“รอง เสธ.ทบ.” นำคณะผู้ช่วยทูตทหาร 14 ประเทศ ตรวจสมรภูมิรบชายแดน “เขาพระวิหาร” จ.ศรีสะเกษ ตะลึงอาคารบ้านเรือน ปชช.เหยื่อกระสุนปืนใหญ่เขมรถูกยิงถล่มพังยับเยินอื้อ ล้วนเป็นพื้นที่พลเรือนอยู่อาศัย ทั้งมีชาวบ้านบาดเจ็บและเสียชีวิต กำนัน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จี้รัฐบาลจิ้งจอกกัมพูชารับผิดชอบ “ทหารเขมร” หนึ่งเดียวในโลกใช้ปืนใหญ่-ลูกจรวดยิงถล่มบ้านเรือนประชาชน
วันนี้ (21 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่สนามโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล รองเสนาธิการทหารบก (1) พร้อมด้วย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2), พล.ต.ชวลิต ชุนประสาร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้นำคณะผู้ช่วยทูตทหารจาก 14 ประเทศ
ประกอบด้วย ประเทศสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, เวียดนาม, ส.ป.ป.ลาว, พม่า, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, บรูไน, ฟิลิปปินส์, จีน, เกาหลีใต้, ฝรั่งเศส และรัสเซีย เดินทางลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหาร กัมพูชา บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ซึ่งจากการปะทะกันดังกล่าวทำให้สถานที่ราชการและอาคารบ้านเรือน รวมทั้งวัดของประเทศไทย ได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่ และ ลูกจรวดของทหารฝ่ายกัมพูชาเป็นจำนวนมาก
โดยจุดแรกที่คณะผู้ช่วยทูตทหาร 14 ประเทศ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ คือ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ อาคารเรียนได้รับความเสียหายอย่างหนักจากการถูกกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายกัมพูชา จำนวน 2 หลัง จากนั้นได้ไปตรวจบ้านเรือนของราษฎรไทยที่ถูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่และไฟไหม้ เสียหายทั้งหลังจำนวน 2 หลังติดกัน รวมทั้งบ้านเรือนประชาชนอีกหลายหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายจากกระสุนปืน ใหญ่และลูกจรวดของฝ่ายกัมพูชา จากการปะทะกันในครั้งนี้
ทั้งนี้ คณะผู้ช่วยทูตทหารดังกล่าว ได้ให้ความสนในและซักถามรายละเอียดต่างๆ จากคณะนายทหารไทยที่คอยตอบคำถามกับคณะผู้ช่วยทูตทหารทั้ง 14 ประเทศได้รับทราบอย่างเต็มที่ พร้อมใช้กล้องบันทึกภาพเพื่อเก็บหลักฐานข้อมูลอย่างละเอียดด้วย
ต่อมาเวลา 11.00 น.คณะรองเสนาธิการทหารบกได้นำ คณะผู้ช่วยทูตทหาร 14 ประเทศเดินทางโดยรถตู้ ขึ้นไปที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา และ นายทหารของกองทัพภาคที่ 2 ได้บรรยายสรุปเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้ช่วยทูตทหารได้รับทราบ ที่ห้องประชุมของศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณผามออีแดง ประมาณ 40 นาที
จากนั้นคณะทั้งหมด ได้เดินทางไปตรวจพื้นที่รอบบริเวณผามออีแดง เพื่อสำรวจพื้นที่การสู้รบในครั้งนี้ โดยที่บริเวณศาลาด้านหน้าผามออีแดงใกล้กับเขาพระวิหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำแผนที่ทางการทหารมาติดตั้งไว้และบรรยายให้คณะผู้ช่วยทูตทหารได้รับทราบ ถึงจุดที่ตั้งของทหารไทยและทหารกัมพูชา รวมทั้งจุดที่มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รอบเขาพระวิหาร
โดยเฉพาะบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ของเขาพระวิหาร นั้น ได้รับความสนใจจากผู้ช่วยทูตทหารพากันสอบถามถึงพิกัดและที่ตั้งวัดแก้วสิกขา คีรีสวาระกันอย่างละเอียด เพราะวัดแห่งนี้เป็นจุดที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่อ้างสิทธิ์ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) รวมทั้งภูมะเขือ ซึ่งทหารกัมพูชาและทหารไทยได้ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ไม่ห่างกันและบริเวณดัง กล่าวมีการปะทะกันอย่างรุนแรงเกิดขึ้นเป็นประจำ
นอกจากนี้ คณะผู้ช่วยทูตทหารได้ใช้กล้องส่องทางไกลตรวจดูภูมิประเทศเขาพระวิหารที่เป็น สมรภูมิการสู้รบของทหารไทยกับทหารกัมพูชาอย่างละเอียด เพื่อตรวจดูสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นรอบบริเวณเขาพระวิหาร โดยมี พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) และคณะนายทหารสังกัดกองทัพภาคที่ 2 คอยชี้แจงให้ทราบอย่างใกล้ชิด
พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล รองเสนาธิการทหารบก (1) กล่าวว่า การที่ได้นำคณะผู้ช่วยทูตทหารจำนวน 14 ประเทศ มาตรวจดูพื้นที่การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่ชายแดนด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ในครั้งนี้ เพื่อให้คณะผู้ช่วยทูตทหารทั้ง 14 ประเทศ ได้รับทราบข้อมูลและได้ดูสถานที่จริงว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรบ้างเกี่ยวกับบริเวณเขาพระวิหาร เพราะที่ผ่านมาผู้ช่วยทูตทหารทุกประเทศล้วนแต่ได้รับทราบข่าวสารจากการ รายงานเท่านั้น เมื่อได้มาดูพื้นที่จะทำให้ทราบถึงสถานการณ์ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นจากการ ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา
ทั้งนี้ จากการที่ได้ลงดูพื้นที่จริงในครั้งนี้ ปรากฏว่า ผู้ช่วยทูตทหารทั้ง 14 ประเทศ มีความห่วงใยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากบริเวณที่ได้รับความเสียหายนั้น ล้วนเป็นเขตพื้นที่พลเรือนอยู่อาศัยทั้งนั้นและทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับ ความเสียหายจำนวนมาก รวมทั้งมีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวน 1 คน ซึ่งผู้ช่วยทูตทหารจีนและเวียดนาม ได้สอบถามเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดมาก และมีความห่วงใยสถานการณ์การสู้รบในครั้งนี้ ซึ่งผู้ช่วยทูตทหารเสนอว่า ควรให้ทั้ง 2 ฝ่าย คือ ไทย กับกัมพูชา ได้มีการเจรจากันเพื่อหาทางยุติเรื่องนี้โดยเร็วที่สุด
พล.ท.ศิริชัย กล่าวต่อว่า การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา นั้น ฝ่ายทหารไทยเราได้ยึดมั่นในกฎระหว่างประเทศเกี่ยวกับการปะทะกันของกองกำลัง ทหารอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารไทยได้ยึดมั่นในแนวทางการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีมา โดยตลอด ซึ่งเรื่องนี้ผู้ช่วยทูตทหารทั้ง 14 ประเทศเมื่อได้มารับทราบข้อเท็จจริงแล้ว ทำให้เข้าใจถึงสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีต่อการปฏิบัติหน้าที่ของทหารไทยที่จำเป็น ต้องตอบโต้ด้วยอาวุธกับทหารกัมพูชาที่บริเวณเขาพระวิหาร ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันรักษาอธิปไตยของชาติไทยอย่างเต็มที่
ด้าน นายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เป็น การดีอย่างยิ่งที่ผู้ช่วยทูตทหารทั้ง 14 ประเทศ ได้มาดูของจริงว่า บ้านเรือนของชาวบ้านแนวชายแดนเขาพระวิหาร ในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับผลกระทบจากการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทยอย่างไรบ้าง เท่าที่ทราบทหารที่มีอยู่ในโลกใบนี้ ไม่มีชาติใดที่เขาใช้ปืนใหญ่หรือลูกจรวดยิงถล่มใส่บ้านเรือนของประชาชน ทหารเขาจะต่อสู้เฉพาะกับทหารด้วยกันเท่านั้น
“ทหารกัมพูชาที่มีอาวุธร้ายแรงในมือ กลับยิงถล่มใส่บ้านเรือนประชาชนในเขตแดนไทยทำให้บ้านเรือนเสียหายและชาวบ้าน เสียชีวิตแบบนี้ ฝ่ายรัฐบาลกัมพูชาไม่ควรเห็นความเสียหายของประชาชนคนไทยตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชาเป็นเรื่องเล็กน้อย ฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้” นายวีรยุทธ กล่าว
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000023019 เฝื่อต่างชาติเปลี่ยนใจช่วยถล่มเขมรครับ สาธุ