องเอามาทำพวกเส้นก๋วยเตี๋ยว ทำแป้ง อะไรพวกนี้ได้  บ้านเราตอนนี้ยังทำได้แค่ 800-1000 กก.ต่อไร่เอง ซึ่งข้าวพันธุ์ใหม่ๆ อย่างหอมปทุม จะได้ถึง 1100 กก.ต่อไร่ อันนี้ หมายถึงทำแบบเดิมๆ แต่ถ้าจะให้ได้ผลผลิตมากๆ ต้องคำนึงถึงการบำรุงดินด้วยครับ ที่ผลผลิตต่อไร่น้อย

ผมว่าปัญหามันเริ่มที่การทำนาสมัยใหม่ นี่แหละ อย่างพวกเครื่องทุ่นแรงพวกรถไถ รถเกี่ยว อันนี้เป็นเรื่องที่เราได้เปรียบเวียดนาม หรือจีนครับ ของเค้ายังทำนาแบบเดิมๆเหมือนของไทยเมื่อสิบปีที่แล้วอยู่ ข้อเสียคือช้าครับ นาห้าสิบไร่กว่าจะไถเสร็จ ใช้เวลาเป็นอาทิตย์ แต่บ้านเราวันเดียวเสร็จ รถเกี่ยวหนึ่งตัวก็เกี่ยวข้าวได้ห้าสิบไร่ต่อวัน ถ้าใช้คนเกี่ยวกว่าจะเกี่ยว กว่าจะตากแห้ง กว่าจะสีเสร็จ ก็ใช้เวลาร่วมสิบวัน ตรงนี้เป็นข้อได้เปรียบอย่างมากของบ้านเราครับ แต่เราไม่เคยขายข้าวแข่งเวียดนามได้เลย ทั้งๆที่เรามีเทคโนโลยีช่วยแล้ว ต้นทุนเราน่าจะถูกกว่า แต่กลับแพงกว่าบ้านเขาครับ ทั้งที่ค่าไถ ค่าเกี่ยว เราถูกกว่าเขา ระบบชลประทานก็ดีกว่าเขา แต่ทำไมต้นทุนแพงกว่า เอาไว้ต่อทีหลังครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #189 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 03:41:10 PM »

คุณ renold ครับ... 

ผมเพิ่งจะได้เข้ามาอ่านต่อจากที่เคยโพสต์แซวไว้เมื่อสามวันก่อน....ขอเรียนว่าน่ายกย่องมากครับ.... เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
เป็นข้าราชการที่หารายได้เสริมจากการทำนา....หายากมากๆ นะครับ (ความคิดของผม) ในขณะที่ข้าราชการ (บางคน) นิยมไปหารายได้เสริมจากการทำเรื่องที่ผิดกฏหมายหรือผิดทำนองครองธรรม

คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากเพราะมีพื้นฐานที่ดี ถือได้ว่ามีฐานะที่ดีเลยทีเดียว (ณ จุดเริ่มต้น) มากกว่าชาวนาส่วนใหญ่ของประเทศนี้ครับ...เช่น เรื่องที่ดิน, ตำแหน่งของที่ดิน ว่าระบบชลประทานสะดวกหรือไม่, ความคิดเรื่องเกษตรแนวใหม่, ปุ๋ย ฯลฯ

พอจะสรุปได้มั้ยครับว่า ตอนนี้รายได้จากการทำนาหรือรายได้จากงานประจำอย่างไหนเป็นรายได้หลักของครอบครัว?? จะได้เปลี่ยนสถานะเป็นชาวนาเต็มตัว

อีกสักสอง-สามปี ถ้าประสบความสำเร็จดีแล้ว....มาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ...

โดยส่วนตัว อยากจะตามไปเยี่ยมชมถึงที่เสียเลยด้วยซ้ำไป 

 เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
ขอบคุณสำหรับคำชมนะครับ  ไหว้
รายได้หลักของครอบครัวผมก็ยังเป็นอาชีพรับราชการครับ  หลงรักและผมภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นข้ารองพระบาทของพระองค์ท่าน
จริงอยู่อาชีพเกษตรกรรมรายได้มีเป็นกอบเป็นกำ แต่รายได้น้ำซึมบ่อทรายอย่างรับราชการ
ผมก็ไม่ลาออกหรอกครับ ชั่วชีวิตหนึ่งที่ได้เป็นข้ารองพระบาทของในหลวง ไหว้
ผมรักในหลวง ไหว้ ผมรักอาชีพนี้ หลงรัก ผมรักประชาชนของผม หลงรักและผมภูมิใจที่ได้ทำเกษตรกรรมควบคู่กันไป หลงรัก
เดี๋ยวนี้ใครๆที่เคยดูถูกดูแคลนผม ยังทำอย่างผมไม่ได้เลยครับ คิก คิก
ถึงแม้ในอนาคตผมจะทำเกษตรกรรมอยู่ หรือเลิกทำ ผมมีช๊อยร์ดังนี้ครับ
1.ทำต่อไป
2.ทำต่อ แต่จ้างให้คนอื่นทำแทน
3.เลิกทำ แต่ให้คนอื่นมาเช่าทำแทน โดยเก็บค่าจ้างเป็นเงิน หรือเป็นข้าวเปลือกร้อยละ 40 จากผลผลิตที่ได้ เยี่ยม
อ้อ อีกอย่างนะครับ งานของผม ไม่ใช่นั่งโตะหน้าคอมนะครับ ต้องออกพื้นที่บ่อยๆ เวลาที่เข้า สนง.ว่างๆ จะเข้ามาโพสต์แก้เครียดครับ ไม่ได้นั่งโพสต์ตลอดวันโดยเอาเวลาทำงานมานั่งโพสต์นะครับ  งอน
บันทึกการเข้า
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #190 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 07:17:11 PM »

ทีนี้มาถึงเรื่องโกงตาชั่งมั่งดีกว่า  ถ้าถามว่าการโกงตาชั่งของพ่อค้ามีจริงมั้ย ตอบได้เลยว่าจริงครับ ส่วนจะมากน้อยขนาดไหน แล้วแต่พื้นที่ครับบางพื้นที่ก็ไม่มีเลยครับ แต่ก็ยังไม่วายถูกหาว่าโกงตาชั่งอยู่ดี อันนี้แยกเป็นสองกรณีครับ อันแรกตาชั่งไม่ได้โกง แต่ชาวนารู้สึกว่าโกง เพราะข้าวหนึ่งอุ้มจะประมาณสองพันกว่า กก. แต่รถเกี่ยวบางคันชอบโฆษณาว่าหนึ่งอุ้มของตัวเองใส่ข้าวได้ถึงสองพันห้าร้อย กก. (เวลารถเกี่ยวเกี่ยวข้าว ข้าวจะถูกเก็บในกระบะของรถเกี่ยว ถ้าเต็มกระบะนี้เรียกว่าหนึ่งอุ้มครับ ) แต่ทีนี้อันนั้นมันหมายถึงปริมาณสูงสุดที่บรรจุได้ครับ บางทีข้าวมีข้าวลีบปนอยู่เยอะ น้ำหนักก็ไม่ได้ หรือข้าวไม่สมบูรณ์ น้ำหนักก็จะไม่ถึงครับ หรือบางทีก็ไม่เต็มอุ้มดี พอน้ำหนักได้ไม่ถึงสองพันกว่า กก. ก็เข้าใจว่าพ่อค้าโกงครับ ท่าข้าวโรงสีทุกท่าส่วนใหญ่โดนข้อหานี้หมดครับ ไม่ว่าจะโกงจริง หรือไม่จริงมักจะมีข่าวทำนองนี้ทุกที่ครับ  หัวเราะร่าน้ำตาริน

ส่วนอันหลังโกงจริงครับ เพื่อลดต้นทุน ครับ แต่เรื่องนี้ก็มีความจริงที่อยู่เบื้องหลังข้อเท็จจริงครับ โดยส่วนใหญ่ท่าข้าวที่โกงตาชั่งจะรับซื้อข้าวในราคาสูงกว่าความเป็นจริง อย่างเช่น ข้าวราคา 7500 บาท แต่ตั้งราคาซื้อ 7700 บาท ทำไมถึงซื้อได้ เพราะกินกิโลอีก ประมาณ 2-3 เปอร์เซ็น ต้นทุนเหลือ 7500 เท่าเดิม บางพื้นที่ที่มีการโกงตาชั่งกัน ส่วนใหญ่ เพราะชาวนาดูราคาซื้อเป็นหลักครับ สมมติว่าท่าข้าวที่ไม่โกงกิโล ซื้อราคา 7500 บาท แต่ท่าข้าวที่กินกิโลซื้อราคา 7700 บาท ถ้าชาวนาพื้นที่ไหนเลือกขายราคา 7700 บาทมาก พ่อค้าที่ไม่กินกิโลก็อยู่ไม่ได้ ถ้าไม่เลิกทำอาชีพนี้ ก็เลิกเป็นคนดี เปลี่ยนมากินกิโลบ้าง เพื่อให้ตั้งราคาซื้อได้สูงเท่าเขาครับ

แต่บางพื้นที่ชาวนาเลือกขายราคา 7500 บาทแต่ ไม่กินกิโล พ่อค้าที่กินกิโลก็จะซื้อของไม่ได้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนมาเป็นไม่โกงกิโลเองครับ

สรุปง่ายๆ บางพื้นที่ชาวบ้านเลือกที่จะขายให้พ่อค้าที่กินกิโลอยู่ครับ ถ้าขายได้แพงกว่า ทั้งๆที่รู้ว่าจะถูกเขาโกงกิโล เพราะอะไรถึงยอมครับ คือชาวบ้านเขากลัวโดนสองเด้งครับ ทั้งซื้อถูก ทั้งโดนโกงกิโล ก็เลยเลือกขายที่ราคาสูงไว้ก่อนครับ แต่โดยทั่วไปขายที่ไหนก็ได้เงินเท่ากันครับ ถ้าซื้อแพงกิโลก็หาย แต่ถ้ากิโลดีราคาก็จะมักถูกกว่าครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
renold
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #191 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2010, 09:26:01 PM »

ถ้าใครอยากรวยก๊อ...ทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับชาวนาสิครับ รวยแน่ๆ คิดดูนะครับ ว่ามีอาชีพอะไรบ้าง....
บันทึกการเข้า
pehtor
เลือกปืนก็เหมือนเลือกแฟน นอกจากนิสัยดี ยังต้องหน้าตาดี เข้ากับเราได้
Full Member
***

คะแนน 1201
ออฟไลน์

กระทู้: 265


โอกาสเป็นของคนที่เตรียมพร้อม


« ตอบ #192 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 07:47:41 PM »

ปัญหาเรื่องผลผลิตน้อยที่ชาวนาไทยพบมากอีกอย่าง คือเรื่องข้าวไม่กินปุ๋ย ใส่เคยใส่ปุ๋ยครึ่งลูกข้าวก็งาม กลับต้องใส่เป็น 1 ลูกต่อไร่ แต่บางทีใส่ไปเท่าไรข้าวก็ไม่งาม  หรือใส่ปุ๋ยไปเท่าไรผลผลิตก็ไม่เพิ่ม อธิบายได้ว่าดินที่ชาวนาปลูกข้าว ปีแรกๆ ดินยังอุดมสมบูรณ์ดีอยู่ พอใส่ปุ๋ยเคมีเสริมเข้าไปข้าวมันก็งามดี แต่ทีนี้ชาวนาเอาแต่ทำนาอย่างเดียวไม่คิดจะบำรุงดินเพิ่ม ธาตูอาหารก็หมดไปทุกปี แทนที่จะแก้ที่ต้นเหตุ คือเพิ่มธาตุอาหารในดิน กลับไปแก้ที่ปลายเหตุ คือใสปุ๋ยเพิ่ม ปีสองปี ข้าวมันก็ยังดีได้อยู่ แต่พอหลายๆปีเข้า ธาตุอาหารยิ่งน้อยลงไปทุกวัน ทำให้ใส่ปุ๋ยเท่าไร ผลผลิตก็ไม่เพิ่ม แต่ต้นทุนค่าปุ๋ยกลับเพิ่ม ข้าวมันก็เหมือนคนครับ ต้องกินอาหารให้ครบห้าหมู่ ทีนี้เราใส่แต่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว มีแต่ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส แต่อย่างอื่นไม่มี ข้าวก็ไม่โต

วิธีแก้ก็ง่ายนิดเดียว แค่หันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับน้ำหมักชีวภาพ เพิ่อเพิ่มอินทรีย์สารในดิน ลดการใช้ปุ๋ยเคมี กับยาฆ่าแมลงลง แค่นี้ก็สามารถเพิ่มผลผลิตให้ได้ 1 ไร่ต่อตันแล้ว ครับ บ้านแฟนผมเจอปัญหานี้แหละ คือข้าวไม่กินปุ๋ย ได้ข้าว 400 กก.ต่อไร่ พอฤดูที่แล้ว ใส่ปุ๋ยชีวภาพ ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ นา 3 ไร่ ได้ข้าว 3150 กก. แต่ชาวนาที่ผมเคยเจอ มักมีข้ออ้างต่างๆ ที่จะไม่ทำ พูดให้ฟังจนตอนนี้เลิกพูดไปแล้วครับ ถ้าไม่เชื่อลองดูได้ครับ
บันทึกการเข้า

มีชีวิตให้กว้างขวาง ดีกว่ามีชีวิตให้ยืนยาว
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #193 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 07:56:20 PM »

เข้ามาอ่าน+เรียนรู้ครับ, ขอบพระคุณหลายท่าน... อ่านแล้วทราบครับ ว่า"ตัวจริง"มาคุยด้วยครับ...
บันทึกการเข้า
วายุ - รักในหลวง
เย็นศิระ เพราะพระบริบาล
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 335
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9149


พระเจ้าสร้างมนุษย์ แต่โคลท์ทำให้มนุษย์เท่าเทียมกัน


« ตอบ #194 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 09:56:12 PM »

สุดยอดครับ... เรื่องข้าว เรื่องนา อันนี้ผมไม่รู้จริง ๆ มาอ่านแล้วก็ได้ความรู้อีกเยอะ ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป...
หน้า: 1 ... 10 11 12 [13] 14 15 16 ... 20
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.085 วินาที กับ 22 คำสั่ง