เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 12, 2024, 01:21:55 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พ่อแม่รังแกฉัน  (อ่าน 4542 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 10:35:30 AM »

ทำให้นึกถึงแบบเรียนชั้น ม.๒ ที่ผมเคยเรียน... เรื่อง "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่ทราบว่าใครเคยได้เรียนบ้างครับ... ผมไปเปิดดูตำราเรียนของนักเรียนตั้งแต่ ม.๑ จนถึง ม.๓ ไม่เห็นเนื้อหาที่ว่าเลย... ผมว่า สพฐ. น่าจะเอากลับมาให้เด็กได้อ่านกันนะครับ... อย่างน้อยก็คงมีเด็กซักคนได้สำเนียกบ้าง... ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ...




....

ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน

เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู

ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู

จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร


.....



ผมนี่ไง  เคยเรียน  แต่ผมอ่อนกว่าครูนะ
บันทึกการเข้า
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 12:22:24 PM »

กราบขอบคุณและ + ให้ทุกท่านครับผม ไหว้ หลงรัก
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 01:22:00 PM »

ทำให้นึกถึงแบบเรียนชั้น ม.๒ ที่ผมเคยเรียน... เรื่อง "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่ทราบว่าใครเคยได้เรียนบ้างครับ... ผมไปเปิดดูตำราเรียนของนักเรียนตั้งแต่ ม.๑ จนถึง ม.๓ ไม่เห็นเนื้อหาที่ว่าเลย... ผมว่า สพฐ. น่าจะเอากลับมาให้เด็กได้อ่านกันนะครับ... อย่างน้อยก็คงมีเด็กซักคนได้สำเนียกบ้าง... ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ...




....

ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน

เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู

ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู

จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร


.....



ผมนี่ไง  เคยเรียน  แต่ผมอ่อนกว่าครูนะ

แสดงว่าผมแข็งกว่า... ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ไหว้

บันทึกการเข้า
Jesada_w
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 25
ออฟไลน์

กระทู้: 178


อยู่หลังปืน


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 01:30:11 PM »

 ไหว้
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 01:31:56 PM »

ทำให้นึกถึงแบบเรียนชั้น ม.๒ ที่ผมเคยเรียน... เรื่อง "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่ทราบว่าใครเคยได้เรียนบ้างครับ... ผมไปเปิดดูตำราเรียนของนักเรียนตั้งแต่ ม.๑ จนถึง ม.๓ ไม่เห็นเนื้อหาที่ว่าเลย... ผมว่า สพฐ. น่าจะเอากลับมาให้เด็กได้อ่านกันนะครับ... อย่างน้อยก็คงมีเด็กซักคนได้สำเนียกบ้าง... ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ...




....

ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน

เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู

ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู

จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร


.....



ผมนี่ไง  เคยเรียน  แต่ผมอ่อนกว่าครูนะ

แสดงว่าผมแข็งกว่า... ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ไหว้



....พลาดแล้วตรู....
บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 04:00:20 PM »

ทำให้นึกถึงแบบเรียนชั้น ม.๒ ที่ผมเคยเรียน... เรื่อง "พ่อแม่รังแกฉัน" ไม่ทราบว่าใครเคยได้เรียนบ้างครับ... ผมไปเปิดดูตำราเรียนของนักเรียนตั้งแต่ ม.๑ จนถึง ม.๓ ไม่เห็นเนื้อหาที่ว่าเลย... ผมว่า สพฐ. น่าจะเอากลับมาให้เด็กได้อ่านกันนะครับ... อย่างน้อยก็คงมีเด็กซักคนได้สำเนียกบ้าง... ถึงจะเป็นส่วนน้อยก็เถอะ...




....

ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน

เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู

ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู

จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร


.....



ผมนี่ไง  เคยเรียน  แต่ผมอ่อนกว่าครูนะ

แสดงว่าผมแข็งกว่า... ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ไหว้



....พลาดแล้วตรู....


ภึงพลาด... แต่คะแนนก็ยังล้อกับจำนวนกระทู้นะครับ.... Grin Grin Grin

บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 04:02:42 PM »

ทำลายซะ  Grin
บันทึกการเข้า
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 04:24:42 PM »

ทำลายซะ  Grin


แล้วก็กลายเป็น ๑๑(มม.)๓๘(สเปเชี่ยล) คิก คิก คิก คิก คิก คิก

ไหว้

บันทึกการเข้า
ลุมพินี08
Hero Member
*****

คะแนน 167
ออฟไลน์

กระทู้: 1438


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 04:38:59 PM »

เด็กอาจจะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรควรไม่ควร แต่พอโตขึ้นสามารถแยกแยะความผิดถูกได้ ผมว่าการที่คนเราจะเป็นคนอย่างไรไม่ได้ขึ้นกับสภาพแวดล้อมไปเสียทั้งหมดหรอกครับ แต่อยู่ที่ตัวเองมากกว่าครึ่ง
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 04:39:36 PM »

แม่ปูสอนลูปปูให้เดินตรงๆครับ เรื่องแบบนี้
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
แสนสุข
Hero Member
*****

คะแนน 171
ออฟไลน์

กระทู้: 1291



« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 05:23:08 PM »

lสังคมกำลังเสื่อมโทรม , แก่งแย่งชิงดี , ใครมือยาวสาวได้สาวเอา , ด้านได้อาย อด เศร้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 29, 2010, 05:38:22 PM โดย แสนสุข » บันทึกการเข้า

winthai ยาวแค่ไหน ก็ต้องมีปลายสุดเสมอ
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 214
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 739


ไม่มีความคิด ใดๆ ในโลกนี้ ที่สมบูรณ์แบบ


« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 06:07:12 PM »

วันนี้ได้ดูหนังสั้น 5 นาทีของคนไทย ติดใจอยู่เรื่องนึง...

มีครอบครัวหนึ่ง ล้มจากพิษเศรฐกิจเลยพาครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ทั้งหมด 3 คน มาอาศัยวัดอยู่... หลวงตาเป็นอัมพาธคนเป็นพ่อต้องอุ้มลงจากกุฏิและเข็นรถเข็นเพื่อพาหลวงตาไปบิณทบาตร...

ชาวบ้านใส่บาตรก็ถามอาการหลวงตา คุณพ่อก็บอกว่าลำบากมากแค่ค่ายารักษาตัวยังไม่มีเลย... ชาวบ้านเลยมอบเงินเป็นค่ายา....

พ่อจะนำเงินที่ได้มาใส่ย่ามลูก พอกลับถึงวัดส่งหลวงตาขึ้นกุฏิ... พ่อจะนับเงินที่ได้มาแล้วยักยอกไว้ส่วนหนึ่ง(เกินครึ่ง..) และนำส่วนที่เหลืออันน้อยนิดใส่ซองแล้วให้ลูกนำขึ้นไปถวายหลวงตา....

ลูกเห็นพฤติกรรมของพ่อ แต่ก็นำซองใส่เงินขึ้นไปวางไว้ที่โต๊ะในกุฏิหลวงตาทุกวัน หลวงตาบอกให้วางไว้ตรงนั้นแหล่ะ....

คืนวันหนึ่ง.... แม่ถาม..."พ่อจะทำอย่างนี้อีกนานมั๊ย...?"
พ่อ..."เอาน่า... ไว้ลืมตาอ้าปากได้ก่อน ค่อยไปจากวัดนี้..."

เช้าวันหนึ่ง ระหว่างออกไปบิณทบาตร... คุณพ่อขออนุญาติหลวงตาเพื่อเดินไปซื้อบุหรี่ ลูกชายจึงหยิบเงินจากย่ามส่วนนึงมาใส่กระเป๋ากางเกง... พอกลับถึงวัดพ่อก็ทำเหมือนเดิม คือยักยอกเงิน แล้วใส่ซองด้วยเงินที่เหลือและให้ลูกนำขึ้นไปถวายหลวงตา...

เด็กเดินขึ้นไปบนกุฏิพร้อมกับวางซองไว้บนโต๊ะเหมือนเคย.... จากนั้นก็ปิดกระตูก้าวลงบันไดกุฏิ...

เพิ่งนึกออกว่า เราได้ยักยอกเงินไว้ส่วนนึงจากย่ามเพื่อจะมาให้หลวงตายังอยู่ในกางเกง เลยควักเงินออกมาแล้วเดินขึ้นบันไดกุฏิใหม่...

พอถึงหน้าประตูกุฏิ... เด็กชายค่อยๆแง้มประตูเพราะหลวงตานอนอยู่... แต่ภาพที่เห็นคือ หลวงตากำลังเดินมาหยิบซองบนโต๊ะที่ตนเองเพิ่งวางไปเมื่อกี๊....

เด็กชายก้าวเดินถอยหลังด้วยความเสียใจ... และนั่งทรุดตัวอยู่หน้าประตูกุฏิหลวงตา พร้อมเงินที่ยังคงกำอยู่ในมือ......

พี่ตั้ว ผมไม่เข้าใจความหมายนี้อะครับ "เด็กชายก้าวเดินถอยหลังด้วยความเสียใจ... และนั่งทรุดตัวอยู่หน้าประตูกุฏิหลวงตา พร้อมเงินที่ยังคงกำอยู่ในมือ......"  แล้วเด็กจะเสียใจทำไมครับ ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ อธิบายให้หน่อยครับพี่ตั้ว

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ทุกสิ่งทุกอย่างปรับเปลี่ยนได้ด้วยความคิดของเราเอง

มองโลกให้เป็นอย่างที่เราเห็น อย่ามองโลกให้เป็นอย่างที่เราหวัง
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 06:20:03 PM »

วันนี้ได้ดูหนังสั้น 5 นาทีของคนไทย ติดใจอยู่เรื่องนึง...

มีครอบครัวหนึ่ง ล้มจากพิษเศรฐกิจเลยพาครอบครัว พ่อ แม่ ลูก ทั้งหมด 3 คน มาอาศัยวัดอยู่... หลวงตาเป็นอัมพาธคนเป็นพ่อต้องอุ้มลงจากกุฏิและเข็นรถเข็นเพื่อพาหลวงตาไปบิณทบาตร...

ชาวบ้านใส่บาตรก็ถามอาการหลวงตา คุณพ่อก็บอกว่าลำบากมากแค่ค่ายารักษาตัวยังไม่มีเลย... ชาวบ้านเลยมอบเงินเป็นค่ายา....

พ่อจะนำเงินที่ได้มาใส่ย่ามลูก พอกลับถึงวัดส่งหลวงตาขึ้นกุฏิ... พ่อจะนับเงินที่ได้มาแล้วยักยอกไว้ส่วนหนึ่ง(เกินครึ่ง..) และนำส่วนที่เหลืออันน้อยนิดใส่ซองแล้วให้ลูกนำขึ้นไปถวายหลวงตา....

ลูกเห็นพฤติกรรมของพ่อ แต่ก็นำซองใส่เงินขึ้นไปวางไว้ที่โต๊ะในกุฏิหลวงตาทุกวัน หลวงตาบอกให้วางไว้ตรงนั้นแหล่ะ....

คืนวันหนึ่ง.... แม่ถาม..."พ่อจะทำอย่างนี้อีกนานมั๊ย...?"
พ่อ..."เอาน่า... ไว้ลืมตาอ้าปากได้ก่อน ค่อยไปจากวัดนี้..."

เช้าวันหนึ่ง ระหว่างออกไปบิณทบาตร... คุณพ่อขออนุญาติหลวงตาเพื่อเดินไปซื้อบุหรี่ ลูกชายจึงหยิบเงินจากย่ามส่วนนึงมาใส่กระเป๋ากางเกง... พอกลับถึงวัดพ่อก็ทำเหมือนเดิม คือยักยอกเงิน แล้วใส่ซองด้วยเงินที่เหลือและให้ลูกนำขึ้นไปถวายหลวงตา...

เด็กเดินขึ้นไปบนกุฏิพร้อมกับวางซองไว้บนโต๊ะเหมือนเคย.... จากนั้นก็ปิดกระตูก้าวลงบันไดกุฏิ...

เพิ่งนึกออกว่า เราได้ยักยอกเงินไว้ส่วนนึงจากย่ามเพื่อจะมาให้หลวงตายังอยู่ในกางเกง เลยควักเงินออกมาแล้วเดินขึ้นบันไดกุฏิใหม่...

พอถึงหน้าประตูกุฏิ... เด็กชายค่อยๆแง้มประตูเพราะหลวงตานอนอยู่... แต่ภาพที่เห็นคือ หลวงตากำลังเดินมาหยิบซองบนโต๊ะที่ตนเองเพิ่งวางไปเมื่อกี๊....

เด็กชายก้าวเดินถอยหลังด้วยความเสียใจ... และนั่งทรุดตัวอยู่หน้าประตูกุฏิหลวงตา พร้อมเงินที่ยังคงกำอยู่ในมือ......

พี่ตั้ว ผมไม่เข้าใจความหมายนี้อะครับ "เด็กชายก้าวเดินถอยหลังด้วยความเสียใจ... และนั่งทรุดตัวอยู่หน้าประตูกุฏิหลวงตา พร้อมเงินที่ยังคงกำอยู่ในมือ......"  แล้วเด็กจะเสียใจทำไมครับ ไม่เข้าใจจริงๆ ครับ อธิบายให้หน่อยครับพี่ตั้ว

ขอบคุณครับ

ลต.เดินได้ปรกติ... /  เด็กทำอย่างพ่อ...แต่ไมทำเยี่ยงพ่อ     พ่อแม่กับ ลต.รู้กัน   ...  เด็กเสียใจที่รู้ว่า ลต.เดินได้ปกติ
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 06:52:20 PM »

กราบขออภัยที่ตัดหน้าตอบก่อน  ไหว้ ผมเข้าใจผิดหรือถูก...ไม่มีผล แต่ผม + ให้ คุณตั้ว 2 แต้มโดยไม่หวังผลตอบแทนครับ Wink
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
Peerapat - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1690


จะรบเป็นชาติพลี มอบวิญญาณ ดวงนี้ เพื่อผืนดินไทย


เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2010, 08:04:18 PM »

                                                ๏ มีซินแสแก่เฒ่าได้เล่าไข
ถึงเรื่องงิ้วว่าเล่นกันเช่นไร              มีข้อใหญ่นั้นก็เป็น เช่นละคร
แต่ข้อหนึ่งแกเล่าเขาประสงค์      มุ่งจำนงในข้างเป็นทาง สอน
ชี้ทางธรรม์มรรยาทแก่ราษฎร      เหมือนละครสุภาษิตไม่ผิด กัน
เราบวชนาคโกนจุกในยุคก่อน      มีกล่าวกลอนเพราะพริ้งทำ มิ่งขวัญ
การขันหมากยุคเก่าท่านเล่ากัน      มีสวดฉันท์เรียกว่าสวด มาไลย์
เค้าก็คือท่านหวังจะสั่งสอน              แต่ผันผ่อนตามนิยมสมสมัย
มีเฮฮาพาสนุกเครื่องปลุกใจ              สมกับได้มีงานการมงคล
ในหมู่บ้านย่านกลางเมื่อปางก่อน      มีโรงสอนธรรมทานการ กุศล
เพื่อเป็นเครื่องเรืองปัญญาประชาชน      ในตำบลอัตคัตไกล วัดวา
เรียกศาลาโรงธรรมประจำบ้าน      เหมือนสถานที่ฝึกทางศึกษา
บางคราวมีการกุศลปนเฮฮา              เพื่อให้พาเพลิดเพลินเจริญใจ
ฝ่ายจีนเขาได้มีอย่างที่ว่า              เอางิ้วมาฝึกหัดดัดนิสัย
ย่อมดูดดื่มซึมซาบปลาบปลื้มใจ      เหมือนอย่างได้รู้เห็น ที่เป็นจริง
งิ้วเรื่องหนึ่งแกเล่าครั้งเยาว์อยู่      ได้ไปดูจำไว้ได้ ทุกสิ่ง
เกาะในจิตติดแน่นแม้นกับปลิง      เลยเป็นสิ่งสอนใจจนใหญ่ มา
ตามเรื่องนั้นว่ามีเศรษฐีหนึ่ง              เป็นคนซึ่งสูงชาติ วาสนา
มีทรัพย์สินเหลือล้นคณนา              มีบ้านช่องแน่นหนาด้วยข้าไท
ท่านเศรษฐีมีบุตรสุดที่รัก              แกฟูมฟักใฝ่จิตพิสมัย
บุตรคนเดียวแสนจะห่วงดังดวงใจ      หวังจะให้สืบวงศ์ดำรงไป
มีโรงเรียนไกลบ้านอาจารย์สอน      กลัวลูกอ่อนลำบากไม่พราก ได้
อุตส่าห์จ้างครูบามาแต่ไกล              ให้สอนในบ้านตนสู้ปรนปรือ
ฝ่ายลูกเรียนผู้เดียวให้เปลี่ยวจิต      มักเบือนบิดเบื่อ ชังเรื่องหนังสือ
อยากได้เพื่อนพูดจาและหารือ      พ่อก็อือออตามด้วยความรัก
เกณฑ์พวกเด็กในบ้านให้อ่านด้วย      ก็เพื่อช่วยชวนใจให้ สมัคร
ครั้นมีเพื่อนเรียนล้อมอยู่พร้อมพรัก      กลับชวนชักเล่น กันไม่หมั่นเรียน
ครูก็ดีจี้ไชมิได้หยุด                      แกเห็นสุดเอาใจจึงได้เฆี่ยน
หวังให้กลัวอาญาตั้งหน้าเพียร      แต่กลับเพี้ยนผิดคาดถึง ขาดกัน
คือบุตรท่านเศรษฐีหนีไปหา              พ่อฟ้องว่า ครูนี้แกตีฉัน
ปลอบให้เรียนก็ไม่ไปจนใจครัน      ต้องเป็นอันเลิกกับครู ที่อยู่มา
อุตส่าห์จ้างครูใหม่ตามใจลูก              แต่ไม่ถูกใจบุตรสุดจะหา
ครูคนนั้นฉันเข็ดไม่เมตตา              คนนี้ว่าจู้จี้พิรี้พิไร
แต่เปลี่ยนครูอยู่ฉะนี้ไม่มีเหมาะ      มักทะเลาะเลิกเรียน ต้องเปลี่ยนใหม่
พวกครูๆ เข็ดกลัวกันทั่วไป              ถึงจะให้เงินมากไม่อยากเอา
บิดาผู้รักบุตรสุดจะกลุ้ม              ลูกเป็นหนุ่มใหญ่โตยังโง่ เง่า
เที่ยวจ้างครูอยู่ห่างต่างลำเนา      ค่าจ้างเท่าไรนั้นไม่ พรั่นกลัว
แต่ก็ไม่ยืดไปเท่าไรนัก                      ประเดี๋ยวชักเหหันต้องสั่นหัว
เผอิญมาปะครูที่รู้ตัว                      แกหวังชั่วค่าสอนสู้ผ่อนตาม
ศิษย์จะรู้เท่าไรไม่ธุระ                      ชื่อเสียงจะเสียไปก็ไม่ขาม
ศิษย์ผู้ใดตั้งหน้าพยายาม              สอนให้ตามแต่รักสมัครเรียน
ครูคนนี้ถูกใจอยู่ได้ยืด                      ถึงจะจืดจางการเรื่องอ่าน เขียน
ก็ถูกจิตศิษย์ตนย่อมวนเวียน              อยู่จำเนียรโตใหญ่ไร้วิชา
ฝ่ายพ่อแม่รักบุตรสุดจะรัก              บุตรสมัครทางไหนมิได้ว่า
ใช้เงินทองกอบกำไม่นำพา              อยู่ไม่ช้าแกก็ตายทำลายชนม์
ทรัพย์สมบัติมรดกตกแก่ลูก              ไม่ต้องปลูกเปลืองแรงแสวงผล
มีเพื่อนมาฮาฮือนับถือตน              เฝ้าแต่ขนทรัพย์จ่ายสบายจริง
เอาอะไรได้ทุกอย่างช่างสะดวก      จะหยิบหมวกหมวกรี่เหมือน ผีสิง
ทุกอย่างรู้เอาใจไม่ประวิง              ดูเหมือนชิงกันมาคราต้อง การ
ไม่ช้านักทรัพย์ลดหมดสะดวก      จะหยิบหมวกหมวกกระเดียด ข้างเกียจคร้าน
ถ้าเผลอหน่อยคอยหนีตะลีตะลาน       วิ่งเข้าร้านโรงจำนำไม่ อำลา
เพื่อนทั้งมวลล้วนหายเหมือนตายจาก   ที่มีมากคือสหายพวก นายหน้า
บ้านของท่านขายเท่าไร? ให้ราคา      ผมช่วยค้าขายให้ด้วย ไมตรี
เพื่อนสนุกพลุกพล่านขายบ้านช่อง   พอเงินทองหมดเรียบก็ เงียบจี๋
ต่อนี้ไปใครเยือนคือเพื่อนดี              ไม่เช่นนี้เพื่อนโหล่โง่ ระยำ
บุตรเศรษฐีเป็นมาถึงครานี้              ไม่เห็นมีมิตรสหาย มากรายกล้ำ
ผิวผู้ดีมีกระดากพะอากพะอำ              จะคิดทำการอะไรก็ไม่เป็น
ต้องตรำตรากจากย่านถิ่นบ้านเก่า      ขอทานเขาเลี้ยงตนด้วย ข้นเข็ญ
พักสถานศาลเจ้าทุกเช้าเย็น              ค่อยคิดเห็นโทษตัวที่ชั่ว มา
คิดถึงเรื่องเก่าแก่พ่อแม่รัก              สู้ฟูมฟักใฝ่ฝึกให้ ศึกษา
ตามใจลูกเหลือล้นคณนา              ทุกสิ่งสารพัดไม่ขัดใจ
คิดถึงครูผู้สอนแต่ก่อนเก่า              บางคนเฝ้าฝึกฝนพ้นวิสัย
บางคนเฝ้าจู้จี้พิรี้พิไร                      ไม่ถูกใจฟ้องพ่อก็อออือ
จนเหลวไหลได้เข็ญถึงเช่นนี้      พ่อแม่ที่รักลูกทำถูกหรือ
สิ่งใดพาเสียคนกลับปรนปรือ      ร้องไห้ฮือบ่นว่าเหมือนบ้า บอ
วันหนึ่งไปถึงถิ่นบ้านซินแส              ก็เดินแร่เข้าไปหาตรงหน้า หมอ
ร้องขอทานทันทีไม่รีรอ              ฝ่ายท่านหมอมองหน้าไม่ว่าไร
ลงท้ายแกกลอกหน้าหาว่าหลอก      เฮ้ย. เจ้าวอกเอ็งอย่ามาไถล
หลอกดูลูกสาวข้าหรือว่าไร              หรือเข้าใจว่ากูไม่รู้ที
ข้าหมอดูรู้จักลักษณะ                      อย่างมึงน่ะบอกเพศเป็นเศรษฐี
รูปลักษณ์พักตร์เจ้าเผ่าผู้ดี              ทำเช่นนี้ตั้งใจอย่างไร กัน
ลูกเศรษฐีฟังว่าน้ำตาหลั่ง              ตอบเสียงดัง "พ่อแม่รังแกฉัน!"
ร้องไห้โฮซบหน้าพลางจาบัลย์      คนบ้านนั้นต่างพากันมาดู
ท่านเจ้าข้า! พ่อแม่รังแกฉัน              เขาใฝ่ฝันฟูมฟักฉันอักขู
ฉันทำผิดคิดระยำกลับค้ำชู              จะว่าผู้รักลูกถูกหรือไร
ท่านทายฉันนั้นถูกลูกเศรษฐี                  ผู้กลีเลวกว่าบรรดาไพร่
ซึ่งยังรู้กอบการงานใด ๆ              เลี้ยงชีพได้เพียงพอไม่ขอทาน
โอ๊ย! ยิ่งเล่ายิ่งช้ำระกำเหลือ              โปรดจุนเจือเถอะท่าน หมอขอข้าวสาร
เหมือนช่วยชีพข้าเจ้าให้เนานาน      จักเป็นการบุญล้นมีผล งาม
ฝ่ายท่านหมอฟังเล่าสิ้นเค้าเงื่อน      แกจึงเอื้อนโอษฐ์มี วจีถาม
ข้าฟังเจ้าเล่าไปก็ได้ความ              จึงเห็นตามพ่อแม่รังแกตรง
เข็ดหรือไม่ใครรังแกอย่างแม่พ่อ      หรือว่าพอทนดอกบอก ประสงค์
โอ๊ย! หนเดียวชีวิตแทบปลิดปลง      ถ้าซ้ำสองต้องลงอวิจี
อย่ารังแกอีกเลยลูกเคยเข็ด              ขอจงเมตตาเถิดประเสริฐศรี
ท่านหมอฟังยิ้มเยื้อนเอื้อนวจี              เจ้าว่าดีสมจริงทุก สิ่งอัน
ข้าไม่อยากรังแกเช่นแม่พ่อ              ที่เจ้าขอข้าไม่อ่อนตาม ผ่อนผัน
แม้เจ้าขอสิ่งใดข้าให้ปัน              ก็เป็นอันข้าทำซ้ำรังแก
เจ้าจะตกอวิจีไม่ดีดอก                      เจ้าจะออกปากพ้ออย่างพ่อแม่
ลูกเศรษฐีตกตะลึงทะลึ่งแล              โอ๊ย! ผมแย่ถูกล่อลงบ่อตม
เมื่อไม่ให้ใครจะว่าเจ้าข้าเอ๋ย              นี่กลับเย้ยยกคำทิ่ม ตำผม
จะไล่ไปก็ไม่ไล่ให้ระทม              ว่าแล้วซมซานกลับด้วยคับใจ
หมอขยับจับบ่าช้าซีเจ้า              คำที่เล่าบอกข้าน่าเลื่อมใส
พ่อแม่รักลูกผิดชนิดไร                      เขาก็ได้ทุกข์ถมจนล้มตาย
เวลานั้นตัวเจ้ายังเยาว์อยู่              จึงไม่รู้ยั้งตนจนฉิบหาย
เดี๋ยวนี้เจ้ารู้สึกสำนึกกาย              จงขวนขวายฝึกหัดดัด สันดาน
ข้าจักเป็นพ่อแม่ช่วยแก้ให้              ต้องตามใจแต่ข้าจะว่าขาน
ถ้ายอมตามข้าว่าไม่ช้านาน              จักไม่ต้องขอทานเขาต่อไป
ลงท้ายลูกเศรษฐียินดีรับ              ไปอยู่กับซินแสแก้นิสัย
ไม่ว่ามีกิจการสถานใด                      แกใช้ให้ทำสิ้นจนชินการ
แกปรานีจี้ไชด้วยใจรัก                      จนรู้จักค้าขายหลายสถาน
อยู่กับหมอต่อมาไม่ช้านาน              ก็พ้นการทุรพลเป็นคนแคลน
ชาวเราเอ๋ยพ่อแม่มุ่งแต่รัก              สู้ฟูมฟักในบุตรนั้นสุด แสน
แต่ความรักมักเดินจนเกินแกน      เลยเข้าแดนทุกข์ถมระทมกาย
ดังเศรษฐีรักบุตรสุดสวาท              บุตรอุบาทว์มิได้รักสมัคร หมาย
เอาแต่ใจใฝ่ตามความสบาย              พ่อแม่ตายก็เพราะตรมระทมใจ
ยังมิหนำซ้ำว่าด่ากระดูก              หาว่าถูกพ่อแม่รังแกได้
แต่ชาวเราเนาเขตประเทศไทย      คงจะไม่พบปะขอประกัน
เพราะพระราชบัญญัติอุบัติแล้ว      เหมือนดวงแก้วส่องสว่าง ทางสวรรค์
บังคับให้ศึกษาทั่วหน้ากัน              พระคุณธรรม์ข้อนี้ไม่มี เทียม
ที่สุดนี้ชาวเราน้อมเกล้าฯ นบ      พระจอมภพภูบดินทร์พระ ปิ่นเสียม
พระปลุกใจไทยทั่วตั้งตัวเตรียม      ทุกอย่างเยี่ยมยิ่งคุณ วิบุลเอย ฯ


     พระยาอุปกิตศิลปสาร
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.105 วินาที กับ 22 คำสั่ง