จำนวนคนอ่านล่าสุด 5359 คน วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7381 ข่าวสดรายวัน
อุ้ม'ลูกเศรษฐินี' รีด3ล้าน ตร.ล่ารวบ-แก๊งค่าไถ่
ปืนจี้เหยื่อจากเซียร์รังสิต ยัดท้ายรถ-ตระเวนกดเงิน ตามจับได้ 3-หัวโจกยังหนี
แก๊งอุ้ม - นายสมชาย แสงมณี ลูกชายเศรษฐินีแม่ค้าตลาดยิ่งเจริญ ชี้ตัว 3 โจรที่ร่วมกับพวกอ้างเป็นตร.ดักอุ้มไป 2 วันเรียกเงิน 1 ล้านบาท ตำรวจปทุมธานีตามจับกุมได้ระหว่างตระเวนกดเงินค่าไถ่จากตู้เอทีเอ็ม ตำรวจสืบสวนปทุมธานี-คูคต โชว์ฝีมือรวบ 3 โจรแก๊งเรียกค่าไถ่ ลูกชายเจ้าของร้านลูกชิ้นปลากรายชื่อดังตลาดยิ่งเจริญ หลังใช้ปืนจี้อุ้มหนุ่มวัย 27 ลูกชายเจ้าของร้านลูกชิ้นปลาชื่อดัง จากหน้าห้างเซียร์รังสิต ใส่กุญแจมือ ปิดตา ยัดหลังรถ ก่อนโทร.เรียกค่าไถ่ 3 ล้าน แต่แม่เหยื่อต่อรองเหลือ 1 ล้าน พร้อมโอนเงินใส่บัญชีลูกชาย คนร้ายตระเวนกดเงินไปถึงชลบุรี ระยอง ก่อนวกกลับมาใน จ.ปทุมฯ แล้วพาเหยื่อไปทิ้งไว้กลางทุ่งนาย่าน อ.บางปะอิน ตร.ตามประกบก่อนบุกจับตัวได้ 3 คน ส่วนหัวหน้าแก๊งตัวแสบหนีไปได้ แฉประวัติแสบทั้งแก๊ง อ้างเป็นตร.อุ้มเรียกค่าไถ่มาแล้วหลายราย หัวหน้าแก๊งเคยใช้ปืนจี้ผู้คุมเรือนจำเมืองนนท์
เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 ก.พ. พล.ต.ต. วัฒนา เขตร์สมุทร ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.นราเดช ทิพย์รักษ์ ผกก.สภ.คูคต นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.ปทุมธานี และชุดสืบสวนสภ.คูคต เข้าสกัดจับรถกระบะต้องสงสัย ยี่ห้อโตโยต้า 4 ประตู รุ่นวีโก้ ไม่ติดหมายเลขทะเบียน บนถ.พหลโยธิน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังสงสัยก่อเหตุลักพาตัวนายสมชาย แสงมณี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/91 หมู่ 1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลูกชายนางลำพอง แสงมณี อายุ 48 ปี เจ้าของร้านลูกชิ้นปลากรายชื่อดัง ย่านตลาดยิ่งเจริญ เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนติดต่อทางโทรศัพท์มา ที่นางลำพอง เรียกค่าไถ่ตัวลูกชายเป็นเงิน 3 ล้านบาท โดยนางลำพองต่อรองค่าไถ่เป็นเงินสด 1 ล้านบาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวางแผนจับกุมคนร้าย ตามพฤติกรรมของกลุ่มคนร้าย ที่ออกตระเวนกดเงินค่าไถ่ที่มีการโอนผ่านบัญชีให้ จนทราบจุดที่กลุ่มคนร้ายกดเงินออกไป โดยทราบว่ามีการกดเงินที่ร้านวีช็อป พื้นที่อ.ปลวกแดง จ.ระยอง จำนวน 7 ครั้ง และกดเงินที่ตู้เอที เอ็มย่านปิยะเวช อ.บ่อวิน จ.ชลบุรี จากนั้นสามารถติดตามรถคันที่ก่อเหตุได้ว่า มีการกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม ย่านเซียงกง รังสิต จ.ปทุม ธานีอีกครั้ง และตระเวนอยู่ในย่านอ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงวิทยุสกัดจับขณะคนร้ายขับรถอยู่บนถ.พหลโยธิน กม.47 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงปิดถนนเข้าจับกุม จนจับกุมตัวคนร้ายได้ 3 ราย คือ 1.นายธวัชชัย ช้างต่อ หรือ เอส อ่างทอง อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 2 ต.โพธิ์ม่วงพันธ์ อ.สามโก้ จ.อ่างทอง 2.นายสุนทร ลาภโสภา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/4 หมู่ 6 ต.บ้านแค อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา 3.น.ส.สายพิณ ลื่นกลาง อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18 หมู่ 1 ต.เมือง นาท อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน พร้อมเงินสดกว่า 300,000 บาท รถยนต์กระบะโตโยต้า สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน รถยนต์เก๋งฮุนได สีขาว ทะเบียน 4314 กรุงเทพมหานคร 1 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจยึดไว้ พร้อมเก็บร่องรอยนิ้วมือแฝงเพื่อหาหลักฐานประกอบคดีเพิ่มเติม ส่วนผู้เสียหายถูกปล่อยตัวทิ้งไว้ที่กลางทุ่งนา พื้นที่อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
นายสมชายให้การว่า ในวันเกิดเหตุตนเดินทางมาหาแฟนสาวที่เปิดร้านขายเสื้อผ้าและนาฬิกา อยู่ที่ห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต ขณะยืนอยู่ริมถนนมีชาย 3 คน ขับรถกระบะ 4 ประตู สีดำ มาจอดเทียบข้างรถ จากนั้นมีชายคนหนึ่งลงมาจากรถอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าจี้และจับตนขึ้นรถกระบะ โดยมีชายอีกคนขับรถเก๋งของตนตามไป ส่วนตนถูกควบคุมตัวใส่กุญแจมือ แล้วใช้ผ้าปิดตา ไว้ด้านหลังรถ ตนจึงได้ถามว่าตนผิดอะไรพร้อมทั้งให้โทรศัพท์แจ้งแม่ก่อน แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ฟัง
จากนั้นก็บอกให้ตนอยู่เฉยๆ แล้วจะโทร ศัพท์ติดต่อกับแม่ให้ เมื่อขับรถไปได้ครู่หนึ่ง ชายในรถก็บอกกับตนว่า นำรถเก๋งของตนไปจอดไว้ภายในซอยต้นสน ปากทางเข้าวัดลาดสนุ่น ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จากนั้นทั้งหมดนำตนขับรถไปในทิศทางใดไม่ทราบ เนื่องจากถูกปิดตาไว้ และมีการติดต่อกับแม่ตนเองให้นำเงินสดจำนวน 3 ล้านบาทมาให้ แต่แม่บอกว่ามีเงินเพียง 1 ล้าน จึงโอนเข้าบัญชีมาให้ก่อน ส่วนตนถูกนำไปยังที่พักแห่งหนึ่ง แต่ก็ไม่ทราบว่าที่ไหน กระทั่งเช้าตนจึงถูกนำออกไปจากที่พัก โดยถูกใส่กุญแจมือและปิดตาไว้เหมือนเดิม โดยมีชาย 3 คนนำตนออกไปแต่เปลี่ยนเป็นขึ้นรถเก๋ง เพื่อไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม จึงทราบว่าแม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีแล้วเป็นเงิน 1 ล้านบาท แต่ชายทั้ง 3 คน ลงไปกดแล้วขึ้นมาคุยในรถให้เปลี่ยนวงเงินที่สามารถกดเงินออกได้ ให้เป็นวงเงินวันละ 5 แสนบาท จึงสามารถกดได้เพียง 5 แสนแล้วบอกว่าให้พ้นเที่ยงคืนของอีกวัน ก็จะไปกดออกมาอีก กระทั่งคืนนี้ตนถูกควบคุมให้อยู่บนรถไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน จากนั้นถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทุ่งนา ตนจึงเดินออกมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน เพื่อขอยืมโทรศัพท์โทร.ติดต่อกับแม่ให้มารับ ที่ย่านบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา กระทั่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวแล้วได้มาพบกับครอบครัว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนผู้ต้องหาให้ การรับสารภาพว่า มีเพื่อนร่วมแก๊งที่ยังหลบหนีไปได้อีก ทราบชื่อ ตี๋ และเหมียว ส่วนนายสมชายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังสอบสวนตามคำให้การเพิ่มเติมอีกครั้ง และนำตัวไปทำแผนชี้จุดเกิดเหตุประกอบคดี อย่างไรก็ตามจะได้ขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.วัฒนาเปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 16.10 น. วันที่ 10 ก.พ. น.ส.ศิริกูล แสงมณี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/91 หมู่ 1 ต.คลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี อาชีพเปิดท้ายขายเสื้อผ้าแฟชั่นวัยรุ่น อยู่ที่ห้างเชียร์รังสิต เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.สุขเกษม ทองดี สารวัตรเวรสภ.คูคต ว่าสามีชื่อ นายสมชาย แสงมณี อายุ 29 ปี อาชีพเปิดร้านขายทอดมันอยู่ที่ตลาดยิ่งเจริญ สะพานใหม่ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ถูกคนร้ายลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่ระหว่างที่ขับรถเก๋งฮอนด้า แฮคคอร์ด สีขาว ทะเบียน ชฟ-6660 กรุงเทพมหานคร มาส่งน.ส.ศิริกูล ที่ ห้างเซียร์ รังสิต จากนั้นโทรศัพท์เข้ามาที่มือถือของตน บอกว่าเป็นคนร้ายที่ลักพาตัวสามีไปโดยบอกว่าให้นำเงินสด 3,000,000 บาท โอนเข้าบัญชีสามีให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นสามีจะถูกฆ่ากลายเป็นศพ คนร้ายยังบอกอีกว่า ได้นำ รถของนายสมชายไปจอดทิ้งไว้ที่ทางเข้าวัดลาดสนุ่น น.ส.ศิริกูลจึงนำเรื่องไปปรึกษานางลำพอง แสงมณี อายุ 48 ปี แม่ของสามี กระทั่งเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้าย
ซึ่งนางลำพองได้รับการติดต่อจากคนร้ายเช่นกัน ให้โอนเงินสด 3,000,000 บาท แต่นางลำพองได้ต่อรองเหลือ 1,000,000 บาท และโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ ของนายสมชายไป 1,000,000 บาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดที่ห้าง เซียร์รังสิต และเบอร์โทรศัพท์จึงทราบว่าคนร้ายตระเวนเข้าไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็ม ตามธนาคารต่างๆในตัวเมืองพัทยา บางแสน จ.ชลบุรี จ.ระยอง กระทั่งเข้ามาที่จังหวัดปทุมธานีอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ติดตามมาและคลาดกันบริเวณรังสิตจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพักใน จ.ปทุมธานี ตั้งด่านจนจับกุมคนร้ายได้แต่ไม่ พบนายสมชาย
กระทั่งเวลา 02.00 น.นายสมชายได้ยืมโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่รปภ.ของหมู่บ้านร่มรื่น อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า ถูกคน ร้ายอีกคนขับรถเก๋งนำตนมาทิ้งไว้ข้างทาง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงเดินทางไปรับตัวมาสอบสวน ซึ่งนายสมชายให้การอย่างละเอียดว่า วันเกิดเหตุระหว่างขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถห้างเซียร์ รังสิต มีคนร้ายขับรถกระบะโตโยต้าวีโก้สีดำมาประกบข้าง จากนั้นคนร้ายลงมาฉุดกระชากลงจากรถแล้วใช้ปืนจี้บังคับและใช้ผ้าปิดตา อุ้มขึ้นรถขับออกจากห้างไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย โดยคนร้ายอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุม เนื่องจากนายสมชายและครอบครัวร่ำรวยผิดปกติ สงสัยจะค้าขายสิ่งของผิดกฎ หมาย ซึ่งนายสมชายบอกกลับไปว่าไม่ได้มีพฤติกรรมดังกล่าว และยืนยันว่าถ้าหากทำผิดจริงให้นำตัวไปที่โรงพักได้เลย ทำให้คนร้ายโมโหและใช้เครื่องชอร์ตไฟฟ้าชอร์ตตามร่างกายตนหลายครั้งจนหมดสติ กระทั่งมารู้สึกตัวอีกที่นอนอยู่ในห้องพักคล้ายโรงแรมม่านรูด แต่ไม่ทราบที่ใด เนื่องจากถูกปิดตาและใช้ ผ้าห่มคลุมหัวอยู่ตลอดเวลา 2 วัน กระทั่งทราบว่าจุดประสงค์ของคนร้ายคือต้องการเงินสด 3,000,000 บาท และกับการปล่อยตัวและบังคับให้ตนบอกรหัสเอทีเอ็ม และปลดเอาทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท แหวนเพชรมูลค่า 50,000 บาท 1 วง เงินสด 4,000 บาท โทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 1 เครื่องไป ซึ่งก่อนกลับมานายสมชายยังไม่ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้แล้ว ซึ่งมาทราบอีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนมารับตัวที่จุดคนร้ายมาปล่อยทิ้ง
พล.ต.ต.วัฒนากล่าวต่อว่า จากการสอบสวนคนร้ายทั้งหมดให้การว่า มีหัวหน้าแก๊งชื่อนายวิเชียร หรือ ตี๋ หรือขาว สวัสดี อายุ 35 ปี ที่ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส พาผู้เสียหายไปทิ้งหลบหนีไปได้ ซึ่งตรวจสอบประวัติคนร้าย แก๊งนี้ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือทำอาชีพใดๆ เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดอื่นจับในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด และโจรกรรมรถยนต์ ซึ่งทะเบียนรถที่ใช้ในวันก่อเหตุเป็นทะเบียน ฎล-1534 กรุงเทพมหานคร เป็นทะเบียนปลอม จากการตรวจสอบพบว่าเป็นทะเบียนรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ที่แจ้งหายไว้ที่อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี และรถคันดังกล่าวมีคนร้ายขนยาเสพติดไปถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.แม่สาย จ.เชียง ราย จับกุมไว้ได้ ซึ่งสืบทราบว่าคนร้ายแก๊งนี้เป็นคนร้ายแก๊งใหญ่เคยก่อเหตุคดีต่างๆ มา แล้วหลายครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลติดตามหัวหน้าแก๊งและผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รรท.ผบช.ภาค 1 กล่าวว่า หลังจากควบคุมตัวคนร้ายทั้ง 3 คนมาสอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพ ทำให้ทราบว่า คนร้ายกลุ่มนี้เคยก่อคดีในลักษณะนี้ มาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ทั้งปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และอื่นๆ อีกหลายจังหวัด เบื้องต้นทราบว่า คนร้ายมีทั้งหมดเกือบ 10 คน โดยเฉพาะนายวิเชียร หรือ ตี๋ หรือขาว สวัสดี อายุ 35 ปี นั้นเคยก่อคดีใช้อาวุธปืนจี้ผู้คุมแล้วแหกคุกที่เรือนจำจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2548 มาแล้ว และยังสารภาพว่าเคย ก่อเหตุจี้จับตัวเศรษฐินีคนหนึ่งเมื่อ 2 ปีก่อน แล้วอุ้มตัวไปเรียกค่าไถ่ในพื้นที่จ.ชลบุรี โดยคนร้ายกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมในการก่อเหตุคล้ายๆกันนั้นคือ จะแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีเสื้อ วิทยุสื่อสาร และอ้างตัวเป็นตำรวจ โดยขณะนี้จากการส่งชุดสืบสวนไปค้นบ้านพักของนายธวัชชัย หรือนายวิเชียร ที่ย่านแฮปปี้แลนด์ เจ้าหน้าที่พบวิทยุสื่อสารแบบตำรวจ เสื้อคลุมสีดำติดตราตำรวจ เครื่องชอร์ตไฟฟ้า จึงยึดไว้เป็นของกลาง ขณะนี้คงต้องใช้เวลาในการสอบสวนผู้ต้องหา เพราะเท่าที่พูดคุยกันนั้นพบว่า มีหลายคดีที่ร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนขยายผลติดตามตัวคนร้ายทั้งหมดมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนต่อไป
พล.ต.อ.อัศวินกล่าวต่อว่า ผู้ร่วมกระทำผิดและหลบหนีไปได้อีก 2 คน คือนายวิเชียร หรือ ตี๋ หรือ ขาว สวัสดี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26/2 หมู่ 1 ต.กุฎี อ.ผักไห่ จ.พระนคร ศรีอยุธยา หัวหน้าแก๊ง และน.ส.เปรมฤดี หรือ เปรี้ยว หรือ มิลค์ วงค์อภิรักษ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 358 หมู่ 10 ต.ทุ่งมหาเจริญ อ.วัง น้ำเย็น จ.สระแก้ว ที่ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือ กักขังนายสมชายซึ่งจากการตรวจสอบประวัตินายวิเชียร พบว่าร่วมกับพวกกระทำความผิดหลายครั้งหลายคราว ในลักษณะเดียวกันในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังต้องการตัวอย่างมาก อีกทั้งนายวิเชียรยังกระทำผิดข้อหา "ร่วมกันหลบหนีที่คุมขังโดยใช้กำลังประทุษร้าย และใช้อาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นคนร้ายสำคัญอันดับ 3 ที่ตำรวจกองปราบปรามที่ต้องการตัวมากที่สุด ซึ่งจะติดตามมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วน ผู้ต้องหาที่จับได้เมื่อคืนนี้นำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุตามคำให้การต่อไป โดยจุดแรกเริ่มต้นที่ห้างเซียร์ รังสิต จุดที่สองซอยวัดลาดสนุ่น และตู้กดเงินธนาคารต่างๆจากนั้นควบคุมตัวส่งฟ้องศาลจังหวัดธัญบุรีดำเนินคดีต่อไป
หน้า 1
*****************************************************************************************************************************
จำนวนคนอ่านล่าสุด 1008 คน
วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 13:42 น. ข่าวสดออนไลน์
รวบตร.เก๊อ้างเป็นรองป.พลับพลาไชย1
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ก.พ.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.แถลงข่าวจับกุม นายภาณุทิศ อิศโรวุธกุล อายุ 38 ปี อยู่ที่ 202/1 หมู่ 4 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ พร้อมของกลางรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีเทา ทะเบียน พธ-8833 กรุงเทพมหานคร เครื่องเสื้อตำรวจติดยศ พ.ต.ท. 2 ตัว เสื้อคอแบะ 1 ตัว กางเกงสีกากี 1 ตัว รองเท้า 1 คู่ วิทยุสื่อสาร 2 ตัว หมวกตำรวจ ซองบัตรติดตราตำรวจใช้คล้องคอ บัตรแสดงตัวช่วยราชการทำเนียบรัฐบาล และอื่นๆ จับกุมได้ที่ถนนจึงเจริญพานิชย์ แขวง-เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. เมื่อวันที่ 14 ก.พ.
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้ มีผู้เสียหายร้องเรียนว่ามีผู้แอบอ้างเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท.และเข้ารับตำแหน่งใหม่เป็น รอง ผกก.ปป.สน.พลับพลาไชย 1 เข้ามาในพื้นที่และหลอกลวงเงินจากผู้ค้าหลายราย รวมถึงยืมรถไปใช้ก่อนหลบหนี สอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่า ใฝ่ฝันอยากเป็นข้าราชการตำรวจ ก่อนหน้านี้เคยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหลายครั้ง โดยหากได้เงินมาก็นำไปใช้จ่ายทั่วไปและเที่ยวเตร่ แต่หากหลอกลวงรถได้ก็จะนำไปขายให้พรรคพวก โดยมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เคยก่อเหตุยักยอก, ฉ้อโกง ในพื้นที่ สน.พลับพลาไชย 1 และพื้นที่อื่นๆ หลายแห่ง