การปฏิบัติการของกลุ่มคนร้ายที่มีอาวุธครบมือไม่น้อยกว่า 30 คน เปิดฉากปฏิบัติการโจมตีฐานปฏิบัติการทหารร้อย.ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายมะรือโบตก-รือเสาะ ช่วงบริเวณบ้านมะรือโบตก หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อช่วงค่ำคืนวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา พร้อมกับขโมยอาวุธปืนที่อยู่ในคลังประมาณ 30 กระบอกหลบหนี
นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่สถานการณ์ความรุนแรงปะทุขึ้นในพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ คล้ายกับการย่ำตามรอยเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายทหารกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 ซึ่งเพิ่งผ่านพ้นการครบรอบ 7 ปีมาได้เพียง 15 วันเท่านั้น
การปฏิบัติการครั้งนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 นาย ได้แก่ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15121 (ผบ.ร้อย.ร.15121) ส.อ.เทวรัตน์ เทวา พลทหารประวิทย์ ชูกลิ่น และส.อ.อับดุลเลาะ ดะหยี นอกจากนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 6 นาย ได้แก่ จ.ส.อ.จินตนะ นุชตนา ส.อ.วงพิเชษ พิทักษ์ภัย ส.อ.นัฐกิจ โพธ์จัน ส.อ.สุพล ชูศรี พลทหารธันวา ยอดแก้ว พลทหารอารีฟูดีน กาดี และพลทหารสุทัน สะมะบุบ
ทั้งนี้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ หัวหน้าฐานปฏิบัติการทหารร้อย.ร.15121 หลานชายของพล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม และเป็น นตท. รุ่น 38 รุ่นเดียวกับ ร.ต.อ. ธรณิศ ศรีสุข หรือผู้กองแคน วีรบุรุษที่เสียสละชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ปลายด้ามขวาน
ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ หรือบอย หรือผู้กองกฤช อายุ 33 ปี เป็นบุตรคนสุดท้องของพล.ท.สุนทร และสุมนมาศ คัมภีรญาณ โดยมีพี่น้องร่วมกัน 5 คน ได้แก่ 1.พ.อ.หญิงรวิฉร คัมภีรญาณ 2.ณัฎฐา คัมภีรญาณ 3.รตินธร คัมภีรญาณ 4.ธัญญธร คัมภีรญาณ และคนที่ 5 ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ
"ผู้กองกฤช" เข้ารับบรรจุเป็นข้าราชการครั้งแรกตำแหน่ง "ผบ.บว.ร้อย.อวบ.ร.161 พัน.1" เริ่มปฏิบัติราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2548-30 กันยายน 2549 ในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส กระทั่งวันที่ 1 ตุลาคม 2549 ได้เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่ อ.จะแนะ และ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส จวบจนปัจจุบัน
หากพิจารณาจากปัจจัยและองค์ประกอบข้างเคียงแล้ว "ผู้กองกฤช" มีโอกาสที่จะย้ายตัวเองออกจากพื้นที่ปลายด้ามขวานแห่งนี้ไปบรรจุยังภูมิภาคอื่นๆ ที่มีความปลอดภัยได้ไม่ยากนัก ทว่าในช่วงตลอด 5 ปีที่ผ่านมา "ผู้กองกฤช" มุ่งมั่นทุ่มเทแรงกายแรงใจปฏิบัติภารกิจในพื้นที่อย่างไม่เคยเหน็ดเหนื่อยและไม่เคยคิดจะละทิ้งผืนดินปลายด้ามขวานแห่งนี้ไปในช่วงที่สถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจ และที่สำคัญด้วยความเป็นคนอัธยาศัยดี ทำให้เป็นที่รักของผู้บังคับบัญชาตลอดจนเพื่อนและพี่น้องที่ร่วมอยู่ในชุดปฏิบัติการในพื้นที่
พ.อ.สมพล ปานกุล รอง ผอ.กอ.รมน.นราธิวาส อดีตผู้บังคับบัญชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ฉก.3 นราธิวาส กล่าวถึงเส้นทางการทำงานของ "ผู้กองกฤช" ว่า เป็นทหารน้ำดีที่เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการในพื้นที่ทราบดีว่าเป็นผู้ที่มีความตั้งใจทำงานอย่างมาก ทั้งที่ตัวเองมีโอกาสที่จะไปประจำอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยมากกว่าเอาชีวิตมาเสี่ยงในพื้นที่อันตราย
แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายชาติทหารแล้วตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา "ผู้กองกฤช" ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขามีความตั้งใจจริงที่จะคืนความสงบสุขให้แก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และด้วยผลแห่งความตั้งใจในการทำงานกำลังจะได้ติดยศ "พ.ต."ในอีกไม่นานนี้
"ณัฎฐา คัมภีรญาณ" พี่สาวคนที่ 2 กล่าวด้วยน้ำตานองหลังจากที่ทราบการจากไปของน้องชายที่เป็นที่รักยิ่งของครอบครัวว่า "บอย" เป็นคนดีและเป็นที่รักของทุกคน โดยเฉพาะคนในครอบครัวเนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียวและเป็นน้องคนสุดท้องที่ทุกคนรักมาก และที่สำคัญอีกไม่กี่เดือน "บอย" ซึ่งกำลังเรียนระดับปริญญาเอก กำลังจะได้เป็นดอกเตอร์สมใจและสร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่ครอบครัว "คัมภีรญาณ"
นอกจากนี้ "บอย" ยังเตรียมแผนที่จะสร้างชีวิตครอบครัวของตัวเองกับผู้หญิงที่เลือกจะเป็นคู่ชีวิตอย่าง "วรรณนภา นิลทับ" คู่หมั้นสาวชาวโคราชที่รักกันมานานและที่สำคัญเป็นกำลังใจซึ่งกันและกันจนทั้งสองคนร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคและสามารถจูงมือกันเพื่อเตรียมก้าวสู่การเป็น "ดอกเตอร์" ในอีกไม่นานนี้ แต่ความฝันและความหวังทั้งหมดต้องพังทลายลงในช่วงค่ำวันที่ 19 มกราคม
พี่สาวเล่าอีกว่า ปลายปี 2548 เริ่มก้าวสู่เส้นทางราชการทหารที่อาสาเข้าไปประจำการที่ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่ามกลางการร้องขอและเป็นห่วงของคนในครอบครัว แต่ด้วยความมุ่งมั่นของน้องชายทำให้ไม่มีใครกล้าขัดใจ โดยมีการให้คำสัญญากันว่าจะต้องโทรหาพ่อแม่และพี่น้องทุกวันเพื่อเป็นการรายงานตัวว่าปลอดภัย ซึ่งตลอด 5 ปีที่ผ่านมา "บอย" ไม่เคยที่จะลืมปฏิบัติตามที่สัญญาไว้
กระทั่งเมื่อช่วงค่ำวันที่ 19 มกราคม เวลา 18.00 น. ยังปฏิบัติหน้าที่บุตรชายที่ดีโทรศัพท์คุยกับคุณพ่อและคุณแม่ตามปกติ "แม่ทานข้าวรึยัง ไม่ต้องเป็นห่วงสบายดีครับ" คือ ข้อความสุดท้ายที่ "บอย" พูดทิ้งท้ายไว้กับครอบครัว จากนั้นทิ้งช่วงประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนถึงเวลา 19.30 น. ครอบครัว "คัมภีรญาณ" ต้องสูญเสีย "บอย" อย่างไม่มีวันกลับ
"เมื่อเราคลุกคลีกับชาวบ้าน เราก็เริ่มเป็นมิตรกัน..."
ก่อนเกิดเหตุเศร้าสลดครั้งนี้ ร.อ.กฤช คัมภีรญาณ ผบ.ร้อย.ร.15121 ฉก.นราธิวาส 38 ได้เคยให้สัมภาษณ์ต่อเนชั่น ทีวี เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2553 ขณะลงพื้นที่ จ.นราธิวาส หลังครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์ความไม่สงบ จากกลุ่มผู้ก่อการร้ายยิงน.ส.จูหลิง ปงกันมูล หรือ ครูจูหลิง ที่บ้านกูจิงรือปะ อ.รือเสาะ เกี่ยวกับแนวทางการสร้างสันติสุขในพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ทหาร โดยสร้างความเข้าใจกับชาวบ้าน ลดช่องว่างความหวาดระแวงของชาวบ้าน หลังจากนั้นเพิ่มโครงการพัฒนาชุมชนควบคู่กับงานด้านยุทธการ ส่วนการรักษาความปลอดภัยเน้นใช้กำลังเจ้าหน้าที่ และพลังประชาชน
"ที่ผ่านมา อยู่ตรงนี้มาประมาณ 3 ปี เราได้เริ่มปรับสภาพ ตอนเราเข้ามาคือหลังจากเกิดเหตุการณ์แล้ว พอเข้ามาช่วงแรกเราทำการปรับสภาพคือ เราปรับสภาพจิตใจของชาวบ้านก่อน ในช่วงแรกคนยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอซักพักหนึ่งเราได้คลุกคลีกับชาวบ้าน ลดช่องว่างความหวาดระแวงกันแล้ว เราก็เริ่มเป็นมิตรกัน แล้วก็เริ่มมีโครงการพัฒนาต่างๆ เข้ามาช่วย ควบคู่กับงานด้านยุทธการ เป็นการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ในสถานที่สำคัญๆ ตามหมู่บ้าน โดยเราจะไม่ทำเพียงแค่เจ้าหน้าที่อย่างเดียว เราจะเอาชาวบ้าน และกำลังประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทุกกรณี"
ขอคารวะ...แด่นักรบผู้กล้า...ที่เสียสละ