อย่าเตะปาล์มเข้าปากหมูวันนี้ รองนายกฯ สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานคณะกรรมการนโยบายน้ำมันปาล์มแห่งชาติ ซึ่งรับผิดชอบปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนโดยตรง จะเรียกประชุมคณะกรรมการฯด่วนจี๋ (ทั้งๆที่มีปัญหามาหลายเดือนแล้ว) โดยมี กระทรวงพาณิชย์ ของ "เจ๊วา" พรทิวา นาคาศัย เข้าร่วมประชุมด้วย
การประชุมครั้งนี้ นายสุเทพ บอกว่าจะสอบถาม กระทรวงพาณิชย์ ว่า ทำไมยังแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มขาดแคลนไม่ได้ (ความรู้สึกช้าจริงๆ) ทั้งๆอนุมัติให้นำเข้าแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรก 30,000 ตัน ครั้งที่ 2 อีก 120,000 ตัน
นายสุเทพยังบอกกับนักข่าวด้วยว่า ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ มาเล่าให้ฟังว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ทำอะไรเลย อนุมัติไปตั้งสองสัปดาห์กว่าแล้ว พ่อค้าก็ร้องจะขอขึ้นราคาอย่างเดียว และขู่ว่า ถ้ากระทรวงพาณิชย์ทำไม่ได้ อคส.นำเข้าแล้วไม่เรียบร้อย จะเปลี่ยนให้เอกชนทำ
ทำไมการนำเข้าน้ำมันปาล์มลอตสอง 120,000 ตัน จึงไม่เรียบร้อย ต้องปล่อยให้คนไทยเข้าคิวซื้อน้ำมัน ผมคิดว่า นายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ คงได้อ่านข่าว หน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ ฉบับประจำวันเสาร์ที่แล้ว
เป็นรายงานข่าวจาก สมาคมน้ำมันปาล์ม ว่า น้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน ที่อนุมัติให้นำเข้าตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ จนบัดนี้ยังนำเข้าไม่ได้ สืบเนื่องมาจาก มีกลุ่มที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดรัฐมนตรีพาณิชย์ มีพฤติกรรมแสวงหาประโยชน์จากการบริหารโควตานำเข้าน้ำมันปาล์ม
มีการยื่นข้อเสนอกับผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มใน มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ที่จะขายน้ำมันปาล์มให้กับไทย โดย เรียกหัวคิวตันละ 10 เหรียญสหรัฐฯ เป็นเงินประมาณ 36 ล้านบาท ก่อนจะนำมาขายต่อให้ บริษัทเอกชนในไทย โดยเพิ่มราคาอีกตันละ 80 เหรียญ จากตันละ 1,380 เหรียญ เป็นเงินอีก 288 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้ติดต่อบริษัทผู้ผลิตน้ำมันพืชในประเทศ ขอให้ช่วยพรรคการเมืองอีกลิตรละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 120 ล้านบาท เรียกว่า กินทีเดียว 3 เด้งรวม 440 ล้านบาทถ้าข่าวนี้เป็นความจริง คนที่คิดเอาความเดือดร้อนของประชาชนมาหากินแบบนี้ตายไปคงตกนรกแน่นอน ชาติหน้าไม่รู้จะเกิดมาเป็นตัวอะไร
เรื่องนี้ นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีพาณิชย์ ได้ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีพฤติกรรมอย่างนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยชื่อย่อ "ส" และ "พ" และบอกว่า กระทรวงพาณิชย์เปลี่ยนวิธีนำเข้าน้ำมันปาล์ม เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบเรื่องราคา กระทรวงพาณิชย์จะเรียกใต้โต๊ะจากไหน เมื่อยืนยันราคาขายปลีกที่ 47 บาทตามเดิม
เรื่องนี้น่าสนใจ ถ้า นายกฯอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ มีความ "จริงใจ" ที่จะแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มจริง ต้องให้ "ดีเอสไอ" ไปสอบสวนเรื่องนี้ให้ชัดเจน
แม้ นางพรทิวา จะให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่มีการเรียกเงินใต้โต๊ะ ยืนราคาขายที่ขวดละ 47 บาท จะต่อสู้กับขบวนการผู้หาประโยชน์จากน้ำมันปาล์ม แต่ขณะเดียวกัน นางพรทิวา ก็บอกนักข่าวว่า ตอนนี้ต้นทุนน้ำมันปาล์มแพงขึ้น จนทะลุเพดานราคาที่กำหนดไว้ ราคาต้นทุนนำเข้าตกกิโลละ 42 บาท ใส่ขวดขายจะตกขวดละ 56 บาท สูงกว่าราคาเพดานที่ควบคุม 47 บาท (ตัวเลขต้นทุนนี้จริงหรือไม่ ดีเอสไอต้องไปสอบให้ชัดเจน)
นางพรทิวา ยังบอกนักข่าวด้วยว่า จะเสนอ ครม.ว่า ถ้านำเข้าน้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน จะปล่อยให้ขึ้นราคาอีกขวดละ 9 บาท เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด หรือไม่รัฐบาลก็ต้อง ชดเชย 1,006 ล้านบาท เพื่อตรึงราคาไว้ที่ 47 บาท
ฟังแล้วผมอยากให้ นายกฯอภิสิทธิ์ นำตัวเลขนี้ไปให้ผู้เชี่ยวชาญน้ำมันปาล์มวิเคราะห์ดู ผมเองก็ชอบดูตัวเลข เลยลองเอา ค่าใต้โต๊ะ 440 ล้านบาท ที่เป็นข่าวไปหารดูน้ำมันปาล์ม 120,000 ตัน หรือเท่ากับ 120 ล้านลิตร หรือ 120 ล้านขวด (ขวด 1 ลิตร) ก็ได้ตัวเลขออกมา ตกขวดละ 3.66 บาท ถ้าให้ ขึ้นราคาขวดละ 9 บาท ผมหารดูอีกทีได้ตัวเลขออกมา 40.66 ต่อ 59.34 มันมากกว่าร้อยละ 30 ที่หอการค้าไทยเคยออกมาโวยเยอะเลยทีเดียว.
"ลม เปลี่ยนทิศ"
http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/150613