ขอปลุกใจซักนิดก่อนจะเห็นแย้งเรื่องกฎหมายกับพี่
เออ....... กรณีกวางถ้าผมจำไม่ผิดเคยมีคำพิพากษาครับ กรณีต้องไปรับส่งเงินเป็นประจำ(คือรู้อยู่แล้วว่าไปทุก ๆ วัน หรือทุก ๆ วันที่... จะต้องไปรับ-ส่งเงิน) ไม่ถือว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนครับ เพราะรู้ตัวอยู่แล้วว่าทุก ๆ วันที่....จะต้องไปเบิกเงิน ครับ
ด้วยความเคารพครับพี่สน
ขออนุญาตตอบแทนพี่ Ro@d นะครับ
คำพิพากษาฎีกาเป็นเพียงแนวทางการปรับข้อเท็จจริงแห่งคดีเข้ากับข้อกฎหมายเท่านั้น แต่ไม่ใช่กฎหมาย
และเป็นเพียงดุลพินิจของผู้พิพากษาท่านหนึ่งเท่านั้น ซึ่งโดยหลักศาลล่าง ( ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ ) จะยึด
ถือคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นบรรทัดฐานหากมีคดีที่มีข้อเท็จจริงเหมือนกันขึ้นมาสู่การพิจารณา และในระดับศาลฎีกา
ด้วยกันโดยหลักก็จะยึดถือคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีก่อน ๆ เป็นบรรทัดฐาน แต่ก็มีไม่น้อยที่ผู้พิพากษาในคดี
หลังตัดสินกลับคำพิพากษาในคดีก่อนทั้งที่มีข้อเท็จจริงเดียวกัน ซึ่งเป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาศาลฎีกาแต่ละท่าน
ซึ่งสามารถกระทำได้ และโดยเฉพาะประเด็นว่าการพกพาอาวุธปืนมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
หรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างยิ่ง ต้องดูข้อเท็จจริงแห่งคดีหลาย ๆ อย่างประกอบกัน ซึ่งบางเรื่องข้อ
เท็จจริงใกล้เคียงกันมากแต่ผลคำพิพากษากลับไปกันคนละทาง ซึ่งคดีที่พี่สนยกตัวอย่างมาหากเป็นกรณีที่พลเรือน
รู้ตัวดีอยู่แล้วว่ามีหน้าที่ต้องไปเบิกเงินในวันและเวลาใด บุคคลดังกล่าวก็อาจที่จะเลือกไปในเวลาที่เสี่ยงน้อยที่สุด
เช่นเวลาเที่ยงวัน รวมทั้งอาจมีโอกาสเลือกวิธีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารหรือซื้อแคชเชียร์เช็คที่มีความเสี่ยงน้อย
กว่าได้ หรืออาจมีโอกาสขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานได้ แต่บุคคลนั้นกลับเลือกวิธีการเบิกเงินสดเป็นจำนวน
มากเพื่อไปชำระค่าซื้อขายที่ ซึ่งศาลฎีกาอาจมองว่ามีเหตุจำเป็นแต่ไม่เร่งด่วนก็เป็นได้ แต่กรณีตามที่ยกตัวอย่างเป็น
เรื่องที่ต้องไปเบิกเงินสดเพื่อนำมาจ่ายเป็นทุนการศึกษาให้แก่เด็กนักเรียนในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งยังมีครุภัณฑ์ซึ่งเป็น
ทรัพย์สินของทางราชการด้วย หากเกิดเหตุร้ายเกิดขึ้นย่อมทำให้ราชการได้รับความเสียหาย และครูอาจถูกตั้งกรรม
การสอบวินัยในกรณีดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าข้อเท็จจริงแตกต่างกัน ก็อาจทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลงไป
ได้ครับ ซึ่งคำพิพากษาฎีกาย่อบางครั้งก็ขาดรายละเอียดปลีกย่อยซึ่งอาจเป็นจุดสำคัญในคดีที่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยน
แปลงไปได้ ซึ่งบางครั้งการอ่านคำพิพากษาฎีกาย่อก็ต้องมองให้ทะลุลงไปถึงข้อเท็จจริงที่อาจซ่อนอยู่ลึก ๆ ครับ
และที่สำคัญที่สุดบางเรื่องเป็นดุลพินิจโดยแท้ครับ
ซึ่งคดีบางคดีถ้าอยู่ในมือผมล่ะก็เราอาจจะไม่มีคำพิพากษาฎีกาให้ศึกษากันเป็นบรรทัดฐานก็ได้ครับ ก็บอกแล้ว
ไงครับว่าเป็นดุลพินิจ