รวบ “หนุ่มคิดสั้น” ควงปืนปลอมจี้ร้านขายปืน (ร้านปืนมิตรภาพ)

[✿RungRoj_f (รักในหลวง)✿]

เค้าคิดการไกลมากนะปล้นปืนจริงก่อน แล้วค่อยเอาปืนจริงไปปล้นร้านทองไง นี่ถ้าเอาไปได้คงไปต่อที่เยาวราชแน่จริงไหม 

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ก็ถือว่าไม่บ้าซะแล้ว 5555
วางแผนเอาปืนปลอม ไปปล้นปืนจริง แล้วค่อยเอาปืนจริงไปปล้อนร้านทอง แล้วเอาทองที่ได้ ไปขายเป็นเงิน เออ เป็นไปได้แฮ่ะ ...

[Tanongsak.CR]

ผมคิด..ว่า่คุณเบิ้ม...คงไม่คิดยิงคนร้ายหรอกครับ...

ยิง..เพื่อให้คนแถวนั้นได้รับทราบว่าเกิด เหตุร้ายขึ้น...

ชาวบ้าน..จึงมาช่วยกันจับบ

 

[mambo]

ยังโชคดีในความโชคร้าย  ที่ยังไม่รุนแรงถึงชีวิต ถ้ามันมุ่งร้ายเข้ามาทำร้ายมีดฟันแทง คงจะแย่ ยิงมันตายก็ไม่สบายใจอีก  สมัยนี้คนเราทำไปได้

[TWC - รักในหลวง]

ผมสงสัยครับ
ถ้าสมมุติเจ้าของร้านปืนพอดีมีมีดพับติดกระเป๋ากางเกงอยู่
แล้วใช่มีดพับป้องกันทรัพย์สิน(แทงโจรตาย)
อย่างนี้เกินกว่าเหตุรึเปล่าครับ

[glockslide]

หนุ่มสิ้นคิด สวมเสื้อเกราะควงปืนเด็กเล่นบุกจี้ชิงทรัพย์ร้านขายปืน ตีหัวเจ้าของร้านแล้ววิ่งหลบหนี ถูกยิงไล่หลังแต่รอดลูกตะกั่วหวุดหวิด สุดท้ายไปไม่รอดโดนพลเมืองดีจับส่งตำรวจ
       
       วันนี้ ( 6 ม.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ท.สัญญา สุขอุดม พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.สำราญราษฎร์ รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกจี้ชิงทรัพย์ร้านขายปืน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปืนมิตรภาพ ตั้งอยู่เลขที่ 29 ปากซอยลงท่า ถนนตรีทอง แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กทม. ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สำราญราษฎร์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และสายตรวจ สน.สำราญราษฎร์
       
       เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบชาวบ้านช่วยกันควบคุมตัวคนร้ายคือนายวิรัตน์ พายพัตร อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/354 ซอยเคหะคลองเตย 4 แขวงและเขตคลองเตย กทม. เอาไว้ได้ในสภาพแต่งกายชุดดำและสวมเสื้อเกราะ พร้อมของกลางอาวุธปืนปลอม 1 กระบอก โดยมีนายณัฐนนท์ เติมรุ่งเรืองโรจน์ อายุ 35 ปี เจ้าของร้านปืนที่เกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก กับนายวีรศักดิ์ เติมรุ่งเรืองโรจน์ อายุ 34 ปี น้องชายเจ้าของร้าน ได้รับบาดเจ็บโดยเศษกระจกบาดที่แขนซ้าย เป็นผู้ชี้ตัวยืนยัน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำที่ สน.สำราญราษฎร์
       
       จากการสอบถามนายณัฐนนท์ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในร้าน จู่ๆนายวิรัตน์ก็บุกเข้ามาในร้านแล้วใช้ปืนตีที่ศีรษะตน พร้อมกับตะโกนสั่งให้ตนหมอบลง ตนจึงตะโกนถามกลับไปว่า "ต้องการอะไร" แต่นายวิรัตน์ก็ไม่ตอบแถมยังตะโกนสั่งให้หมอบลง ตนเห็นท่าไม่ดีเลยหมอบลงตามที่นายวิรัตน์สั่ง แต่ก็แอบกดโทรศัพท์หานายวีรศักดิ์ ผู้เป็นน้องชาย ที่อยู่ชั้นบนของร้านให้ลงมาช่วยเหลือ
       
       นายณัฐนนท์ กล่าวอีกว่า จังหวะนั้น ตนเหลือบไปเห็นว่าปืนที่นายวิรัตน์ถืออยู่นั้นเป็นของปลอม จึงรีบพุ่งเข้าไปจับตัวเอาไว้ จนเกิดการต่อสู้กันขึ้น หลังจากนั้นน้องชายได้วิ่งลงมาช่วยตนอีกแรง แต่ก็พลาดท่าถูกกระจกบาดได้รับบาดเจ็บไปอีกคน จากนั้นนายวิรัตน์ก็วิ่งหนีออกไปนอกร้าน จังหวะนั้นตนก็ชักอาวุธปืนยิงสวนไปอีก 2 นัด แต่ไม่โดน แต่หลังจากนั้นชาวบ้านก็ช่วยกันจับตัวนายวิรัตน์เอาไว้ได้ดังกล่าว
       
       ด้าน พ.ต.อ.สมาน กล่าวว่า จากการสอบสวนนายวิรัตน์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยรับจ้างเป็นการ์ดในการชุมนุมของหลายฝ่าย แต่ตอนนี้ตกงานไม่มีเงินใช้ และมีความจำเป็นต้องการหาเงินไปรักษาตาข้างซ้ายที่มีจุดดำ เลยตัดสินใจลงมือก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่สวมเสื้อเกราะและเข้ามาชิงทรัพย์ร้านขายปืนก็เพราะว่า ถ้าถูกยิงก็ให้โดนที่ศีรษะเลย

http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000001523

ข่าวมั่วจิงๆเลย ผมอยู่ในเหตุการณ์เลยในตอนนั้น...
เจ้าของร้านไม่ได้เอาปืนไล่ยิง แต่วิ่งอออกมานอกร้าน เอาปืนยิงขึ้นฟ้าแค่ 1 นัดเท่านั้น
เหมือนจะให้น้องชายมาช่วย หรือให้คนแถวนั้นมาช่วย
แล้วก็ร้องว่า ปล้นๆ แล้วคนร้านปืนแถวนั้นเขาก็มาช่วย แล้วก็รวบตัวจับส่งให้ตำรวจกัน

ข่าวสมัยนี้ เชื่อใจไม่ได้จิงๆ ลงผิดๆถูกๆ ทำให้คนอื่นเสียหายหมด

[Tu_cz]

 ถ้าพ้นโทษออกมา  โรงพักต่างๆคงต้องระวังให้มาก เพราะแกคงปล้น สน. แน่ๆ

[ple_redfield]

สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่เบิ้มน่ะครับ ข้อเท็จจริงมีดังนี้ครับ

จากกล้องวงจรปิดในร้านและนอกร้านที่จับภาพไว้ได้น่ะครับ คนร้านเดินผ่านหน้าร้านไป 1 ครั้งและเดินไปทาง ร้านช่างยอด (อาจจะดูว่าที่บ้านหน้าร้านอยู่กี่คน) ตอนนั้นพี่เบิ้มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต้ะ หน้าร้าน 1 คน แล้วคนร้านก็เข้ามาแล้วเอาปืนจี้ที่ หัวพี่เบิ้มทันที (ในตอนแรกพี่เบิ้มเค้านึกว่าเพื่อนที่ไหนว่ะมาล่อเล่นแบบนี้) แล้วคนร้ายก็เอาด้ามปืนตีเข้าไปที่หัว 1 ครั้ง (ตอนนี้พี่เค้ารู้แล้วว่ามันเอาจริง) แล้วมันสั่งให้พี่เบิ้มหมอบลงกับพื้นแล้วมันจะเอาสายรัดข้อมือ(เป็นสายรัดที่เห็นใช้กันในหนังอ่ะครับ)แต่พี่เบิ้มไม่ยอม แล้วพี่เบิ้มก็ลุกขึ้นมาก็เกิดการสู้กัน (แต่คนร้ายตัวค่อนข้างใหญ่) เลยตะโกนเรียกคนในบ้าน(อยู่หลังบ้าน หลังบ้านจะมีกระจกสีดำ 1 บานถ้าท่านๆเคยไปที่ร้านก็คงเห็น) แต่ในตอนนั้น พี่วีระ (พีชายคนโตยืนดูเหตุการอยู่เห็นในตอนที่ พี่เบิ้มลุกขึ้นมาสู้ได้สักพัก) ในตอนแรกพี่วีระเข้าใจว่า คงเป็นตำรวจแล้วเบิ้ม ไปทำอะไรไว้หรือเปล่าเค้าเลยมาสั่งสอน (เพราะคนร้ายใส่เสื้อสีดำ-กางเกงสีกากี-รองเท้าหนัง) ดูจากกล้องทุกคนก็ต้องนึกว่าเป็นตำรวจ และในมือคนร้ายอาจเป็นปืนจริง พอพี่เบิ้มลุกขึ้นมาสู้(สู้ได้ประมาน 3-5 วินาที เลยผลักกระจกด้านหลังที่พี่วีระอยู่ข้างใน) พอพี่เบิ้มเข้าไปได้ก็ล็อกประตูด้านในทั้นที่ แล้วพี่เบิ้มก็ถามพี่วีระว่าเอาไงดี แล้วคนร้ายพยายามเข้าไปแต่เข้าไปไม่ได้ ก็เลยกลับไปที่ตู้กระจก แล้วหยิบปืนที่โชว์อยู่หน้าตู้ทันที ปืนที่คนร้ายหยิบก็คือ STI Trubor 1 ตัว และ หมี 1911 อีก 1 ตัว ทีนี้พี่ชายคนโตเข้าใจแล้วว่า มันมาขโมยปืนแน่นอน แล้วจังหวะที่คนร้ายหยิบปืนเรียบร้อยแล้วกำลังจะออกจากร้าน พี่ชายคนโตเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนไปว่า (ไอ้สั...มึงตาย) ทำให้คนร้ายสะดุดกึกนิดหน่อย แล้วพี่ชายทั้ง 2 ก็ถึงตัวคนร้ายอย่างรวดเร็ว ช่วยกันจับไว้ ดึงตัวคนร้ายจากหน้าร้านเข้ามาจนถึงกระจกสีดำด้านใน พี่ชายคนโตล็อกหลังไว้ชนิดที่ว่า ปลาหมึกจริงๆ ส่วนพี่เบิ้มก็ไปที่โต้ะพี่เบิ้มเพื่อหยิมปืนในลิ้นชัก (รอบแรกหาไม่เจอ...) แล้วก็วิ่งไปหน้าร้านตะโกนให้คนข้างนอกได้ยิน แล้วก็กลับมาหาปืนที่รอบแรกหาไม่เจอ (ขณะนั้นพี่ชายคนโตยังกอดเอวคนร้ายอยู่) เมื่อได้ปืนแล้วพี่เบิ้มก็ออกไปยื่นที่ประตูหน้าร้าน แล้วตะโกนบอกให้คนร้ายหมอบลงกับพื้น แล้วยิงขึ้นฟ้า 1 นัด คนร้ายคิดจะหนีแต่พี่วีระยังคงรัดเอวอยู่ด้านหลังของคนร้าย (คนร้ายตัวใหญ่จริงๆขยับทีพี่วีระลอยตัวที...) แล้วพี่เบิ้ม ยิงขึ้นฟ้าขู่อีก 1 นัด (รวมเป็น 2 นัดที่ยิงขึ้นฟ้าครับ ถ้าท่านใดสนใจมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ได้น่ะครับ โดนผ้าใบ 1 นัด หลังคา 1 นัดลองไปดู) แล้วสักพักก็มีพี่ๆจากร้านค้าแถวนั้นเข้ามาช่วย แล้วคนร้ายก็ยอมลงนอนที่พื้นครับ ( พี่ๆที่มาช่วย 2 ท่านแรก ช่วยจับกดคนร้ายที่นอนอยู่ที่พื่นไว้ ) แล้วพี่เบิ้มก็เข้ามายิมกุญแจมือมาล็อกคนร้ายไว้ (พี่วีระถือปืนแทนอยู่) แล้วสักพักคนไทยก็เข้ามาช่วยกันครับ สักพักตำรวจก็มาถึงครับ

ขอบคุณครับ  

[Rath72 รักในหลวง]

นายฉลาดจริงๆเราขอยอมรับ ที่กล้าปล้นร้านปืน 55+

แต่ก็ว่าไม่ได้หลอกครับ คนเรามันก็ต้องหาทางเอาชีวิตรอด แต่จะไปทางที่ดีหรือไม่ดีก็ต้องเลือกเอง ^^

สงสัยครับว่าทำไมถึงคิดว่า ว่าไม่ได้เพราะต้องหาทางเอาชีวิตรอด 

[Peerapat - รักในหลวง]

ขอบคุณที่มาเล่าให้กระจ่างครับ โชคดีที่ทุกคนปลอดภัย

[♪♪︻┳一levis007︻┳一♪♪]

...มันคงไม่รู้ว่าคุณเบิ้มเป็นนักกีฬา ipsc ด้วยถ้ารู้คงไม่กล้า...

[วายุ - รักในหลวง]

โชคดีที่คนร้ายมันรอด... ไปนอนคุก

[รักปืน-รักในหลวง]

สวัสดีครับทุกท่าน ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องพี่เบิ้มน่ะครับ ข้อเท็จจริงมีดังนี้ครับ

จากกล้องวงจรปิดในร้านและนอกร้านที่จับภาพไว้ได้น่ะครับ คนร้านเดินผ่านหน้าร้านไป 1 ครั้งและเดินไปทาง ร้านช่างยอด (อาจจะดูว่าที่บ้านหน้าร้านอยู่กี่คน) ตอนนั้นพี่เบิ้มอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โต้ะ หน้าร้าน 1 คน แล้วคนร้านก็เข้ามาแล้วเอาปืนจี้ที่ หัวพี่เบิ้มทันที (ในตอนแรกพี่เบิ้มเค้านึกว่าเพื่อนที่ไหนว่ะมาล่อเล่นแบบนี้) แล้วคนร้ายก็เอาด้ามปืนตีเข้าไปที่หัว 1 ครั้ง (ตอนนี้พี่เค้ารู้แล้วว่ามันเอาจริง) แล้วมันสั่งให้พี่เบิ้มหมอบลงกับพื้นแล้วมันจะเอาสายรัดข้อมือ(เป็นสายรัดที่เห็นใช้กันในหนังอ่ะครับ)แต่พี่เบิ้มไม่ยอม แล้วพี่เบิ้มก็ลุกขึ้นมาก็เกิดการสู้กัน (แต่คนร้ายตัวค่อนข้างใหญ่) เลยตะโกนเรียกคนในบ้าน(อยู่หลังบ้าน หลังบ้านจะมีกระจกสีดำ 1 บานถ้าท่านๆเคยไปที่ร้านก็คงเห็น) แต่ในตอนนั้น พี่วีระ (พีชายคนโตยืนดูเหตุการอยู่เห็นในตอนที่ พี่เบิ้มลุกขึ้นมาสู้ได้สักพัก) ในตอนแรกพี่วีระเข้าใจว่า คงเป็นตำรวจแล้วเบิ้ม ไปทำอะไรไว้หรือเปล่าเค้าเลยมาสั่งสอน (เพราะคนร้ายใส่เสื้อสีดำ-กางเกงสีกากี-รองเท้าหนัง) ดูจากกล้องทุกคนก็ต้องนึกว่าเป็นตำรวจ และในมือคนร้ายอาจเป็นปืนจริง พอพี่เบิ้มลุกขึ้นมาสู้(สู้ได้ประมาน 3-5 วินาที เลยผลักกระจกด้านหลังที่พี่วีระอยู่ข้างใน) พอพี่เบิ้มเข้าไปได้ก็ล็อกประตูด้านในทั้นที่ แล้วพี่เบิ้มก็ถามพี่วีระว่าเอาไงดี แล้วคนร้ายพยายามเข้าไปแต่เข้าไปไม่ได้ ก็เลยกลับไปที่ตู้กระจก แล้วหยิบปืนที่โชว์อยู่หน้าตู้ทันที ปืนที่คนร้ายหยิบก็คือ STI Trubor 1 ตัว และ หมี 1911 อีก 1 ตัว ทีนี้พี่ชายคนโตเข้าใจแล้วว่า มันมาขโมยปืนแน่นอน แล้วจังหวะที่คนร้ายหยิบปืนเรียบร้อยแล้วกำลังจะออกจากร้าน พี่ชายคนโตเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วตะโกนไปว่า (ไอ้สั...มึงตาย) ทำให้คนร้ายสะดุดกึกนิดหน่อย แล้วพี่ชายทั้ง 2 ก็ถึงตัวคนร้ายอย่างรวดเร็ว ช่วยกันจับไว้ ดึงตัวคนร้ายจากหน้าร้านเข้ามาจนถึงกระจกสีดำด้านใน พี่ชายคนโตล็อกหลังไว้ชนิดที่ว่า ปลาหมึกจริงๆ ส่วนพี่เบิ้มก็ไปที่โต้ะพี่เบิ้มเพื่อหยิมปืนในลิ้นชัก (รอบแรกหาไม่เจอ...) แล้วก็วิ่งไปหน้าร้านตะโกนให้คนข้างนอกได้ยิน แล้วก็กลับมาหาปืนที่รอบแรกหาไม่เจอ (ขณะนั้นพี่ชายคนโตยังกอดเอวคนร้ายอยู่) เมื่อได้ปืนแล้วพี่เบิ้มก็ออกไปยื่นที่ประตูหน้าร้าน แล้วตะโกนบอกให้คนร้ายหมอบลงกับพื้น แล้วยิงขึ้นฟ้า 1 นัด คนร้ายคิดจะหนีแต่พี่วีระยังคงรัดเอวอยู่ด้านหลังของคนร้าย (คนร้ายตัวใหญ่จริงๆขยับทีพี่วีระลอยตัวที...) แล้วพี่เบิ้ม ยิงขึ้นฟ้าขู่อีก 1 นัด (รวมเป็น 2 นัดที่ยิงขึ้นฟ้าครับ ถ้าท่านใดสนใจมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ได้น่ะครับ โดนผ้าใบ 1 นัด หลังคา 1 นัดลองไปดู) แล้วสักพักก็มีพี่ๆจากร้านค้าแถวนั้นเข้ามาช่วย แล้วคนร้ายก็ยอมลงนอนที่พื้นครับ ( พี่ๆที่มาช่วย 2 ท่านแรก ช่วยจับกดคนร้ายที่นอนอยู่ที่พื่นไว้ ) แล้วพี่เบิ้มก็เข้ามายิมกุญแจมือมาล็อกคนร้ายไว้ (พี่วีระถือปืนแทนอยู่) แล้วสักพักคนไทยก็เข้ามาช่วยกันครับ สักพักตำรวจก็มาถึงครับ

ขอบคุณครับ 

ขอบคุณครับ   ผมเลิกอ่านข่าวมานานมากแล้วครับ  ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็ไม่ทราบหรอกครับว่า นักข่าวบ้านเราส่วนมากๆๆจะมั่วครับ

[thanasin]

ข่าวที่ไม่กรองมาก่อนเช่นนี้ ทำให้คนๆนึงอาจได้รับความเสียหาย โดยที่คนทำข่าว ก็แค่รายงานข่าวหรือเต้าข่าวแล้วก็ผ่านไป ไม่มารับรู้ความรู้สึกของคนที่ตกเป็นข่าว ไม่รับผิดชอบกับกับข่าวที่ตัวเองไม่ได้กลั่นกรองมาซะก่อน แย่จริงๆ...ขอประนามครับ

[gok รักในหลวง]

ถ้าเข้าร้านกระถางธูป หรือ ร้านปูนเกรดเอ
ยอดกระทู้คงว่งฉิว

[SD282]

ถือว่าฟาดเคราะห์นะครับคุณเบิ้ม