แย่งซื้อน้ำมันปาล์มต่อยกันนัว น้ำมันปาล์มมาร์คแพงหูฉี่ ถึงขนาดชาวบ้านต่อยกันจนตาปิด เพื่อเข้าคิวแย่งซื้อน้ำมันเพียงแค่ขวดเดียวในห้าง
โวยน้ำมันหายากยิ่งกว่าทองคำ ฉะ ข้าวของแพงยิ่งกว่ามีภาวะสงคราม รัฐโยนเพราะราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น
และมีแนวโน้มน้ำมันปาล์มจะปรับราคาขึ้นอีก
ที่กระทรวงพาณิชย์ วันที่ 10 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์จำหน่ายน้ำมันปาล์ม และน้ำมันพืชในเขตและ
ปริมณฑลยังพบปัญหาขาดแคลน และราคาแพงเกือบทุกพื้นที่ แม้รัฐบาลจะมีการนำเข้าน้ำมันปาล์มจากมาเลเซีย
30,000 ตัน มากระจายจำหน่ายแก่ประชาชนแล้วก็ตาม โดยขณะนี้ตามตลาดสดและร้านค้าปลีกทั่วไป ขายสูงถึง
ขวดละ 65-80 บาท สูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ 47 บาท โดยผู้ค้าแจ้งว่า สาเหตุที่ขายแพงเพราะ
ต้นทุนรับจากยี่ปั๊ว ซาปั๊วสูงถึง 55-60 บาท และมาบวกกำไรอีกทอด ส่วนน้ำมันปาล์มฝาสีฟ้าของรัฐบาล ถึงวันนี้
ยังไม่ได้รับจัดสรรออกมาจำหน่ายแต่อย่างใด
ส่วนตามร้านค้าปลีก และห้างสรรพสินค้า ส่วนใหญ่เป็นยี่ห้อทับทิม จำหน่ายตามราคาที่กำหนด 47 บาท แต่ยังมี
ปัญหาขาดแคลนและจำกัดให้ซื้อคนละ 1 ขวด โดยหลายแห่งย่านนนทบุรี เพชรเกษม พงษ์เพชร ไม่มีจำหน่าย
น้ำมันปาล์มตามชั้นวางเลย เมื่อสอบถามพนักงานได้รับการชี้แจงว่า ในแต่ละวันได้รับโควตามาน้อย ขายหมด
แล้วหมดเลย ไม่มีของใหม่มาเติม ขณะเดียวกันมีลูกค้าที่มาเข้าคิวเพื่อแย่งซื้อน้ำมัน ที่ห้างสรรพสินค้าย่าน
ลาดพร้าวแห่งหนึ่ง ได้มีลูกค้าถึงกับชกต่อยกันจนใบหน้าปูดดวงตาปิด เพียงเพื่อแย่งซื้อน้ำมันขวดเดียว โดย
ชาวบ้านหลายคนเปรยว่า น้ำมันปาล์มหายากยิ่งกว่าทองคำและแพงหูฉี่ นอกจากนี้มีรายงานข่าวอีกว่า กระทรวง
พาณิชย์อาจมีการปรับราคาน้ำมันปาล์ม ที่ตั้งเอาไว้ขวดละ 47 บาทขึ้นไปอีก เพราะต้นทุนนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ
จากต่างประเทศสูงขึ้นอีก
ด้านผู้บริโภคแจ้งว่า ได้รับความเดือดร้อนมากเพราะตอนนี้ของหาซื้อยาก และราคาแพง โดยเฉพาะร้านขายอาหาร
ขายขนม ของทอด ที่ต้องใช้วันละหลายขวด ได้ปรับราคาอาหารขึ้นแล้วเพื่อให้ครอบคลุมกับต้นทุนที่สูงขึ้น ปาท่องโก๋
เพิ่มจากตัวละ 1 บาท เป็น 2 บาท หรือบางร้านเลือกลดขนาดแทน ไก่ทอดส่วนอกเพิ่มจากชิ้นละ 25 บาท เป็น 50
บาท รวมถึงร้านอาหารตามสั่งและข้าวแกงเพิ่มจากจานละ 30 บาท เป็น 35 บาท เช่นเดียวกับไข่ดาวเพิ่มจากฟองละ
5 บาท เป็น 7-8 บาท ไข่เจียวเพิ่มเป็น 10 บาท ส่วนน้ำมันพืชชนิดอื่น เช่น น้ำมันถั่วเหลือง เมล็ดทานตะวัน รำข้าว
มีปัญหาขาดแคลนและราคาแพงเช่นกัน โดยขายถึงขวดละ 60-70 บาท
วันเดียวกันที่รัฐสภา ที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการตั้งกระทู้ถามสด เกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ สินค้าแพงยิ่ง
กว่าภาวะสงคราม และมีผลประโยชน์ทับซ้อน ขณะเดียวกันรัฐได้ชี้แจงว่า จำเป็นต้องนำเข้าน้ำมันปาล์ม และเห็นด้วย
อย่างยิ่งที่ควรตั้งกองทุนน้ำมันปาล์มขึ้นมา และในยุคปัจจุบันที่ข้าวยากหมากแพงนั้น เพราะราคาสินค้าปรับตัวตาม
ราคาน้ำมันโลก.
เวบไซด์อ้างอิง