แม้ว่าศาลปกครองกลางจะจำหน่ายคดีแล้วตามที่ฟ้องครั้งแรกเหตุผลว่าเหตุแห่งการฟ้องหมดสิ้นไปแล้วก็ตาม ยกที่สอง...ส่งฟ้องศาลปกครองรอบใหม่แล้วเมื่อ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๕ ข้อหาเลือกปฎิบัติ ศาลประทับรับฟ้องแล้วเมื่อ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๕ ตามเลขคดีที่ ....../๒๕๕๕ เพิ่งได้รับหนังสือตอบรับแจ้งจากศาลฯ วันอาทิตย์ที่ ๕ มค.๕๕ นี่เอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล...
ผมทราบดีว่าบรรดาพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทั้งหลายในสถานที่แห่งนี้ มีหลายท่านที่อยากซื้ออยากได้เร็ว ยอมซิกแซกนอกระบบ ติดต่อผ่านพวกหน้าม้าตามหน่วยงานราชการต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการสร้างวัฒนธรรมผิด ๆ และทำให้ข้าราชการเหล่านี้เกิดความโลภ เคยตัว เคยได้ง่าย ๆ เลยพยายามทางทางกลั่นแกล้งบีบบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ผู้ที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนแต่ไม่ยอมเสียเบี้ยบ้ายรายทางต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
อย่างน้อยผมอยากให้ท่านทั้งหลายทราบว่า ยังมีผมอีกคนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ จะต่อสู้จนถึงที่สุด ขอวิงวอนท่าน ๆ ว่าเลิกสร้างวัฒนธรรมผิด ๆ เสียที ผมเชื่อว่ายังมีหลายท่านที่เจ็บช้ำน้ำใจกับดุลยพินิจ....ของนายทะเบียน แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าต่อสู้ หรือรอเปลี่ยนย้ายนายอำเภอคนใหม่ เผื่ออนาคตอาจโชคดีพบคนที่ไม่บ้าอำนาจ ข่มเหงประชาชน ผมคิดว่ามันเป็นช่องทางและวัฒนธรรมของเขา แต่เชื่อว่าโอกาสน้อยมากที่ท่านจะได้พบกับนายอำเภอคนในฝันในจินตาการของท่าน ไม่ต้องรีรอและกังวลใด ๆ หากคุณสมบัติถูกต้องมีเอกสารหลักฐานครบถ้วนแล้วยืนฟ้องศาลปกครองเลยครับ ดุลยพินิจนายทะเบียนไม่เหนือกว่ากฎหมายไปได้หรอก ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น
ขอแสดงความนับถืออย่างจริงใจครับ... นายสมชายด่าพวกจ่ายใต้โต๊ะมาตลอด ด่าแล้วด่าอีกจนปากจัดในเว็บนี้จนกระทั่งตัวเองเอียนเองครับ...
รากเหง้าแห่งความเลวทั้งหลายทั้งปวงในสังคมไทย ล้วนแล้วแต่มาจากผลแห่งการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ครับ... แล้วผู้คน(โง่)ก็ต่างอ้างว่ามันเป็นวัฒนธรรม ซึ่งไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง เพราะวัฒนธรรมคือความเจริญงอกงามซึ่งไม่ใช่วิถีแห่งการผิดกฎหมายครับ...
คอรัปชั่นทุกรูปแบบคือหนทางตรงข้ามกับ"วัฒนธรรม" และเป็นหนทางแห่งหายนะครับ... คนไทยส่วนหนึ่งโง่จนมองไม่เห็นว่าหาก"คนส่วนใหญ่"ยืนหยัดต่อสู้กับคอรัปชั่น เมื่อนั้นสิ่งนี้จะกลายเป็นสิ่งประหลาด และนิติธรรมจะเป็นสิ่งธรรมดา ประเทศไทยสามารถบังคับใช้กฎหมายได้, สังคมสงบสุขครับ...
แต่ในทางความเป็นจริงคนต่อสู้กับคอรัปชั่นคือ"คนส่วนน้อย"ครับ... เสียดายที่ประเทศเรามีคนอย่างท่าน(และคนอย่างท่านอื่นในเว็บนี้ - ที่ต่อสู้โดยยึดกฎหมายเป็นสรณะ) มีจำนวนน้อยไปครับ...
เรื่องแบบนี้ทั้ง 2 ฝ่ายคือเหล่าคนรักปืน ที่ให้ และ ไม่ให้ ล้วนมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคืออยากได้ปืนมาครอบครอง
มันไม่ได้เกี่ยวกับ โง่ หรือ ไม่โง่ หรอกครับ เอาอะไรมาวัดว่าการที่เขาเพิกเฉยหรือไม่สนใจกับการคอรับชั่นเป็นคนโง่
ถ้าเราคิดอย่างนี้ ก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายที่เป็นกลุ่มฝ่ายให้ก็ย่อมสามารถมองได้เช่นกันว่าฝ่ายไม่ให้นั้นเป็นคนโง่ได้เช่นกัน
ในแนวคิดเดียวกันพวกที่ไม่ชอบปืนเลย เขาก็สามารถมองว่าพวกเราเป็นคนโง่ได้ ในเหตุผลของเขา เช่น หมดค่ากระสุน
หมดค่าปืน และอะไรอีกหลายอย่าง เขาอาจคิดว่าทำไมไม่เก็บเงินไว้ใช้อย่างอื่นที่เป็นประโยชน์
เห็นไหมครับ การมองดูคนอื่นเป็นคนโง่ได้ คนอื่นก็ย่อมมองเราเป็นคนโง่ในเหตุผลของเขาได้เช่นกัน
และการทำแบบนี้ ลังแต่จะเกิดความแตกต่าง แตกแยก โดยไร้เหตุผลครับ ในเมื่อมันเป็นวิถีทางของใคร
ของมัน ก็ปล่อยให้เป็นไปตามบริบทของสังคมที่จะเกื้อหนุนหรือลงโทษเขาเองครับ
ในเรื่องนี้ไม่มีใครโง่หรอกครับ มีแต่คนฉลาดทั้งนั้น ฉลาดที่รู้จักหาเงินเก็บเงินจนมีเหลือใช้ สามารถเอามาซื้อปืนไว้
ยิงเล่นได้ ผมว่าทุกคนฉลาดหมดครับ คนเก็บเงินไว้ไม่ซื้อปืน ก็ฉลาดไปอีกแบบ
คนเก็บเงินจนมีเงินมาซื้อปืนไว้ยิงเล่นก็ฉลาดไปอีกแบบ ในความเห็นผมทุกคนฉลาดหมดครับ