เรื่องเล่าจากพนักงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น
ที่หมู่บ้านเจ (J-Village) ห่างจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ประมาณ 20 กม. มืดมิดไปทั่วบริเวณ
ในคืนวันที่ 15 มีนาคม เพราะไฟฟ้าใช้การไม่ได้หลังฤทธิ์แผ่นดินไหวตามด้วยคลื่นสึนามิ 4 วันก่อนหน้า
รถบรรทุกถูกจอดเป็นวงกลมและเปิดไฟหน้าเพื่อใช้พื้นที่ตรงกลางเป็นเวทีชั่วคราว
ผู้จัดการคนหนึ่งของโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เทปโก) ยืนอธิบายสถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ที่เสียหายจากแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ ตามด้วยก๊าซไฮโดรเจนระเบิดและสารกัมมันตรังสี
ปนเปื้อนระดับสูง พนักงานบางคนร่ำไห้
คืนวันนั้น พนักงานดับเพลิง ทหารจากทบวงป้องกันตนเองหรือกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น และพนักงานเทปโก
ช่วยกันระดมสมองที่ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาประจำหมู่บ้าน พวกเขาถกเถียงกันเสียงดังและยาวนาน ว่าวิธีไหนดีที่สุด
ที่จะกู้ระบบหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์ ควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อน ควรต่อไฟฟ้าอย่างไร ควรใช้สถานที่ตรงไหน
ทำอะไร เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ การสอบถามจากฝ่ายบริหารก็ยิ่งลำบาก
"การประชุมในคืนนั้น กลายเป็นความตื่นตระหนก ต่างคนต่างความคิด" พนักงานเทปโกคนหนึ่ง
เปิดเผยแก่ นสพ.นิวยอร์ก ไทม์ส และเป็นหนึ่งในบทสัมภาษณ์พนักงานเทปโก ซึ่งทำให้ได้ภาพของพนักงาน
เทปโกขณะพยายามรับมือกับปัญหาท้าทายที่ไม่เคยประสบมาก่อน แต่ก็ร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันอย่างสุดกำลัง
โดยเฉพาะพนักงานจำนวนหนึ่งที่ได้รับการยกย่อง เป็นฮีโร่ จากการเสี่ยงชีวิตฝ่ารังสีอันตราย ป้องกันอุบัติภัย
นิวเคลียร์ไม่ให้ร้ายแรงไปจากสถานะเดิมที่เลวร้ายอยู่แล้ว คืออุบัติภัยนิวเคลียร์รุนแรงอันดับสองของโลก
ขณะที่บรรดาผู้บริหารบริษัทในชุดสีฟ้า ปรากฏตัวขอโทษและแถลงข่าวรายวันต่อสาธารณะ เพื่ออธิบายว่า
เหตุใดการแก้วิกฤติจึงยังไม่สำเร็จ แต่พนักงานในแนวหน้าเกือบทั้งหมด ยังคงเป็นบุคคลนิรนาม และ
ไม่ได้มีรายละเอียดออกมามากนักว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร
แต่จากการตามไปสัมภาษณ์ จากอีเมลและเนื้อหาตามเว็บบล็อกต่างๆ ทราบว่าพนักงานจำนวนมาก
อึดอัดและหงุดหงิดกับความล่าช้าในความพยายามกอบกู้โรงไฟฟ้า บางที มีคำสั่งขัดแย้งกันมาจากผู้บริหาร
บางคนอยากให้สังคมรับรู้ว่าพวกเขารู้สึกผิดมากต่อปัญหาที่เกิดขึ้น และพยายามแก้ไขอย่างดีที่สุด
เช่นอีเมลของพนักงานชื่อ เอมิโก อูเอโนะ ที่บอกว่า "หมู่บ้านของฉันไม่เหลือแล้ว พ่อกับแม่ก็สูญหาย แต่ฉัน
ยังเข้าถึงพื้นที่ไม่ได้เลยเพราะคำสั่งอพยพ ฉันยังต้องทำงานในสภาพจิตใจเช่นนี้ ฉันเต็มที่แล้วนะ"
ผู้จัดการคนหนึ่งของเทปโกได้เผยแพร่อีเมลนี้ และขอให้พนักงานช่วยกันคิดว่าจะช่วยฟูกูชิมะอย่างไรได้บ้าง
หลังจากอ่านอีเมลนี้แล้ว
ตามข่าวระบุว่า ทางบริษัทมักปิดปากเงียบเรื่องพนักงาน และพนักงานอาจโดนตำหนิได้หากนำความใน
บางอย่างออกมา แต่ก็มีเล็ดรอดออกมาบ้าง เช่น มิชิโกะ โอสึกิ ที่ได้เข้าไปทำงานที่โรงไฟฟ้าไดอิจิหลังแผ่นดินไหว
เผยผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ว่า พนักงานเทปโกพยายามอย่างหนัก และเสี่ยงชีวิตซ่อมโรงไฟฟ้า
เธอขอโทษที่ทำให้ประชาชนสับสนและรู้สึกไม่ปลอดภัยจากวิกฤตินิวเคลียร์ที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นไม่นาน โอสึกิได้ลบข้อความเหล่านี้ เพราะมีผู้แปรเจตนาเธอผิดไป เธอเข้าใจดีว่า
คงเร็วเกินไปที่จะขอให้สังคมเลิกต่อว่าเทปโก
ในช่วงวันแรกๆ หลังแผ่นดินไหวและสึนามิ พนักงานเทปโกไม่มีเวลาพูดอะไรกันมากนัก
ที่กรุงโตเกียว ผู้บริหารมีคำสั่งและจัดทีมพร้อมอุปกรณ์ รวมถึงแบตเตอรี่และสายเคเบิลหนักหลายตัน
14 มีนาคม บริษัทแจ้งพนักงานว่า ภารกิจนี้อันตราย และพนักงานสามารถเลือกที่จะไม่ไปก็ได้
มีจำนวนหนึ่งที่เลือกเช่นนั้น แต่จำนวนมากรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ที่จะต้องไปฟูกูชิมะ โดยเฉพาะ
คนที่มีครอบครัวอยู่ที่นั่น และได้รับผลกระทบโดยตรงจากภัยพิบัติ
15 มีนาคม พวกเขาออกเดินทางมุ่งหน้าไปฟูกูชิมะ ขบวนรถแล่นไปโดยสะดวกบนถนนหลวงได้ฉลุย
ไม่ติดขัดเพราะได้รับการเก็บกู้ซากหักพังออกไปแล้ว แต่พอถึงถนนเข้าพื้นที่ ช้าลงมาก
เพราะพื้นถนนหายไปบางส่วน
หลังผ่านการถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดที่ เจ วิลเลจ ในคืนวันเดียวกัน จนได้ข้อสรุปว่า
จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไรแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้น 16 มีนาคม ทุกคนสวมหน้ากากและชุดป้องกันรังสี มุ่งหน้าไปยังโรงไฟฟ้า
ลงมือต่อสายเคเบิลจากสถานีไฟฟ้าย่อย เข้าสู่โรงไฟฟ้าไดอิจิ
พนักงานคนหนึ่งที่เป็นช่างไฟรุ่นเก๋าของเทปโก เล่าว่า ใจเขาอยากจะรีบต่อสายเคเบิลให้เร็วที่สุด
เพื่อจ่ายไฟเข้าโรงไฟฟ้าโดยเร็ว แต่ฝ่ายที่ดูเรื่องนิวเคลียร์ ก็อยากจะเช็กระบบปลอดภัยทุกอย่างให้รอบคอบก่อน
ใจเขาร้อนจนแทบทนไม่ไหวกับการตัดสินใจอันอืดอาดนั้น
จากนั้นไม่นาน ทีมงานแยกย้ายไปทำงานในส่วนของตน และเมื่อการต่อสายไฟเสร็จสิ้น พวกเขา
ถอยกลับไปยังหมู่บ้าน อีกสองวันต่อมา พนักงานหลายสิบคนที่เสร็จงานในส่วนที่รับผิดชอบและรอฟังผลงาน
ก็ได้เฮ เมื่อหัวหน้าเดินตรงไปยังไวท์บอร์ดที่เขียนรายการภารกิจต่างๆ ที่ต้องทำ และในรายการสุดท้ายนั้น
หัวหน้าได้เขียนคำว่า ryo ซึ่งแปลว่า ดี แต่ในที่นี้ หมายถึง ลุล่วงแล้ว
"ผมไม่เคยลืมวินาทีที่ผู้จัดการประกาศว่าพวกเราทำสำเร็จแล้ว" พนักงานคนนี้บอก ทุกคนที่นั่น
ร้องตะโกนและร้องไห้สลับกันไป หลายคนใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพคำว่า ryo บนไวท์บอร์ด
ที่ผู้จัดการใช้หมึกแดงวงกลมไว้เป็นที่ระลึก ส่วนตัวเขากับเพื่อนดื่มโคคาโคลาฉลองกัน เพราะไม่มีเบียร์
และจำได้ว่า โคคาโคลาวันนั้น รสชาติสุดยอด
ก่อนกลับโตเกียว พนักงานทุกคนได้เข้าตรวจวัดรังสี และตรวจอีกครั้งเมื่อกลับถึงโตเกียว บริษัทให้หยุดได้หนึ่งวัน
บางคนนอนหลับ แต่บางคนยังตื่นเต้นจนหลับตาไม่ลง ได้แต่เกาะติดข่าวโรงไฟฟ้าที่พวกเขาเพิ่งทำภารกิจลุล่วง
หลายวันต่อมา พนักงานเหล่านั้นคงรู้แล้วว่า ภารกิจที่ทำสำเร็จในวันนั้น ไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนพลิกฟื้น
สถานการณ์โรงไฟฟ้าแบบที่พวกเขาคาดหวัง เตาปฏิกรณ์อาจเสียหายเกินไป หรือมีรังสีมาก
จนไม่สามารถเยียวยาง่ายๆ เพื่อนร่วมบริษัทที่กำลังทำงานที่นั่น ยังต้องเผชิญกับสารกัมมันตรังสีอั
นตรายมากกว่าเดิม
พนักงานเทปโกในโตเกียว แทบทุกคนต้องใส่เสื้อโค้ทนั่งทำงานที่โต๊ะ เพราะต้องปิดเครื่องทำความร้อน
เพื่อประหยัดพลังงาน และกลับบ้านทันทีเมื่อท้องฟ้ามืด เพราะออฟฟิศต้องปิดไฟเพื่อประหยัดพลังงานอีกเช่นกัน
พวกเขากลับบ้านพร้อมกับความกังวลในใจ วิกฤตินิวเคลียร์ยังห่างไกลจากคำว่ายุติ บริษัทอาจเผชิญ
กับภาวะล้มละลาย หรือถูกโอนเป็นกิจการของรัฐในไม่ช้า
http://www.komchadluek.net/detail/20110403/93693/เรื่องเล่าจากพนักงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่น.html