เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 09, 2024, 12:16:14 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: @@@@ Career 707 @@@@  (อ่าน 9683 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ดร.ธนาสิทธิ์
Full Member
***

คะแนน 117
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


« เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 09:48:06 AM »

ทุกเดือนสิงหาคมจะมีงานโชว์ปืนลมที่ต่างจากที่อื่น ๆ เพราะจะมีสนามให้ยิงเล่น และรูปแบบของการจัดโชว์นั้น ค่อนข้างเป็นกันเอง เพราะแต่ละโต๊ะหรือบูทจะมีเจ้าของมาเอง อีกทั้งยังมีปืนลมที่เขาสะสมไว้เอามาให้ชมกัน หรือบางทีก็ขายด้วย แม้ว่าจะไม่ได้เอามาขายถ้าได้คุยกันถูกคอก็อาจมีการต่อรองกันได้ งานนี้จัดขึ้นที่เมือง Baldwinsville มลรัฐ New York ซึ่งอยู่ติดชายแดน Canada ผมต้องขับรถไปราว 8 – 10 ชั่วโมง ขึ้นกับว่าจะหยุดพักมากน้อยขนาดไหน  ทุกครั้งที่ไปก็มักจะได้ปืนลม vintage ติดมือมาทุกครั้ง 





ครั้งหนึ่ง Davis Schwesinger เพื่อนของผมซึ่งเป็นเจ้าของ Air rifle Specialists ได้นำปืนกระบอกหนึ่งรูปร่างแปลก ๆ มาในงานดังกล่าว  เขาเอามาให้ผมดูแล้วถามว่าผมคิดอย่างไร เพราะเขาจะเป็นตัวแทนนำเข้ามาขายในอเมริกา  ตอนนั้นยังเป็นปืนต้นแบบไม่มีฝาครอบหลัง ทำให้ผมมองเห็นได้ชัดว่า ระหว่างท่อลมทั้งสอง มีท่อทองแดง 2 ท่อต่อเชื่อมเป็นรูปตัว “U” ซึ่งผมก็แนะนำไปว่า น่าจะอันตรายเพราะมีโอกาส “ปึ้ม” ได้สูง ผมเข้าใจว่าเพื่อความสะดวกในการประกอบเขาจึงต่อเช่นนั้น  ตอนหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแรง  Davis เป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่ฉีกแนว เพราะหลังจากเหตุการณ์ตึก World Trade ถูกถล่ม เขาก็ปักใจเชื่อว่า ต่อไปพวกก่อวินาศกรรมจะต้องพยายามโจมตีสหรัฐอเมริกาด้วย สงครามเคมี เขาสั่งซื้อหน้ากากป้องกันแก๊สพิษจากอิสราเอลมาจำนวนมาก  โดยหวังจะขายเอากำไร ปัจจุบันหน้ากากเรือนหมื่นยังคงอยู่ในโรงเก็บของ






Career 707 จากเกาหลีประกาศตัวราวปี ค.ศ. 1990 ด้วยรูปแบบของ shot gun แบบ over-under คือมีลำกล้องคู่อยู่ในแนว บน/ล่าง แต่เนื่องจากว่าเป็นปืนลม ก็เลยกลายเป็นท่อเก็บลมคู่และมีลำกล้องทับบนอีกที  จุดประสงค์หลักคือเอาไว้ใช้ล่าสัตว์ โดยจะเห็นได้ว่าจะมีการปั๊มลวดลายเกี่ยวกับชีวิตสัตว์เอาไว้ ของผมด้านขวาจะเป็นภาพเสือกำลังตามล่ากระทิงป่า ส่วนด้านซ้ายเป็นภาพหมากลุ่มใหญ่ของนายพรานกำลังฟัดกับหมูป่า พูดถึงหมูป่าบ้านเราถือว่าเป็นอาหารป่ารสเด็ด แต่ในอเมริกาปัจจุบันหมูป่าสร้างปัญหามากมาย มันจะแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วและอาศัยอยู่ในเขตุป่ารกหรือหนองน้ำ  ออกมาหากินทำลายพืชผลของชาวบ้าน อีกทั้งอันตรายต่อผู้คนเพราะว่าไม่กลัวคนแถมยังดุอีกต่างหาก รัฐ Florida และ Texas ถือว่ามีหมูป่า (wild bore) มากที่สุด  ทางรัฐจะจัดเจ้าหน้าที่ไปล่ามัน โดยจะใช้หมาที่ฝึกไว้อย่างดี ตามรอยและไล่มันออกมาให้จับ ที่ฟลอริด้าเขาจะใช้ air boat วิ่งไล่ แล้วให้คนนอนราบที่ด้านหน้าเรือแล้วเอื้อมมือไปรวบขาหลังของมัน  วันหนึ่ง ๆ จับได้หลายสิบตัวแล้วก็เอาไปฆ่าทิ้งเพราะไม่นิยมกินกัน




กลับมาเรื่องปืนกระบอกนี้ ตอนแรกออกมาขนาด .22 หรือ 5.5 มม. เท่านั้น สามารถปรับความแรงได้ โดยการหมุนวงแหวนด้านใต้ข้างหน้าไก  ปากท่อลมด้านหน้าตัวล่างจะมีเกจ์ หรือ manometer (air pressure gauge) จาก 50 – 250 BAR ส่วนที่เติมลมอยู่กับปากท่อลมตัวบน มีปิดดังรูป 

พอผมได้มาก็ต้องนำมาโมดังนี้
1.   เปลี่ยนลำกล้องเป็นขนาด .177  ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าลำกล้องขนาด .177 ของ Career 707 นี้จะกลายเป็นลำกล้องยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการโมปืนลมยาวความเร็วสูง ด้วยขนาดที่ยาวถึง 20 นิ้ว  เดิมทีลำกล้อง Lothar Walther กับ HW มักเป็นพระเอกมาตลอด



2.   แม็กก็ต้องเปลี่ยนใหม่ บรรจุได้ 13 นัด ทางบริษัทได้แจ้งล่วงหน้าเอาไว้แล้วว่า จำนวนกระสุนที่จะใส่เข้าไปได้นั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะและความยาวของลูกกระสุนด้วย ดังนั้นจากขนาด .177, .02, .22 และ .25 แม็กจะบรรจุได้ระหว่าง 7 – 15 นัด  อย่างไรก็ตาม ยังมีจุดเด่นที่เขาคิดล่วงหน้าเอาไว้ คือมีช่องด้านขวาสำหรับบรรจุทีละนัด เหมาะกับกระสุนขนาดยาวหรือที่มีปลายแหลมไม่เหมาะกับการยัดเข้าไปอัดกันในแม็ก




3.   Regulator ผมเลือกใช้ของ A-Team การเปลี่ยนไม่ยาก แต่ผมต้องทำเครื่องมือพิเศษ คือไขควงปากแบนขนาดใหญ่และยาวเพื่อขันตัว Regulator เข้าในท่อเก็บลม



4.   ชุดสปริงสำหรับฆ้อนตีวาล์ว ซึ่งมีให้เลือก 2 แนวคือ สปริงเดี่ยวหรือสปริงคู่ เรื่องการเลือกใช้สปริงแบบนี้ ไม่มีใครเขียนตำราไว้จึงต้องใช้ประสพการณ์และการทดลองเป็นแนวทางในการเลือก  แต่ผมมีคำแนะนำดังนี้คือ ถ้าช่วงชักสั้น ก็ใช้สปริงเดี่ยวแบบค่อนข้างแข็ง  แต่ถ้าช่วงชักยาวก็ควรใช้สปริงคู่ แต่ต้องให้เกลี่ยวกลับข้างกัน ทั้งนี้เพราะ หลังจากสปริงถูกอัด เมื่อถูกปล่อยให้คลายตัว นอกจากมันจะยืดออกแล้ว มันยังหมุนรอบแกนอีกด้วย ฉนั้นการที่เราใช้สปริงคู๋ที่เกลียวกลับข้างกัน ก็จะช่วยป้องกันแรงบิดรอบตัวดังกล่าว อนึ่งการเลือกความแข็งของสปริง ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่นชนิดของโลหะหรือเนื้อสปริง, ขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลาง และลักษณะของการขด เป็นต้น  ก็ยังดีที่สปริงราคาไม่แพง เราจึงสามารถซื้อมาหลาย ๆ แบบเพื่อทดลองหาดูที่ทำงานดีที่สุด ในกรณีของสปริงฆ้อนตีวาล์ว ถ้าคิดดูเผิน ๆ ก็อาจจะทำให้เราเลือกสปริงที่แข็งพอเพื่อที่จะตีวาล์วปล่อยลมออกมาให้หมดตามที่ต้องการเท่านั้นเป็นพอ ถ้าอ่อนไปก็จะมีแรงตีไม่พอ แต่ความจริงหาใช่เพียงแค่นั้น เพราะยังมีเหตุผลอื่นอีกอย่างน้อย 2 เหตุผลที่เราต้องนำมาพิจารณาในการเลือกสปริงดังกล่าว เหตุผลแรกคือ “ความเร็ว” ในการดีดตัวซึ่งหาใช่เป็นสัดส่วนโดยตรงกับขนาดความหนาหรือความแข็ง(ต้องใช้แรงกดมาก) ตามที่เรามักจะเข้าใจไม่  เช่นสปริงโช้คอัพรถยนต์ที่แข็งมาก แต่จะดีดตัวแบบช้า ๆ ด้วยเพราะว่าไม่ได้ดีดตัวไกลหรือถูกกดไม่มากด้วยก็ได้ อีกเหตุผลก็คือ ความคงที่หรือความแน่นอนในการคลายตัว ซึ่งคงจะหาอะไรมาวัดโดยตรงได้ยาก แต่ก็มีวิธีทดสอบทางอ้อมที่กลับมีผลดีโดยตรงต่อการใช้งานของเรา คือ เฉพาะในกรณีที่ถ้าเราปรับระยะถูกกดของสปริงแล้ว ระบบวาล์วของเราจะปล่อยลมไม่เท่าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว เราก็ใช้การปรับระยะดังกล่าวแล้วตรวจสอบวัดความเร็ว ซ้ำไปซ้ำมา คือถ้าสปริงที่เราเลือกมีคุณภาพดีและขนาดถูกต้อง ถ้าเราปรับไปยังจุดเดิมต่าง ๆ ความเร็วก็ควรจะเหมือนเดิม เช่นหมุนจนมิดแล้ววัดได้ 900 ฟตว พอคลายออกมา 1/8 รอบเหลือ 860 พอคลายออก ½ รอบได้ 830 เราก็หมุนจนมิดอีกแล้ววัดใหม่ คลายออกมาณ.จุดเดิม ๆ แล้ววัดใหม่ ก็ควรจะได้ค่าความเร็วที่ใกล้เคียงกันที่สุด 



5.   ระบบปรับความแรงนั้น เกี่ยวข้องต่อเนื่องมาจากข้อ 4 ข้างบน โดยใช้การหมุนวงล้อด้านล่าง (power wheel) ซึ่งของเดิมนั้นก็หมุนไปตามมีตามเกิด เอาแน่ไม่ได้ ผมก็เลยเอาสีไปแต้มเป็นสัญลักษณ์สำคัญ และปรับระบบให้มีการล๊อคตัว (เพิ่มสปริงและลูกปืน) โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 13 ระดับ power wheel ดังกล่าวออกแบบมาเพื่อให้เราปรับให้เหมาะกับน้ำหนักของกระสุนที่เราใช้ หรือ ให้เข้ากับระยะทางที่เราจะยิง หรือให้เหมาะกับประเภทของสัตว์ที่เราจะล่า



6.   ระบบไก ของเดิมนอกจากจะแข็งมากคือราว 2 ปอนด์แล้ว ตัวไกเองยังหลวมแกว่งซ้ายขวาจนเกินงาม อีกอย่างความแข็งของไกปรับไม่ได้ ปรับได้เพียงว่าจะให้ sear หรือเงี่ยงเกาะลึกมากน้อยขนาดไหนเท่านั้น งานนี้ก็เลยต้องยกเครื่องใหม่ทั้งหมด รวมทั้งระบบขึ้นลำโดยการโยกคันง้างด้านล่างที่ต้องแก้ไขให้ทำงานคล่องตัวและราบรื่นเสมอ  ขอเตือนว่างานโมไกนี้ต้องละเอียดอ่อนและต้องรู้จริง ไม่งั้นทำไปแล้ว ปืนอาจลั่นได้



7.   ระบบกล้อง ผมเลือกขารัดกล้อง BKL และกล้อง Tasco Custom Shop ขนาด 8 – 40 x 56 mm.  ตอนนั้น Tasco Custom Shop กำลังดังออกมา 3 ขนาดกำลังขยาย ซึ่งผมซื้อไว้หมดทุกรุ่น เพราะทำในญี่ปุ่น ต่อมาย้ายไปทำ “ที่อื่น” ซึ่งคุณภาพไม่ดีพอในทีสุดจึงเลิกทำไปเลย



8.   ด้วยที่ว่าเป็นปืนรูปทรงที่มีพานท้ายต่ำดังนั้นจึงต้องปรับประทับแก้มไม่งั้นระดับตาจะต่ำกว่ากล้อง งานนี้ก็ใช้ cheek piece raiser ที่ทำด้วย polyurethane ยัดด้วยฟองน้ำ เพราะนอกจากจะปรับระดับสายตาให้สูงขึ้นมาพอดีกับกล้องแล้ว ยงัช่วยทั้งตอนหน้าหนาว ที่ไม่ต้องเอาแก้มมานาบกับพานท้ายที่เย็นเฉียบ และหน้าร้อนตอนเหงื่อออกที่หน้า พอแนบแก้มลงไปก็ติดแหมะอยู่ตรงนั้นเลย...555



9.   ตัวเก็บเสียง ซึ่งผมตัดสินใจให้ Allen Zasadny เป็นคนทำให้เพราะตอนปรับไปที่ระดับ 13 เสียงดังสนั่นสนามเล่นเอาฝรั่งหันมามองกันเป็นรอบที่สองจนตาสีฟ้ากลายเป็นตาเขียวไปเลย  ที่ว่ามองรอบสองเพราะว่าตอนที่ผมเดินเข้ามาในสนามกับปืนกระบอกนี้ เขาก็เริ่มสงสัยกันแล้วว่าผมเข้าผิดสนามหรือเปล่า เพราะมองดูเผิน ๆ ก็เหมือนกับปืนยิงเป้าบินที่นำมาติดกล้อง  ตอนหลังก็ไม่ได้ใช้ตัวเก็บเสียงเพราะผมมักจะยิงที่ระดับ 5-7 เท่านั้น

ปืนกระบอกนี้ค่อนข้างหนัก และผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะนำมาโมสำหรับไว้แข่งอย่างจริงจัง เพียงแต่อยากจะลองว่า มันจะมีความสามารถขนาดไหนถ้าเราจะลองเข็นมันไปแบบสุด ๆ  อีกอย่างเหมือนจะเอามันไว้ก่อน เพราะยิงได้ติดต่อกัน 13 นัด แต่ต้องไปแต่เช้าก่อนคนอื่นจะมาที่สนาม เพราะตามกติกาเขาให้ใส่ได้รวมกันครั้งละแค่ไม่เกิน 5 นัดเท่านั้น  อย่างไรก็ตาม เรามีการแข่งขันยิงใบเลื่อยขนาด 5 นิ้วที่ระยะ 63 หลาแบบยืนยิง  ผมทำสถิติเอาไว้ถูก 21 นัดติดต่อกัน และใช้เวลาน้อยที่สุด  เพื่อนบางคนแซวว่านัดที่ 22 ที่พลาดไปอาจจะรอดรูตรงกลางไปก็ได้...

ปัจจุบันปืนรุ่นนี้มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Shinsung Career 707 ซึ่งมีหลายขนาด รวมทั้ง 9 มม. และ .25 นิ้วด้วย รูปทรงก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย ข้อดีหลัก ๆ ของปืนกระบอกนี้คือ มีท่อลมคู่เก็บอากาศได้มากรวมแล้วราว 380 ซีซี ผมเองไม่เคยนับว่ายิงได้กี่นัด แต่ถ้าปรับความแรงปานกลางคือยิงกระสุน .177 ที่ความเร็วราว 850 ก็คงได้ร่วม 100 นัด แม็ก 13 นัดยิงรัวเอามัน หรือสำหรับไว้ล่าสัตว์ก็เหมาะมาก  อย่างไรก็ตามเสป็คล่าสุดแจ้งว่า  ขนาด .22 ความเร็สสูงสุดที่ 1250 ฟตว จะได้เต็มกำลังอย่างน้อย 20 นัด

ธนาสิทธิ์ ศิริลักษณ์
๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔
บันทึกการเข้า
ดร.ธนาสิทธิ์
Full Member
***

คะแนน 117
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 09:51:08 AM »

The magazine looks like this:



And the loading port for a single shot can be seen below:



It was .22 or 5.5 mm as indicated below:



Tanasit
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 01, 2011, 09:59:05 AM โดย ดร.ธนาสิทธิ์ » บันทึกการเข้า
AJ_6080
พระราม2 กทม.
Hero Member
*****

คะแนน 1600
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 5415


บารมี-มีได้เพราะความดี...


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 11:53:12 AM »

 ไหว้ ขอบพระคุณมากมายครับ อาจารย์ธนาสิทธิ์ ได้ความรู้เพิ่มอีกมากมายเลยกับการตกแต่งปืนลม ที่อีกหลายจุดได้มองข้ามไปครับ  
บันทึกการเข้า

  ผมรักในหลวง...ครับ
ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 1428
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6023



« ตอบ #3 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 01:04:18 PM »

ยิ่งเห็นปืนเกาหลี ยิ่งสงสารคนไทย เมืองไทย  ทำเองก็ได้แต่ไม่ให้ทำ  ต้องซื้อเขาเรื่อยไป
ในอาเชียน ฟิลิปปืนส์ทำปืนขายมานานแล้ว  ทั้งปืนอัดลม ปืนดินขับ
อีกหน่อยก็คงมีเวียตนาม อินโด มาเลย์ พม่า ลาว เขมร มาผสมโรง ทำปืนขาย ไทยซื้อ
บันทึกการเข้า

ผมเป็นลูกหลานจีนอพยพ  ทวดแซ่อิ๊ว ตาแซ่เล้า ปู่แซ่อึ๊ง   
เมืองไทยให้โอกาสทุกอย่าง  ไม่มีข้ออ้างเรื่องชนชั้น
ผมได้กราบแทบพระบาทในหลวงเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
maxmin
ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน
Full Member
***

คะแนน 22
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 188


ความสำเร็จอยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่อยู่ที่คำอธิฐาน


« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 03:30:10 PM »

ขอบคุณครับ.. ไหว้
บันทึกการเข้า
tui086
Hero Member
*****

คะแนน 1083
ออฟไลน์

กระทู้: 6255



« ตอบ #5 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 08:32:46 PM »

ยิ่งเห็นปืนเกาหลี ยิ่งสงสารคนไทย เมืองไทย  ทำเองก็ได้แต่ไม่ให้ทำ  ต้องซื้อเขาเรื่อยไป
ในอาเชียน ฟิลิปปืนส์ทำปืนขายมานานแล้ว  ทั้งปืนอัดลม ปืนดินขับ
อีกหน่อยก็คงมีเวียตนาม อินโด มาเลย์ พม่า ลาว เขมร มาผสมโรง ทำปืนขาย ไทยซื้อ

  เป็นเรื่องน่าคิดครับ....น่าอนาถใจด้วยครับ....
บันทึกการเข้า
ดร.ธนาสิทธิ์
Full Member
***

คะแนน 117
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


« ตอบ #6 เมื่อ: เมษายน 01, 2011, 09:48:48 PM »

ไหว้ ขอบพระคุณมากมายครับ อาจารย์ธนาสิทธิ์ ได้ความรู้เพิ่มอีกมากมายเลยกับการตกแต่งปืนลม ที่อีกหลายจุดได้มองข้ามไปครับ   

งานนี้การแต่งไกยุ่งยากที่สุด เพราะไม่เพียงแต่จะลดจาก 2 ปอนด์ลงมาถึง 1/2 ปอนด์ ยังต้องให้ไกทำงานแบบคงเส้นคงวาและแน่นอนสม่ำเสมอทุก ๆ ครั้ง ผมต้องทำชิ้นส่วนใหม่ขึ้นมาด้วย โดยเฉพาะแกนต่าง ๆ บางตัวเคลือบเงาหรือชุปโครเมี่ยมให้ลื่นไหล แต่ใช้ไปนาน ๆ จะหลุดลอก ทำให้หลวม ถ้าเป็นแกนแบบ roll pin หรือเหล็กม้วน บางทีก็อาจต้องเปลี่ยนเป็นเหล็กตัน แต่ก็ต้องให้ได้ขนาดที่ฟิตพอดี เพราะนอกจากขึ้นอยู่กับลักษณะการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนที่เจ้าแกนนั้นยึดไว้  ยังขึ้นกับขนาดความหนาของชิ้นส่วน โดยทั่วไป ถ้าเป็นแกนเหล็กม้วน แกนจะติดแน่นกับกลักไก เพราะแกนเหล็กม้วนมีการหดยืดตัวได้ จะเหมาะกับชิ้นส่วนที่เวลาหมุนรอบแกน แกนจะไม่หมุนตาม แต่แกนตันก็จะเหมาะกับชิ้นส่วนที่เวลาหมุนรอบแกน แกนจะหมุนตาม เพราะแกนจะติดแน่นกับรูของชิ้นส่วนนั้น แต่จะฟิตกับรูของกลักไกพอดี ๆ แบบหลังนี้มักจะไม่มีอาการหลวมหรือคอนแคลนในภายหลัง  แต่จุดที่สำคัญสุดยอดคือ sear หรือที่เงี่ยงของ 2 ชิ้นส่วนในระบบไกมาเกี่ยวกันไว้ โดยทั่วไปจะมี 2 จุดคือ จุดที่ไกเกี่ยวกับลูกสูบในกรณีปืนสปริง หรือจุดที่ไกเกี่ยวกับฆ้อนตีวาล์วในกรณีที่ใช้ลมอัดหรือ CO2 ชิ้นส่วนจุดนี้ต้องเป็นเหล็กแข็งหรือ harden steel และจะต้องมีผิวที่เรียบ และมุมเกี่ยวที่ไม่ควรไปตบแต่งแก้ไขอย่างเด็ดขาด ท้ายสุดคือ สารหล่อลื่นที่ใช้ในจุดต่าง ๆ ผมใช้อย่างน้อย 3 ชนิด คือ ที่จุดเกี่ยวหรือ sear ใช้ Beeman trigger grease สีขาว (ผมว่า moly paste มันลื่นเกินไป อาจทำให้ไกลั่นได้ง่าย) ตามแกนหมุนใช้น้ำมันค่อนข้างเหนียวหยอด ส่วนชิ้นส่วนอื่นที่เป็นเหล็กสัมผัสกัน หรือด้านข้างของกลักไก ก็ใช้ moly paste พวกสปริงก็ใช้ spring grease สีแดง หรือ ถ้าไม่มีก็ใช้ bearing grease หรือจารบีลูกปืนล้อรถยนต์ก็ได้  ด้านอกของกลักไก ผมก็มักทาจารบีบาง ๆ กันสนิมไว้ด้วย
บันทึกการเข้า
ruger40 years
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 02:26:08 PM »

ขอบคุณมาก ครับ อาจารย์ ดร.ธนาสิทธิ์
   การออกแบบทรงปืนของ SHIN SUNG รุ่น Career #707 จากประเทศเกาหลี นี้ ผมดูคล้ายๆกับทรงปืนของ AA รุ่น TWICE จากประเทศอังกฤษ ครับ  จะต่างกันในจุดหลักๆก็คือการวางแนวท่อลม ระบบโยกขึ้นลำและตัว Career #707 นี้..มีการปั๊มลวดลายเกี่ยวกับชีวิตสัตว์เอาไว้เท่านั้น..ดูงามตามาก..จริงๆ ครับ  หลงรัก
   แต่น่าแสนเสียดาย..ที่ประเทศไทยมีช่างฝีมือดีๆและมีความปราณีตมากมาย..น่าจะสร้างปืนแบบนี้บ้าง..หากได้รับการส่งเสริมเป็น"โอทอปเยี่ยม   คงจะดีมาก นะครับ น้ำลายหก น้ำลายหก ไหว้
   
บันทึกการเข้า
ดร.ธนาสิทธิ์
Full Member
***

คะแนน 117
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 313


« ตอบ #8 เมื่อ: เมษายน 13, 2011, 09:06:12 PM »

กล้อง Tasco Custom Shop 3 ตัวที่ว่า ถ้าใช้ที่กำลังไม่เกิน 40 หรือตอนมีแดดก็โอเค ไม่งั้นจะมืดเกินไปครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 13, 2011, 09:09:30 PM โดย ดร.ธนาสิทธิ์ » บันทึกการเข้า
Eagle-43
อยากมีหลายกระบอก แต่ก็ไม่มีเวลายิง~
Jr. Member
**

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 52


"ความอยาก" ไม่เคยสิ้นสุด...


« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 30, 2011, 10:23:50 AM »

เศร้า พึ่งเจอกระทู้นี้ สุดยอดครับ

ขออนุญาติ ยก  หลงรัก
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.101 วินาที กับ 24 คำสั่ง