ครับ เห็นด้วยครับ มีอะไรก็ไป Post ในกระทู้นายทะเบียนฯ ก็แล้วกัน(แล้ว Post แบบมีสาระด้วยนะครับ)
แล้วจะช่วยย้ายกระทู้อันนี้ ไปไว้ที่ กระทู้นายทะเบียนด้วยได้ไหมครับ
เพราะจะได้ให้บุคคลท่านอื่นที่เข้ามาอ่าน หรือติดตามได้รับทราบด้วยครับ
มันเป็นเรื่องการขอซื้อปืนอัดลมครับ ผมว่าน่าจะเอาไว้ที่เดิมดีแล้วครับ
ผมจำได้แม่นว่าผมเองไม่เคยสนับสนุนให้เจ้าของกระทู้มีคดีความในเรื่องนี้เลย เพราะก็คงจะรู้กันว่า
เรื่องแบบนี้มันเสียเวลาทำมาหากิน มันร้อนใจ มันเกิดความบาดหมางใจกัน ทั้งที่เรืองที่ฟ้องร้องกันมันก็ไม่ได้สำคัญ
มากมายอะไรนัก เพราะเป็นเรื่องทวงสิทธิในการขอซื้อปืนอัดลม ไม่ใช่การโดนเพิกถอนที่ทำมาหากิน หรือการที่ที่ทำกิน
โดนรัฐเอาไปทำเป็นเขื่อน ความสำคัญในการเรียกร้องสิทธิมันคนละระดับกัน
สำหรับเรื่องการขอซื้อปืนไม่ได้ สุดท้ายก็คงจะจบด้วยการได้สิทธิซื้อปืนอัดลม
แล้วมันทำให้กระบอกต่อไปไม่ว่าจะเป็นของเราหรือของคนอื่นของ่ายขึ้นไหม
ผมว่าการชนะตรงนี้มีผลแค่ใบปอ 3 ใบนั้นเท่านั้น ไม่มีผลต่อใบปอ 3 ใบใหม่
ที่กำลังจะเกิดขึ้นในทุกอำเภอ
ผมเองก็รู้สึกเห็นใจเจ้าของกระทู้ และเป็นกำลังใจ แต่ไม่ได้สนับสนุน ไม่ได้เชียร์
เพราะถ้าเจ้าของกระทู้เดือดร้อน ผมก็ลอยตัว ผมจึงได้แต่ดูอยู่ห่างๆ เอาใจช่วย
ขอให้ได้สิทธิในใบปอ 3 ปืนอัดลมตามที่ต้องการ ถ้าถามผมว่ามันคุ้มไหม
ผมตอบได้ว่ามันไม่คุ้มเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ดินเรื่องทำมาหากินมันคุ้มแน่นอนครับ
เรื่องขอได้ไม่ได้นั้นพูดยาก อธิบายยากครับ เป็นเรื่องมองต่างมุม จนกว่าจะต้องไปรับผิดชอบ
ได้นั่งเก้าอี้เป็นนายอำเภอในจังหวัดที่มีการขอซื้อปืนสูง
หรือ เมื่อเจอกับใบปอ 3 ที่ขอซื้อปืนโดยที่คนขอมีประวัติครอบครองปืนอยู่แล้วมากมาย
ดุลพินิจของนายต่อใบปอ 3 ใบหนึ่งจะออกมาอย่างไร มีหลายอย่างให้พิจารณาจนกว่าจะสรุปว่า ให้ หรือ ไม่ให้
อาจมีการสมมุติเหตุการณ์ว่า หากบ้านนายคนนั้นเกิดโดนโจนปล้น ก็หมายถึง
โจรอาจจะได้อาวุธไปต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ได้อย่างทัดเทียมหรือเหนือกว่า
หรือถ้าใครขอซื้อปืนก็ให้ซะทุกราย การปกครองบ้านเมืองจะทำอย่างไร ในเมื่อประชาชนทุกคน
มีปืนอยู่ในครอบครอง หากเกิดความขัดแย้ง ก็อาจมีการตัดสินกันด้วยเอาปืนออกมาห่ำหั่นกัน
มากขึ้น ซึ่งจะไปบอกว่าเรามีกฏหมายบังคับลงโทษไว้ก็ไม่ได้ เพราะในอารมณ์โมโหมันไม่คิดถึงกฏหมาย
และคนเรานิสัยอารมณ์ไม่เหมือนกัน
คนก่อเหตุก็ต้องโดนจับ แล้วอะไรตามมาอีกหละ รายได้ประเทศจากการเก็บภาษีก็จะน้อยลง
แถมด้วยรายจ่ายค่าข้าวแดงก็ต้องมากขึ้น คนออกคุกมาก็ไม่มีงานทำกลายเป็นภาระไปอีก
เห็นไหมครับว่าประเทศสูญเสียมากแค่ไหน
ลองนึกถึงตัวเองว่าตัวเราเป็นเจ้าของร้านก็ได้ มีลูกจ้างมากมาย หลังร้านมีพื้นที่ห้องหอพักให้ลูกจ้างทุกคน
ลูกจ้างทุกคนย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ในร้านของเรา (เราก็คงเปรียบเสมือนนายอำเภอดูแลพื้นที่ของเขาอยู่)
เราจะยอมไหมครับ หากลูกจ้างมาขออนุญาติขอลายเซนต์เราไปประกอบการซื้อปืน
และปืนจะอยู่ในพื้นที่ที่เราดูแลอยู่ คงจะคิดหนักหน่อย ถ้าลูกจ้างคนนั้นมีประวัติเป็นลูกคนที่น่าเชื่อถือ
ก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เรายอมได้ แต่ลูกจ้างอีกคนมันมาจากชายแดนลูกใครไม่รู้คนนี้เราคงจะต้องคิดหนักหน่อย
ก็ตั้งคำถามว่า สิทธิ 2 คนนี้ทำไมไม่เท่ากัน ทั้งที่มันควรจะต้องเท่ากัน เออ พอเราต้องรับผิดชอบด้วย
มันเริ่มมีการพิจารณาองค์ประกอบหลายอย่างมาประมวลเข้าด้วยกัน เออ แล้วเราจะดุด่าตอนมันทำผิด
ได้ไหม คงไม่ค่อยถนัดเพราะลูกจ้างมันก็มีปืนเหมือนกัน แล้วจะไล่มันออกจะกล้าไหม
เดี๋ยวมันคิดสั้นเอาปืนออกมายิง คิดแล้วปวดหัวมากๆ ตัดสินใจไม่ถูกครับ
หรือยกตัวอย่างสมมุติ ดุลพินิจของนายอำเภอข้อหนึ่งอาจตั้งไว้ว่าจะให้มีปืนในอำเภอนี้ไม่เกินกี่กระบอก
ทั้งนี้เพื่อให้การปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คือจะให้ประชาชนโดยรวมมีจำนวนอาวุธทัดเทียม
กับเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ทีนี้ก็ขอซื้อปืนกันไปเรื่อย ท่านก็อนุมัติไป คนที่ขายปืนตนออกไป ปืนก็ยังตัดจ่ายวนอยู่ในอำเภอ
จำนวนปืนไม่ได้ลดลง จนในที่สุดวันหนึ่งก็มาถึงคือเป็นวันที่ใบขออนุญาตซื้อปืน ใบนั้นตรงกับจำนวน
ที่กำหนดไว้พอดีคือจำนวนปืนเกินแล้ว สรุปว่า ใบปอ 3 นั้นขอไม่ผ่าน คนขอก็งงสิครับ ตนไม่เคยมีปืนกับเขาเลย
ทำไมขอไม่ได้ ทำไมไม่ทัดเทียมมีสิทธิเหมือนคนอื่น เรืองราวก็บานปลายไปถึงศาลปกครองอย่างที่เราเห็น
อันที่จริงถ้าใจเย็นรออีกสักหลายเดือนแล้วไปขอใหม่ ตัวเลขลำดับปืนของเราก็อาจอยู่ในโควต้าที่จะอนุมัติก็ได้
ก็ถามว่า ระหว่างความมั่นคงของจังหวัดซึ่งอาจลามไปเป็นความมั่นคงของประเทศนั้น กับ สิทธิมนุษย์ชน อะไรควรมาก่อนกัน
อย่าลืมว่าหลายครั้งถ้าเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศก็ไม่ต้องไปถามหาเหตุผลหรือความเป็นธรรม
มันเป็นเรืองของการยอมเสียน้อยเพื่อรักษาส่วนมาก
แต่สำหรับเจ้าของกระทู้ผมเข้าใจว่าขอซื้อปืนอัดลมไม่ได้ ซึ่งผมก็ไม่เห็นด้วยที่การขอไม่ผ่าน
เพราะความร้ายแรงของปืนอัดลมมันไม่มากพอที่จะนำไปก่อเหตได้ แต่ก็พูดยากเพราะปืนอัดลม
ถือเป็นอาวุธปืน มีจำนวนเป็นกระบอก ถ้านับเป็นจำนวนก็ถือว่าเรามีอาวุธปืนอยู่กี่กระบอก
ก็สามารถนับได้ครับ
เรื่องขอซื้อปืน ผมเองก็เคยขอซื้อแล้วสมหวังก็หลายหน แต่ที่ไม่ได้ก็หลายครั้ง เพราะดุลพินิจมันต่างเวลากัน
ทุกครั้งที่ไม่ได้ผมไม่เคยคิดอะไร เพราะปืนเป็นสิ่งไม่จำเป็น เอาไว้คราวหน้าค่อยขอใหม่ก็ได้
ถ้าจะคิดผมก็จะคิดแค่ว่าทำไมเราถึงขอไม่ได้ ลายเซนต์ที่รับรองรองก็ไม่ใช่ขี้ๆ
เราขาดอะไรไปหรือเปล่าหว่า หรือว่าก่อนไปขอ ผมลืมแวะซื้อน้ำมันเครื่องหล่อลื่น
ผมเองไม่เคยเชียร์เจ้าของกระทู้ให้ฟ้องร้อง แต่เมื่อเรืองมันเริ่มไปแล้วและไม่หยุด
ก็ทำได้แค่เอาใจช่วยขอให้ได้สิทธิที่ควรมีเหมือนคนอื่น และในความคิดผมเจ้าของกระทู้
ก็ควรมีสิทธิตามที่คนอื่นมีครับ แต่จะให้ผมร้องเชียร์เขา ฟ้องเลย ฟ้องเลย ผมไม่ทำครับ
เพราะเวลาเดือดร้อน เสียเวลา และถ้าเกิดเสียหายด้วย เจ้าของกระทู้เสียคนเดียว
ผมทำได้แค่มีทุกข์ไปกับท่าน
แล้วพอมีความคิดเห็นแย้งกัน และทำท่าจะแตกแยก ผมก็รู้สึกทุกข์ใจ
ทำไมคนบางกลุ่มจึงคิดว่าคนที่คิดไม่เหมือนตนคือคนละพวก
แล้วทำไมพวกผมถึงไม่มองว่าการฟ้องร้องแบบนี้อาจทำให้คนอื่นขอใบปอ 3 ยากขึ้น
ผมเห็นหลายคนในกลุ่มคนรักปืนอัดลมที่ขอซื้อไม่ได้ก็ไม่เห็นเขา
ออกมาตีโพยตีพายว่าเป็นเพราะพวกที่ชอบให้ทำให้นายมีนิสัยเปลี่ยนไป
เป็นเพราะไอ้โง่คนนั้นมันทำอย่างนี้ จึงทำให้มีวัฒนาธรรมแบบนี้เกิดขึ้น
ไม่รู้เอาอะไรมาคิด ก็คนเขาจะเรียกเก็บมันก็เป็นนิสัยแย่ๆ ของเขาอยู่แล้ว
คนดีคนเลวมันก็ปะปนกันอยู่ ถึงวาระไปคนใหม่มาเจอคนดีก็ไม่ต้องจ่ายพิเศษ
เจอคนที่เรียกก็ต้องให้ไป ที่ให้ก็เพราะอยากได้ปืนมายิงเล่นกันในหมู่เพื่อนฝูง
ไม่ได้อยากสร้างวัฒนธรรมบ้าบออะไรตรงนั้นหรอก ไม่มีใครเขาบ้าอยากสร้างหรอกครับ
จุดมุ่งหมายเราคืออยากได้ปืนมายิงเป็นกีฬา ใจมันจดจ่ออยู่ตรง "อยากได้ปืน
อยากได้ปืน อยากได้ปืนอัดลม" คิดแบบเด็กทั่วไป ใจใสสะอาดไม่มีนอกมีใน
พอไปเจอการเรียกร้องค่าหล่อลื่น ก็จำใจต้องให้ ให้ด้วยความคับแค้นใจ
แต่ภายนอกดูเหมือนยินยอม ถ้าว่าใครอยากบ้าเสียเงินฟรีๆ เล่า แต่เงินก็พอมี
ความอยากได้ปืนมันสูงกว่าความเสียดายเงิน ก็เลยต้องให้ไป นั้นคือเรืองของ
คนรักที่มีความรักปืนมากกว่ารักเงิน ดังนั้นต้องเสียเงินไปแลกก็ต้องยอมครับ..
เรื่องง่าย ๆ แบบนี้ทำไมคิดไม่ออกครับ นายเขาคิดได้เลยเรียกเก็บไงครับ
คนมันรักปืนยังไงมันก็ต้องยอม ขืนช้าปืนอาจตกไปเป็นของคนอื่นแล้วต้องรออีกนานไงครับ