ประวัติไม่ธรรมดาเลย คนร้ายรายนี้
พล.ต.ท.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน ผบช.ภ. 7 กล่าวว่า กรณีนายณัฐพงษ์ หรือพริสร ห้วยหงส์ทอง มือยิงกัปตันการบินไทย ที่หนีหมายจับอยู่ขณะนี้นั้น โดยพื้นเพแล้ว เป็นราษฎรอยู่ที่ ม.16 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม และเมื่อประมาณปี 2544 ขณะที่อาศัยอยู่กับครอบครัว ซึ่งมีอาชีพทำไร่อ้อยนั้น ได้ร่วมกันกับพวกก่อเหตุพยายามฆ่าในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน ,จากนั้นก็ได้หลบหนีไปจนกระทั่งในปี 2549 ได้ถูกจับกุมคดีอาวุธปืน ที่สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และถูกส่งตัวไปสถานพินิจ ก่อนที่จะหนีประกันที่สถานพินิจ ก่อนที่จะไปก่อคดีอีกในหลายพื้นที่
ซึ่งนายณัฐพงษ์ ผู้ต้องหารายนี้เป็นบุคคลที่มีประวัติโชกโชนพอสมควร และโดยสัญชาตญาณของคนร้ายนั้น เมื่อเคยเข้าไปอยู่ในพื้นที่ไหนมาก่อน เขาก็จะกลับเข้ามากบดานในพื้นที่ที่เขาเคยอยู่ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นไปได้ที่นายณัฐพงษ์ ผู้ต้องหารายนี้จะเข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่ภาค 7 เพราะว่าเขาเคยอยู่และมีความคุ้นเคยกับพื้นที่เป็นอย่างดีซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตรงที่จะต้องตรวจสอบและหาข้อมูลทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ ที่คนร้ายรายนี้เคยเข้ามาอยู่ และถ้ามีข้อมูลหรือเบาะแสว่าคนร้ายได้หนีเข้ามากบดานในพื้นที่ไหนก็พร้อมที่จะเข้าดำเนินการได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องหาที่ออกหมายจับแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ในพื้นที่เกิดเหตุนั้นก็จะประสานงานออกไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทุกภาค ดังนั้นทางตำรวจภูธรภาค 7 จึงได้เตรียมความพร้อมในทุกกรณีถ้านายณัฐพงษ์ หรือพริสร มือยิงกัปตันสายการบินหนีเข้ามากบดานในพื้นที่ อีกทั้งยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง หากมีการเผชิญหน้าเพราะผู้ต้องหานั้นอาจมีอาวุธปืน
ส่วนทางด้านพ.ต.ท.สานิต ชินจอหอ รองผกก.สส.สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม กล่าวว่า จากการตรวจสอบประวัติของนายพริสร ซึ่งเดิมชื่อณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ ห้วยหงส์ทอง มือยิงกัปตันการบินไทยพบว่า ขณะที่มีอายุเพียง 17 ปี และอาศัยอยู่กับครอบครัวที่มีอาชีพทำไร่อ้อยอยู่ในพื้นที่ ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสนนั้น ก็ได้ร่วมกับพวกก่อเหตุในคดีพยายามฆ่า ก่อนที่จะหลบหนีไป โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2544 นายพริสร หรือนายณัฐพล ห้วยหงส์ทอง อายุ 17 ปี กับพวกอีก 2 คน ก็ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิงเข้าไปในรถยนต์กระบะ ที่มีนายจอง พรหมณ์เกษม อายุ 47 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถจยย.ในพื้นที่ อ.กำแพงแสน ขับมาโดยมีนายวิชัย ถาวรนิติกุล อายุ 19 ปี ลูกจ้างนั่งคู่มาด้านหน้า จนถูกนายจอง ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่จะใช้มีดฟันเข้าไปที่บริเวณตัวรถหลายแห่ง และใช้อาวุธไม้กระหน่ำตีเข้าไปที่ตัวรถจนได้รับความเสียหาย ก่อนที่จะหลบหนีไป
ซึ่งพฤติกรรมของนายพริสร หรือณัฐพงษ์ ในการก่อเหตุนั้นก็คือ ในวันเกิดเหตุนายพริสร หรือณัฐพล กับพวก ก็ได้ไปดักรอผู้เสียหายอยู่ริมถนน และเมื่อผู้เสียหายทั้ง 2 ขับรถยนต์มาถึงบริเวณที่เกิดเหตุนายณัฐพงษ์ และพวกที่ถืออาวุธไม้และมีด ก็ได้ออกไปยืนอยู่กลางถนนพร้อมทั้งโบกมือให้ผู้เสียหายหยุดรถ แต่นายจอง ผู้เสียหายไม่ยอมหยุด ประกอบกับรู้ว่านายวิชัย ซึ่งเป็นลูกจ้างเคยมีเรื่องกับผู้ต้องหามาก่อน จึงได้ขับรถจะฝ่าออกไป นายณัฐพงษ์ เห็นว่านายจองไม่หยุดรถแน่ จึงได้ใช้อาวุธปืนที่พกมากระหน่ำยิงไปยังรถของนายจอง จนกระจกด้านหลังแตกและถูกนายจองได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุให้รถเสียหลักลงข้างถนน
จากนั้นนายณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ ผู้ต้องหากับพวก ก็ได้ใช้อาวุธมีดและไม้กระหน่ำฟันและตีไปที่รถยนต์ของนายจอง จนได้รับความเสียหายทั้งคัน ก่อนที่จะหลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดนครปฐม ออกหมายจับ และจากการสืบสวนก็พบว่านายณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ นั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็นพริสร และย้ายไปอยู่ที่ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี จนกระทั่งวันที่ 14 กรกฏาคม 2549 นายพริสร หรืออ๊อฟ หรือณัฐพงษ์ ได้ถูกเจ้าหน้าที่สภ.กระทุ่มแบนจับในคดีอาวุธปืน ทางสภ.กำแพงแสน จึงได้ขออายัดตัวและนำตีวส่งสถานพินิจ ในวันที่ 16 กรกฏาคม 2549 และทำสำนวนส่งอัยการ
ต่อมาในวันที่ 11 ต.ค.2549 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กำแพงแสน ก็ได้รับแจ้งจาก ผอ.สถานพินิจฯว่า นายพริสร หรือณัฐพงษ์ (อ๊อฟ) ได้หนีประกันสถานพินิจฯ หลังจากนั้นทางอัยการจึงได้ส่งตำหนิรูปพรรณสันฐาน และรูปภาพของผู้ต้องหาไปยังทุกพื้นที่ ซึ่งหลังจากนั้นก็ไม่มีข้อมูลของนายณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ อีกเลย จนกระทั่งมาพบว่าได้ก่อเหตุยิงกัปตันการบินไทย ในพื้นที่สน.ประเวศ ดังกล่าว
ล่าสุด สน.ประเวศ ได้ส่งหมายจับมาให้แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้วางแนวทางสืบสวนติดตามและสืบหาข้อมูลของผู้ต้องหารายนี้ไว้อย่างดีแล้ว พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่อย่างระมัดระวัง หากมีการเผชิญหน้า หรือพบว่านายณัฐพงษ์ หรืออ๊อฟ หลบหนีเข้ามากบดานอยู่ในพื้นที่ สภ.กำแพงแสน