Sharp Ace Target
ราวปีค.ศ. 1980 Beeman ได้สั่งปืนอัดลมจากญี่ปุ่นมาขายควบคู๋กับ Benjamins และ Sheridans แต่ขายไม่ค่อยดีนัก เพราะราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ อีกอย่าง ผมเข้าใจว่าในใจของคนอเมริกันหลาย ๆ คนยังมีความรู้สึกต่อต้านญี่ปุ่นเพราะกรณีที่ญี่ปุ่นแอบโจมตี Pearl harbor อีกอย่างความไม่คุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ใหม่ ทำให้คนไม่กล้าซื้อมาลอง ต่างจากในประเทศอังกฤษซึ่งถึงแม้ว่า จะมีข้อกำหนดจำกัดกำลังยิงเอาไว้
Sharp Ace มี 2 รุ่นคือ Hunter กับ Target ซึ่งชื่อก็บอกเป็นนัย ๆ แล้วว่ามีจุดประสงค์อย่างไร เกือบลืมบอกไปเลยว่า ปืนลมนี้ได้รับรางวัล Blue Ribbon Award จากองค์พระจักรพรรษดิ์ของญี่ปุ่นทีเดียว ว่ามีการออกแบบได้เยี่ยม ระบบวาล์วเป็นแบบ dump valve system หรือ blow-off valve system ซึ่งต่างจาก knock-open หรือ striker-type valve ซึ่งใช้ฆ้อนตีวาล์วด้วยแรงสปริงแบบที่เราเห็นทั่ว ๆ ไป ระบบ dump valve ที่ว่านี้ ไม่ใช้ฆ้อน จึงไม่ต้องขึ้นลำ แต่ตอนที่เราปั๊มลมแรงดันลมจะเป็นตัวล็อควาล์ว ส่วนไกก็จะมีหน้าที่ปลดวาล์วแล้วปล่อยลม ทั้งหมด ที่อัดไว้ ดังนั้นจึงยิงได้ครั้งเดียวหลังจากการปั๊ม แต่ปืนอัดลมที่ใช้ระบบ knock-open บางรุ่น ถ้าเราปั๊มไปสัก 10-15 ครั้ง อาจยิงได้ถึง 2 ครั้ง แต่ครั้งหลังย่อมแรงน้อยกว่า ข้อเสียของวาล์วระบบ blow-off valve ของ Sharp ก็คือ ยิ่งปั๊มมากครั้ง ไกก็ยิ่งหนักขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับรุ่น Target นั้นเขาออกแบบไกมาดีมาก ถึงแม้ว่าจะปั๊มครั้งเดียวหรือ 10 ครั้ง ไกก็จะมีความหนักเท่าเดิม หรืออาจต่างไปบ้างแต่คนยิงไม่รู้สึกได้
Great Lake Airgun เจ้าของคือ George Paddington เป็นคนสั่ง Sharp Ace เข้ามาขายในอเมริกาเป็นเจ้าแรก ผมสั่งกับเขา เมื่อได้ปืนมาแล้วก็ตามระเบียบคือ ถอดออกมาทุกชิ้นส่วน ถ้ามีส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง เช่นขอบคมเกินไป หรือไม่เรียบ หรือมีรอยก็แก้ไข และลงท้ายด้วยการหล่อลื่นแบบถูกวิธี ผมเริ่มทำแบบนี้กับปืนลมก่อน ต่อ ๆ มาก็ลามไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ เช่นสว่านไฟฟ้า, เครื่องกลึง, อุปกรณ์ในครัว ฯลฯ เรียกว่าแกะออกมาดูกลไกภายในทั้งหมด ชิ้นส่วนไหนที่ดูว่าประกอบด้วยชิ้นส่วนย่อย ๆ มากมาย ก็ถ่ายรูปเอาไว้ เผื่อตอนใส่กลับคืน ผมจำได้ว่าผมซื้อชุด super charger มาใส่รถที่ขับอยู่ เขาให้เทปมาดูนานราว 15 นาที แต่ตอนทำจริงหมดไป 2 วัน วันแรกก็เป็นการถอดหัวฉีดเดิมออก แล้วใส่ตัว super charger ลงไป ต่อมาก็ต้องถอดสายพานเดิมออก ใส่ลูกรอกติดลูกปืนเพิ่มเพื่อให้สายพานเส้นใหม่ที่ต้องเดินผ่านตัว super charger พาดเข้าร่อง และตั้งความตึง ตอนหลังเขาออกเจ้าตัวนี้ใหม่ มีสปริงในตัวไม่ต้องตั้งความตึงอีกต่อไป วันที่สองก็ถอดพวกสายลม สายน้ำมันและ vacuum ออก เดินสายชุดใหม่ซึ่งมีมากกว่าเดิมราว 5 เท่า อีกทั้งเดินสายเข้าไปยังเกจ์ด้านในติดกับคนขับ ท้ายสุดก็เปลี่ยนทางเดินอากาศใหม่ทั้งหมด เป็น Direct Air Intake พร้อมด้วยหม้อกรองอากาศแบบ 360 องศา อีกวันก็ไปทำท่อไอเสียใหม่ให้ออกตรง จากเดิม 189 แรงม้า ได้มาเป็น 260 ยังไม่พอใจ ถอดพัดลมระบายความร้อนที่ใช้สายพานออก หนักประมาณ 8 กก. แล้วใส่พัดลมไฟฟ้าขนาด 18 นิ้ว 1 ตัว กับขนาด 11 นิ้วอีก 3 ตัว ซึ่งทำให้ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นแบบ Deep cycle ซึ่งต้องเดินสายแบตใหม่เป็นขนาดใหญ่กว่าเดิมและเป็นสายเงินล้วน ตามด้วยขั้วแบตทองคำและฟิวส์ขนาดหัวแม่โป้งสำหรับพัดลมแต่ละตัว และ Spot Light กับ Fog Light อีก 6 ดวง ก็เลยต้องเปลี่ยนไดชาร์จไฟจากเดิม 65 แอมป์ เป็น 150 แอมป์ ได้ม้าเพิ่มมาอีกราว 15 ตัวรวมเป็น 275 ต้องวิ่งอยู่ราว 3-5 วัน เพื่อให้คอมมันเรียนรู้วิธีขับรถของผม แล้วมันก็จะโปรแกรมกระบวนการผสมน้ำมันและการจ่ายไฟให้เหมาะสม ตอนเร่งเครื่องแรง ๆ จะมีเสียง turbine ในตัว super charger ดังเหมือนเสียงเครื่องบินไอพ่น แรก ๆ ก็ฟังแปลก ๆ แต่ต่อมาก็คุ้นไปเอง ข้อดีของ super charger คือไม่ต้องรอรอบเหมือน Turbo charge และไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน แต่ผมไม่ได้ทำต่ออีกขั้นคือ เอาตัวคอมจากโรงงานที่ควบคุมระบบทั้งหมดไป แก้โปรแกรมใหม่ แล้วเปลี่ยมปั๊มน้ำมันไฟฟ้าให้แรงกว่าเดิม....ผมเคยอัดกับรถที่มาประกบตอนติดไฟแดงมาหลายราย หลายคนโบกให้จอดและขอดูใต้กระฝากระโปรง ตอนนี้ก็ขับแบบช้า ๆ แต่ข้อดีอีกอย่างคือ แม้จะบรรทุกหนักการออกตัวและอัตราเร่ง ก็เหมือนกับรถเปล่า (แต่มีคนขับนะครับ...555)
อ้าวออกนอกเรื่องมาซะไกล...จะเล่าให้ฟังว่า ผมได้พบว่ารูปภาพของระบบไกที่มากับคู่มือนั้น ไม่ตรงตามความจริง ผมเลยวาดเสียใหม่จากที่เห็นดังรูปและส่งไปให้ George ซึ่งเขาก็เห็นด้วย และส่งไปให้ Sharp แก้ไขและขอนำรูปของผมไปใช้แทน
ข้างบนคือ Sharp Ace Hunter ครับ
ความแตกต่างของรุ่น hunter กับ target ก็อยู่ตรงที่ว่า รุ่น hunter จะมีคันโยกด้านล่างแบบทั่วไป แต่ของ target จะง้างข้างแต่ทะแยงขึ้นบนนิดหน่อย แบบ target ระบบไกจะดีกว่ามาก สำหรับ stock ก็ต้องต่างกันแน่นอน ระบบไกของรุ่น target ดีกว่ามากและเป็นโลหะทั้งหมด ในขณะที่ของรุ่น hunter ทั้งโกร่งไกและไกเป็นพลาสติค ผมเลือกซื้อแบบ target และเมื่อได้เห็น stock ก็รู้ทันทีว่าต้องเปลี่ยนใหม่ เพราะของที่มาไม้จะไม่มีลายอะไรเลย แถมยังทาเคลือบน้ำมันอะไรสักอย่างสีเหลือง ๆ ตอนนั้น stock แบบ thumb hole หรือที่มีรูสำหรับให้หัวแม่โป้งสอดกำลังมาแรง ผมเลือกให้ Venom จากประเทศอังกฤษ เป็นคนทำและโชคดีที่เขามีรุ่นนี้ เลยไม่ต้องส่งตัวปืนไปเป็นแบบ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 จุดที่ผมแปลงเสียใหม่คือ ทั้งตัวไกและโกร่งไก ส่งไปชุบทองที่เมืองไทย ด้ามจับคันอัดลมที่เป็นพลาสติคสีดำ ผมเหลาไม้จันทร์ดงใส่แทน และจุดสุดท้ายคือ หลังจากทดลองยิง ถ้าผมปั๊มเกิน 5 ครั้ง ตอนยิงปากกระบอกจะกระดกขึ้นและเสียงจะค่อนข้างดัง ผมเลยออกแบบที่เก็บเสียงแต่ให้มีน้ำหนักค่อนข้างสูง เพราะต้องการให้มันทำหน้าที่เป็น flip compensator ไปในตัว เพื่อความสะดวกในการกลึง ผมออกแบบเป็น 3 ส่วน เริ่มจากบริเวณโคนขนาดเรียวเล็กให้สวมเข้ากับปลายลำกล้องลึกประมาณ 2 นิ้ว ส่วนกลางขยายออกเป็น 1 นิ้วกับอีก 2 หุน (สำหรับคนที่ยังไม่แก่ 1 หุน เท่ากับ 1/8 นิ้วนะครับ) เซาะร่องด้านใน แกะลายด้านนอก ส่วนฝาปิดแกะลายสำหรับให้หมุนไม่ลื่นมือ ด้านในแบ่งเป็น 2 ห้อง ๆ แรก สอดใส้สปริงขนาด 3 หุน แล้วหุ้มด้วยใยแก้วสังเคราะห์เพื่อให้ลมแตกกระจาย ด้านหน้าเป็นห้องสะท้อนลมกลับ ได้ผลดีครับ ยิงออกมาเสียงเหมือนน้ำหยด ไม่แน่ใจต้องไปวัดความเร็วและตรวจสอบความแม่นยำ ซึ่งยังคงเดิม อนึ่งที่เก็บเสียงหรือ silencer นั้นผิดกฎหมายในอเมริกา ดังนั้นคนที่ทำออกมาขายจึงใช้การตั้งชื่อเลี่ยงไปเสียว่า sound moderator หรือ sound suppressor ซึ่งมีหลายแบบด้วยกัน
ถ้าเป็นการยิงเป้าทั่วไประยะเกิน 30 หลา ผมจะปั๊ม 4 ครั้ง ด้วยลูกปืน .177 ขนาด 10.5 grainจะได้ความเร็วราว 750 fps ถ้าปั๊มสัก 10 ครั้งก็คงตกราว 1000 fps ทีเดียว
บนแสดงให้เห็นถึงความละเอียดในการออกแบบของจุดที่ด้ามไม้มาเจอกัน การทำเป็นง่ามเข้ารูปแบบนี้ ต่างจาก Benjamins และ Sheridans ซึ่งเป็นแนวตรง เพราะแนวตรงอาจทำให้ด้ามเอียงไปด้านข้างได้ ไม่ล็อคกันในตัวแบบของ Sharp
Sharp Innova เป็นรุ่นน้องของ Sharp Ace โดยมีขนาดเล็กกว่า เหมาะสมกับการใช้ล่าสัตว์ และจากที่ผมกล่าวข้างต้นไว้แล้วว่า ปืนอัดลมจากญี่ปุ่นนี้ ไม่นิยมในอเมริกาด้วยเหตุผลใด แต่ในประเทศอังกฤษกลับขายเป็นเทน้ำเทท่าทีเดียว บางคนบอกว่า เพราะทั้งสองประเทศมีระบบปกครองแบบเดียวกัน หลาย ๆ คนเปรียบเทียบเจ้า Sharp Innova กับ Sheridan Blue Streak เพราะมีอะไรคล้าย ๆ กัน และเหมือนจะออกมาประกบคู่กันโดยเฉพาะ โดยรวมแล้ว Sheridan Blue Streak จะมีภาษีกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบไก หรือการรมดำ ตลอดจนความประณีตในการประกอบ อนึ่งปืนอัดลมแบบปั๊มหลายๆ ครั้ง หรือ pueumatic นี้ จะมีปัญหาเรื่อง ความควบแน่น ที่เกิดจากความร้อนในการอัดตัวของอากาศ ผลก็คือ oxidation ที่จะทำให้เหล็กส่วนต่าง ๆ เป็นสนิม ดังนั้น Sheridan Blue Streak จึงใช้ทองเหลืองและพ่นสีเคลือบเอา แต่หลาย ๆ คนไม่เข้าใจถึงจุดนี้ และไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่ Sheridan Blue Streak ใช้ทองเหลืองแทนเหล็ก เพราะคิดเพียงแต่ว่าทองเหลืองไม่แข็งเหมือนเหล็กและไม่อาจทนแรงกระทบกระเทือนได้ ก็จะบุบหรือเป็นรอยก่อนวัย
สรุปโดยรวม ด้านคุณภาพแล้ว Sheridan Blue Streak จะเหนือกว่า Sharp แต่ยังมีอีก 2 เหตุผลที่ทำให้ Sharp เป็นที่นิยมก็คือ ความแม่นยำและความแรงซึ่งได้มีการทดลองออกมาแล้วว่า งานนี้ Sharp เป็นต่อครับ
หมายเหตุ หลาย ๆ คนพอได้ลองปั๊มปืน Sharp Ace Hunter และ Sharp Innova เป็นครั้งแรก จะรู้สึกผิดหวังตรงที่เสียงดังตอนกดคันโยกไม้มากระทบตัวปืนด้านล่าง โดยเฉพาะเวลาไปใช้ล่าสัตว์เพราะจะทำให้สัตว์ตื่นได้ (ตรงนี้ต้องขออธิบายนิดนึงว่า ไม่ใช่ไป ปลุก ให้สัตว์ตื่นจากการนอนนะครับ แต่ทำให้สัตว์ที่ตื่นอยู่เพลิน ๆ กลับตื่นตัว และเตลิดหนีทางปืนไปเสีย) อย่างไรก็ตาม จากการทดลองพบว่า เราไม่จำเป็นต้องกดด้ามไม้จนมิดหรือมากระทบตัวปืน ก็สามารถปั๊มลมได้เหมือนกันและเท่ากันด้วย เพราะช่วงสุดท้ายในการกดด้ามไม้นั้น เขาออกแบบมาให้ด้ามถูกอัดติดกับตัวปืน โดยที่ตัวลูกสูบไม่ได้ขยับอัดลมเพิ่มเข้าไปอีกแต่อย่างไร
เสป็คคร่าว ๆ ดังนี้ครับ
ลำกล้องยาว 23.9 นิ้ว ปืนยาวรวม 38.4 นิ้ว น้าหนัก 2.85 กก.
ถ้าปั๊ม 3 ครั้ง น้ำหนักไกจะเท่ากับ 3 ปอนด์ และรับประกันว่าจะไม่มีการลั่นถึงแม้ว่าจะทำตกในระยะสูงถึง 4 ฟุต
รุ่น Hunter สามารถแปลงเป็นรุ่น Target ได้ โดยการใส่ศูนย์หน้า/หลัง และประทับบ่าแบบปรับได้
ล่าสุดผมพบว่าได้มีโรงงานในอินโดนีเซียที่ได้รับลิขสิทธิ์จากทั้งทางอเมริกาและญี่ปุ่น ในการผลิต Sharp ทั้งรุ่น Ace และ Innova ออกมาโดยใช้ขื่อว่าต่อท้ายว่า Tiger, Long barrel, Deluxe เป็นต้น ตามรูปข้างล่าง
ตอนนี้โดนพายุหิมะถล่มมาหลายสัปดาห์ แสงแดดไม่ค่อยได้เห็น ผมตั้งใจจะถ่ายรูปมาลงนานแล้ว แต่ไม่สะดวกเรื่องแสง อีกทั้งปืนยาวขนาดใหญ่แบบนี้ ถ่ายในเต็นท์ติดไฟก็ไม่ได้ ก็เลยเกิดความคิดว่าน่าจะลองขึ้นไปบนหลังคา แต่ก็มีปัญหาการจัดตั้งตัวปืน เพราะผมต้องการให้เหมือนกับว่ามันลอยอยู่บนฟ้า โดยมีฉากหลังเป็นตึกสูง ๆ ในเมือง ผลออกมาเป็นแบบที่เห็นข้างล่างนี่เลยครับ
ล่าสุดผมพบว่าได้มีโรงงานในอินโดนีเซียที่ได้รับลิขสิทธิ์จากทั้งทางอเมริกาและญี่ปุ่น ในการผลิต Sharp ทั้งรุ่น Ace และ Innova ออกมาโดยใช้ขื่อว่าต่อท้ายว่า Tiger, Long barrel, Deluxe เป็นต้น ตามรูปข้างล่าง จะเห็นว่ามีการแกะสลักพานท้าย และมีการทำบรรจุภัณฑ์หรูหรา เข้าใจว่าไม่ส่งออกขายนอกประเทศครับ
เฉลยการจัดเตรียมภาพบนหลังคา....
ธนาสิทธิ์ ศิริลักษณ์
๒-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
