@@@@ FWB P70 เอาไปโมแข่ง FT @@@@
Feinwerkbau หรือเรียกย่อ ๆ ว่า FWB เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า "fine worksmanship" หรือฝีมือสุดยอดนั่นเอง ตอนอยู่เมืองไทยปืน FWB ถือว่าเป็นสุดยอด เพราะผมเห็นทีมชาติไทยทุกคนใช้ และก็คิดอยู่ในใจเสมอ ๆ ว่า สักวัน
ผมชอบไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตสิ่งของต่าง ๆ เป็นที่สุด ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็เห็นโรงงานซึ่งคือโรงงานผลิตแป้งต่าง ๆ ที่บ้าน มีถังไม้ 3 ถังขนาดใหญ่โตมโหฬาร สูงขนาดบ้าน 2 ชั้น เส้นผ่าศูนย์กลางราว 10 เมตร เป็นที่แช่แป้ง ก่อนที่จะนำไปบดและตาก สมัยนั้นใช้เครื่องยนต์ 4 จังหวะมีสายพานขนาดยาวขับเคลื่อนกลไก ตอนติดเครื่องต้องใช้คนงาน 5-6 คนสาวสายพานไปเรื่อย ๆ จนกว่าเครื่องจะติด ไฟฟ้าก็ใช้เครื่องปั่นเอาเอง นอกจากนี้ยังมีระบบแบตเตอรี่สำรอง อยู่ใต้ดินลึกราว 5 เมตร ถ่านแบตเตอรี่ทำเอง มีแกนดินสอขนาดใหญ่พอกด้วยสารเคมีเหนียว ๆ หลายสิบก้อนวางเรียงรายในรังไม้ มีสายไฟโยงใยเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังจำได้ดีว่าที่บ้านเป็นบ้านหลังเดียวที่มีทีวีซึ่งยังเป็นขาวดำเครื่องเดียวในหมู่บ้าน พอดีตอนที่โผน กิ่งเพชรชิงแชมป์กับเปเรซ ชาวบ้านแห่มาดูถ่ายทอดสดที่บ้าน จนบ้านทรุด กรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า กลายเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู เสาเรือนเอียงและยุบหลายต้น ก็เลยต้องขนเอาทีวีมาใส่ท้ายรถกระบะ แล้วเดินสายไฟมาต่อ ส่วนชาวบ้านก็นั่งดูกันบนถนน วันรุ่งขึ้นเขาก็มาช่วยกันซ่อมบ้าน ผมเป็นเด็กและยังจำได้ว่ามีคำร้องกันติดปากว่า โผนกิ่งเพชร เปเรซกิ่งไผ่ โผนมือไวจับไข่เปเรซ...555 โตขึ้นพอมีโอกาสผมก็ได้ไปเยี่ยมชมโรงงานต่าง ๆ มากมาย รวมทั้ง FWB และ BMW ตอนไปเยอรมัน นอกจากนี้ก็มีโรงงานทำชีสที่ฮอลแลนด์ โรงทำแก้วและคริสตัล โรงงานหินอ่อนที่อิตาลี่ (ผมถามเขาว่าคริสตัลที่แพงที่สุดอันไหน เขาพาไปดู chandelier สีรุ้งขนาดมหึมาราคาหลายสิบล้านบาท แล้วก็บอกว่ามีคนจองไปแล้ว เป็นลูกค้าจากเมืองไทยครับ...) โรงงานทำเครื่องปั้นดินเผาสีขาวหรือที่เรียกกันว่า China ที่อังกฤษ โรงงานทำไวโอลินที่ออสเตรีย แต่ที่แปลกใจมาก ๆ คือโรงงานนาฬิกา Rolex ที่สวิสฯ ซึ่งเล็กนิดเดียว แต่ห้องโชว์เป็นตึก 9 ชั้น โรงงานเพชรที่สวีเดน ซึ่งให้เข้าชมได้ครั้งละ 3 คนเท่านั้น เพราะเขาบอกว่าตอนเอาเพชรออกมาโชว์เคยถูกโขมย คือมีผู้หญิงผมฟูแอบเอาซ่อนไปในผม...ที่อินเดียได้ไปดูโรงงานยาง Dunlop และโรงงานเครื่องบินไอพ่นที่อังกฤษปาร้างไว้ ที่เมืองจีนก็ไปหลายแห่ง เช่นโรงงานแกะสลัก ฟาร์มมุก ฯลฯ ในอเมริกาผมก็ไปมาหลายแห่ง เช่นโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ Harley Davidson โรงงานผลิตไม้แผ่น และโรงงานเครื่องจักรยนต์ แต่ที่อยากเล่าคือ โรงงานผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เขาใช้หุ่นยนต์เป็นตัวเชื่อมขาเล็ก ๆ ของตัว CPU หรือ Central Processing Unit ซึ่งจะผ่านการตรวจและใช้งานได้เพียงราว 70% ที่เหลือทิ้งขยะหลังโรงงาน มารู้ตอนหลังว่า มีคนมาเก็บเอาไปและทำการแยกทองคำออกจากขาเล็ก ๆ ของ CPU ได้รายได้ปีละเกือบ 40,000 ดอลล่าร์ กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านมา 3 ปี อีกกรณีที่เราอาจไม่คาดคิดก็คือ โทรศัพท์มือถือซึ่งได้มีการคำนวณออกมาแล้วว่า ปีหนึ่ง ๆ โทรศัพท์มือถือเพียงแค่ในอเมริกาที่เสียและถูกโยนทิ้งนั้น ถ้ามนำมาถลุงเอาส่วนที่เป็นทองคำออกมา จะได้ทองคำมูลค่ากว่า 10 ล้านดอลล่าร์ทีเดียว ปัจจุบันบริษัท Umicore ใน Belgium ได้เริ่มทำการ recycle ทั้งโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเรียกกระบวนการนี้ว่า surface-mine หรือการทำเหมืองเหนือพื้นดิน โดยจะถลุงเอาโลหะที่มีราคาออกมา อันได้แก่ ทอง, เงิน, ทองแดง, ทองคำขาว, รวมทั้งแก้วและพลาสติคด้วย มาถึงตรงนี้ก็อดที่จะไม่เล่าเรื่องข้างล่างนี้ไม่ได้...
ผมเคยมีลูกน้องคนหนึ่ง ซึ่งมีปู่เป็นนายพลที่เมืองจีนสมัยนานมาแล้ว แต่ยังมีบ้านมหึมาอยู่ที่เมืองจีน วันหนึ่งลูกน้องผมคนนี้ได้กลับไปเยี่ยมบ้านปู่ที่ยังมีคนเฝ้าดูแลและทำงานกสิกรรม/เกษตรกรรมอยู่ตามพื้นที่โดยรอบ เมื่อรู้ข่าวว่าจะมีลูกหลานเจ้านายมาเยี่ยม ก็แห่กันมานับสิบคน ลูกน้องผมได้เอาเงินไปแจกจ่ายกันทั่วหน้า ตอนนั้นเขาเล่าว่า รายได้เฉลี่ยของคนจีนในมลฑลนั้นตกปีละประมาณ 6 USD ต่อคนเท่านั้น ผมได้ดูวิดีโอที่เขาถ่ายมา เห็นชาวบ้านนุ่งขาสั้นไม่ใส้เสื้อไม่ใส่รองเท้า นั่งอยู่กับพื้น ทำท่ากราบขอบคุณรับเงินที่ลูกน้องผมนำไปแจก น่าสงสารเชียว.......แต่..พอผมสังเกตุดี ๆ ที่เอวกางเกงขาสั้นที่ขาดรุ่งริ่งนั้น มีกล่องดำ ๆ เหน็บอยู่แทบทุกคน ก็อดถามไม่ได้ว่าเจ้ากล่องดำ ๆ ที่เห็นในคลิปนั้นคืออะไร? หลายท่านคงเดาล่วงหน้าไปแล้วนะครับว่ามันมีชื่อต่าง ๆ กันเช่น Nokia, Motorola, ฯลฯ
ความประทับใจสิ่งแรกที่ไปโรงงาน FWB คือความสะอาดและความเป็นระเบียบ แต่ละแผนกมีการจัดระเบียบยิ่งกว่าทหารเสียอีก การวางแผนงานของสินค้าแต่ละตัวซึ่งก็คือปืนระดับแข่งขันแต่ละรุ่นนั้น เริ่มจากการออกแบบที่แยบยล โดยคำนึงถึงความสำคัญสูงสุดคือ จะทำอย่างไรให้ปืนมีความแม่นยำที่สุด และกุญแจดอกสำคัญที่ FWB ยึดเป็นแกนในการสร้างสรรผลงานก็คือ adjustability ซึ่งหมายถึง ความสามารถในการปรับเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความใกล้ชิดและความสะดวกสบายในการใช้ปืนให้มากที่สุด เสมือนดั่งหนังจีนที่ว่า กระบี่ที่ดีนั้น ต้องจับแล้วเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าปืน FWB แต่ละรุ่นนั้น เราสามารถปรับพานท้าย ประทับแก้ม ด้ามจับ สมดุลย์ ตลอดจนระบบไกที่สามารถปรับได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าผู้ใช้จะมีรูปร่างแบบไหน หรือจะจุกจิกขนากไหน FWB ก็เชื่อว่าสินค้าของเขาจะไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง มาถึงแผนกทดสอบความแม่นยำ ผมสังเกตุเห็นว่า เขาหนีบปืนกลับหัวตอนทดสอบ ถามไถ่เหตุผล เขาก็บอกว่ามี 2 เหตุผลคือ..1 .....2..... เผื่อบางท่านอยากลองคิดดูเองว่าทำไม ผใขอเอาคำตอบไปไว้ข้างท้ายละกัน
สำหรับ FWB P70 กระบอกนี้ ตอนผมซื้อมานั้น สั่งตรงมาจากเยอรมัน แต่เป็นแบบแข่งขันยิงเป้าระยะ 10 เมตร ออกแบบมาโดยใช้พานท้ายอะลูมิเนียมผสมไม้อัด เพื่อป้องกันการผิดเพี้ยนในกรณีที่อากาศเปลี่ยนแปลง โดยใช้อะลูมิเนียมติดกับตัวปืนและใช้ไม้อัดเป็นประทับแก้มและด้ามจับ เพื่อความสบายในส่วนที่จะสัมผัสกับผิว ระบบไกบางจุดปรับได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ การขึ้นลำและบรรจุกระสุนสะดวกสบาย และสามารถเปลี่ยนถังลมได้โดย แรงดันภายในไม่เปลี่ยนเพราะการออกแบบ regulator แบบพิเศษ
ผมส่งไปให้ AZ หรือ Alan Zasadny ทำการโมสำหรับใช้แข่ง FT โดยมีจุดเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
1. ทำ Expansion chamber ขึ้นมาใหม่ คือจากแท่งอะลูมิเนียมสี่เหลี่ยม เจาะรูกลมที่มีปริมาตรมากกว่าของเดิมที่ทำไว้ใช้ยิงแค่ระยะ 10 เมตร ดังนั้นจึงต้องขยายไปทางความยาว เพราะจะทำให้กว้างขึ้นไม่ได้เนื่องจากเนื้อที่จำกัด ของชิ้นนี้จึงต้องเพิ่มความยาวขึ้นมาอีกราว 1 นิ้ว ผลที่ตามมาคือ ต้องทำคานสำหรับขึ้นลำใหม่เพราะของเดิมจะสั้นเกินไป
2. ฝาเปิดรังเพลิง หรือ loading gate เวลายกขึ้นมาจะติดกล้องด้านล่าง เพราะของเดิมไม่ได้ออกแบบสำหรับติดกล้อง งานนี้มีวิธีแก้ 2 ทางคือ ตัดส่วนที่ยาวเกินทิ้ง หรือ ตัดทิ้งแล้วทำที่กดออกมาด้านข้างที่มีลักษณะเหมือนหูกระต่าย เพื่อให้เปิดปิดง่าย ชิ้นนี้คนนิยมมาก ถึงขนาดมีบางบริษัททำออกมาขาย ผมใช้วิธีแรกกับกระบอกนี้ แต่ใช้วิธีที่ 2 กับ FWB อีกกระบอก แต่หูกระต่ายผมทำเองครับ
3. เนื่องจากรุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ติดกล้อง ดังนั้นจึงต้องเซาะรางด้านหน้าลงบนลำกล้อง แต่พอทำแล้วระดับของรางติดกล้องบนลำกล้องจะ ต่ำกว่า รางด้านหลัง ดังนั้น จึงต้องใช้ขารัดกล้องแบบปรับระดับสูงต่ำได้ ผมเลือก B-Square เพราะมีน้อตล้อคแน่นหนาและปรับได้ละเอียด อนึ่งไม่สามารถเซาะรางด้านหลังใหม่เพราะเนื้อที่จำกัด
4. ตอนแรกผมให้เขาทำทั้ง flip compensator และ silencer แต่พอมาลองดูแล้ว เสียงไม่ดังเกินไป จึงใช้ flip compensator ซึ่งเดิมทีเป็นสีอะลูมิเนียม แต่ถ้าจะทำการ anodize ให้เป็นสีแดงมรกต ก็เกรงว่าจะไม่เข้ากับส่วนอื่น ๆ เพราะกำหนดสีให้ตรงเป๊ะยาก เลยตัดสินใจใช้พ่อสีเอาเอง คือสี Pearl Candy Red ซึ่งนับว่าใกล้เคียงที่สุดแล้ว
5. ด้านซ้ายจะเห็นท่อกลมดำ ๆ ขนาดเท่าปากกายาวราว 5 นิ้ว ประกบอยู่ด้านข้างรังเพลิง ตัวนี้คือ compensator สำหรับฆ้อนกระแทกวาล์ว ซึ่งจะมีสปริงและวาล์วอยู่ด้านใน ตอนยิงจะมีลมออกมา แก้ต่าง ให้กับแรงที่ฆ้อนกระแทกวาล์ว เพื่อให้ลบล้างกันไป ที่จริงหลาย ๆ คนเคยลองไม่ใช้มัน ก็ไม่รู้สึกแตกต่าง ทั้งนี้อาจเป็นเพราะระบบไกไม่รุนแรง หรือฆ้อนไม่ได้เคลื่อนตัวไปไกลมาก อย่างไรก็ตาม เราได้คำนวณออกมาแล้วว่า จะต้องใช้ลม 5-10% ของลมในห้องเก็บลม มาทำงานกับตัวนี้ และคิดว่าควรจะเก็บมันไว้ ดังนั้นจึงต้องออกแบบวาล์วของมันเสียใหม่อีกทั้งเปลี่ยนสปริงให้เหมาะสมด้วย
6. ปรับปรุง regulator เสียใหม่ งานนี้ AZ ไม่ขอบอกรายละเอียด แต่เขาได้ออกแบบและปรับปรุงมาเรื่อย ๆ จนเป็น 3Rd Generation แล้ว
7. เพื่อเป็นการปรับ balance และรูปโฉมโดยรวม ผมตัดสินใจเอาน้ำหนักหน้าและรางศูนย์หน้า มาสลับตำแหน่งและย้ายมาติดตั้งตรงกลางลำกล้องเสียดังรูป
ข้างบนคือ แบบแข่งระยะ 10 เมตรครับ
8. กล้องที่ใช้คือ BSA Platinum 10-50x60mm และ side wheel ขนาด 6 นิ้ว
กระทู้ที่ 2 จะมีคลิปนะครับ
9. เนื่องจากว่าปืนกระบอกนี้ค่อนข้างหนัก ผมจึงตัดสินใจติด Micro Level ที่ eye piece ของกล้อง เพื่อช่วยเวลาเล็ง ให้ปืนอยู่ในแนวดิ่งเวลาลั่นไก ระบบมาตรไฟฟ้านี้สามารถปรับความแม่นยำ หรือ sensitivity ได้ 2 แบบคือ bench rest = 1.25 องศา หรือ field = 1.75 องศา โดยจะมีไฟเขียว เหลืองและแดง เป็นตัวบอก ตัวนี้มีผล 2 ด้านคือ 1 สำหรับเป้าระยะไกล จะช่วยไม่ไห้เรายิงเพี้ยนเพราะถือปืนไม่ได้ระดับในแนวดิ่ง และ 2 ผลทางใจคือถ้าเราเห็นแค่ไฟเขียว เราก็จะมีความมั่นใจพร้อมที่จะกดไกได้ และในทางตรงกันข้าม ถ้าเห็นไฟเหลืองหรือไฟแดง เราก็สามารถหยุดพัก ตั้งหลักใหม่ ดีกว่ากดไกลงไป โดยไม่รู้ว่าปืนเอียง หนัก 2.1 ออนซ์ ราคาราว 100 USD ปรับความสว่างได้ด้วย
คำถามคั่นตอน สิ่ง 2 สิ่งนี้มีอะไรที่เหมือน ๆ กัน เขื่อน กับ กระป๋องสีสเปรย์ ??ปืนกระบอกนี้ ควรใช้ชื่อว่า FWB P70 FT ZM หลังจากทดลองยิงได้ระยะหนึ่ง พบว่า ลูกกระสุน Crosman Premier Heavy ที่ผมใช้ประจำ ให้กลุ่มกระสุนไม่เป็นที่น่าพอใจ จึงต้องหันมาลองใช้อีก 2 ชนิด คือ Beeman Kodiak Competition และ JSB Exact
เขาหนีบปืนกลับหัวตอนทดสอบ ถามไถ่เหตุผล เขาก็บอกว่ามี 2 เหตุผลคือ..1 หนีบกลับหัวเอาเข้าที่หนีบได้ง่ายกว่า และ 2 กดไกได้ง่ายกว่า
เนื่องด้วยว่า เจ้ากระบอกนี้น้ำหนักปาเข้าไป 13.6 ปอนด์ หรือราว 6.17 กก. ผมจึงมีวิธีทำให้มันเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือ อย่าใส่กระสุนจนกว่าจะพร้อมยิง...555 และเป็นการแบ่งเบาภาระในการแบก ก็เอาเจ้าพาหนะข้างล่างนี้ไปด้วย แต่พาไปทีไร ฝรั่งก็มาขอลองขี่ จนเสียเวลาแข่งไปเสียทุกครั้ง
ธนาสิทธิ์ ศิริลักษณ์
๔ มีนาคม ๒๕๕๔