วาจาของสัตบุรุษและอสัตบุรุษ๑. วาจาของอสัตบุรุษ
ภิกษุ ท ! บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นที่รู้กันว่าเป็น อสัตบุรุษ. สี่ประการ อย่างไรเล่า ? สี่ประการ คือ :-
ภิกษุ ท ! อสัตบุรุษในกรณีนี้ แม้ไม่มีใครถามถึง ความไม่ดีของ บุคคลอื่น
ก็นำมาเปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อถูกใครถาม ; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความไม่
ดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่มีทางหลีกเลี้ยวลดหย่อน แล้วกล่าวความ
ไม่ดีของผู้อื่นอย่างเต็มที่โดยพิสดาร. ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็นอสัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ถูกใครถามอยู่ถึง ความดีของบุคคล
อื่น ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม;ก็เมื่อถูกใครถามถึง
ความดีของบุคคลอื่น ก็นำอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อนไขว้เขวแล้วกล่าวความดีของ
ผู้อื่นอย่างไม่พิสดารเต็มที่. ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือแม้ถูกใครถามถึงความไม่ ดีของตน
ก็ปกปิดไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ไม่ต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม; ก็เมื่อถูกใครถามถึง
ความไม่ดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อนไขว้เขว แล้วกล่าวความไม่ดีของ
ตนอย่างไม่พิสดารเต็มที่ ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! อสัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือแม้ไม่มีใครถามถึงความ ดีของตน
ก็นำมาโอ้อวดเปิดเผย จะกล่าวทำไมถึงเมื่อถูกใครถาม ; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความดี
ของตน ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่ลดหย่อนหลีกเลี้ยว กล่าวความดีของตนอย่าง
เต็มที่โดยพิสดาร.ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น อสัตบุรุษ
ภิกษุ ท ! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล เป็นที่ รู้กันว่าเป็นอสัตบุรุษ.
๒. วาจาของสัตบุรุษ
ภิกษุ ท ! บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ เป็นที่รู้กันว่าเป็น สัตบุรุษ. สี่ประการ อย่างไรเล่า? สี่ประการ คือ :-
ภิกษุ ท ! สัตบุรุษในกรณีนี้ แม้มีใครถามถึง ความไม่ดีของบุคคล อื่น
ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏ จะกล่าวทำไมถึงเมื่อไม่ถูกใครถาม ; ก็เมื่อถูกใครถามถึงความไม่
ดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้หลีกเลี้ยวลดหย่อนลง กล่าวความไม่ดีของ
ผู้อื่นอย่างไม่พิสดารเต็มที่ ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้ไม่ถูกใครถามอยู่ถึง ความดีของ
บุคคลอื่น ก็ยังนำมาเปิดเผยให้ปรากฏ จะต้องกล่าวทำไมถึงเมื่อถูกใครถาม;ก็เมื่อถูก
ใครถามถึงความดีของบุคคลอื่น ก็นำเอาปัญหาไปทำให้ไม่หลีกเลี้ยวลดหย่อน กล่าว
ความดีของผู้อื่นอย่างพิสดารบริบูรณ์ ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็นสัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือแม้ไม่มีใครถามถึงความไม่ ดีของตน
ก็ยังนำเปิดเผยทำให้ปรากฏทำไมจะต้องกล่าวถึงเมื่อถูกถามเล่า;ก็เมื่อถูกใครถามถึง
ความไม่ดีของตน ก็ไม่นำเอาปัญหาไปทำให้ลดหย่อนบิดพลิ้ว แต่กล่าวความไม่ดี
ของตนอย่างโดยพิสดารเต็มที่ ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ.
ภิกษุ ท ! สัตบุรุษอย่างอื่นยังมีอีก คือ แม้มีใครถามถึงความดีของตน
ก็ไม่เปิดเผยให้ปรากฏ ทำไมจะต้องกล่าวถึงเมื่อไม่ถูกใครถามเล่า ; ก็เมื่อถูกใครถามถึง
ความดีของตน ก็นำเอาปัญหาไปกระทำให้ลดหย่อนหลีกเลี้ยวเสีย กล่าวความดีของ
ตนโดยไม่พิสดารเต็มที่.ภิกษุ ท ! ข้อนี้พึงรู้กันเถิดว่า คนคนนี้ เป็น สัตบุรุษ
ภิกษุ ท ! บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการเหล่านี้ แล เป็นที่ รู้กันว่าเป็นสัตบุรุษ.
--จตุกฺก.อํ.๒๑/๑๐๐/๗๓.
-----------------------------
ก๊อปปี้มาจากเวปอื่นครับ
/ อ่านได้อ่านดี...สวัสดีครับ
pasta