เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 09, 2024, 01:29:37 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แนะนำเว็บไซต์ดีๆเอามาให้อ่านกันครับ  (อ่าน 1168 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
keng2516 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 136
ออฟไลน์

กระทู้: 497


« เมื่อ: เมษายน 10, 2011, 01:33:58 PM »

ผมทำลิงค์ไม่เป็น  http://angkul007.wordpress.com
ยกตัวอย่างเรื่องมันส์ๆสักเรื่อง



อภินิหารอาจารย์เสริฐ ตอนที่ ๑
มีนาคม 1, 2011 โดย donglahoma
               พวกชอบไสยศาสน์น้อยคนที่จะไม่รู้จักอาจารย์เสริฐ  ผมเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่ายๆ  วันหนึ่งเพื่อนผมมาเล่าถึงความมหัศจรรย์ของอาจารย์เสริฐ  ผมอยากพิสูจน์  วันนั้นเพื่อนผมจึงพาไปที่บ้านอาจารย์เสริฐที่หลังสถานทูตจีน  ผู้คนเข้าคิวคอยพบอาจารย์ เพื่อนผมขาใหญ่แซงเข้าพบก่อน  คนที่ไปหาอาจารย์เสริฐล้วนแต่มีปัญหา ขอโน่น ขอนี่ เรื่องคู่ครองบ้าง เรื่องการลงทุนบ้าง จิปาถะ  สำหรับผมไม่มี บอกกับอาจารย์ตรงๆว่าอยากมาดูว่าอาจารย์เสกอะไรได้บ้าง  อาจารย์เสริฐรู้ว่าผมเป็นตำรวจ มาลองของ นิ่งไม่ออกอาการ พูดว่า “ไม่เห็นกับตาก็หาว่าเล่นกล  สงสัยอะไรก็ตรวจได้”  งานแรกอาจารย์ให้ผมหยิบไพ่ที่คว่ำไว้  เหลือเชื่อ ไม่ว่าผมจะหยิบสักกี่ครั้งก็ได้แต่ไพ่ใบเดิม  หยิบไปประมาณ ๑๐ ครั้ง  ผมให้อาจารย์หงายไพ่ให้ดูทั้งสำรับมันก็เป็นไพ่ปกติมีทุกหน้า  เอาละ มันอาจจะบังเอิญก็ได้  งานที่สอง อาจารย์มีหัวกะโหลกค่าง ๑ หัว  ลอกหนังออกหมดเหลือแต่กระดูกขาวโพลนแห้งสนิท  อาจารย์เรียกเจ้าหัวกะโหลกว่า “หนุมาน”  อาจารย์เอาหัวกะโหลกมาวางตรงหน้าผมแล้วอาจารย์ก็ถามคำถามให้ “หนุมาน” ตอบ หลายคำถาม  คำตอบจะเป็น “ใช่” กับ “ไม่ใช่”  ถ้าจะต้องตอบว่า “ใช่”  “หนุมาน” ก็จะพยักหน้า  ผมหยิบเจ้ากะโหลกขึ้นมาดูมันก็กระดูกธรรมดาๆวางบนพื้นกระดาน  อาจารย์พูดย้ำ “ถ้าไม่มาดูกับตาก็หาว่าเล่นกล”  แล้วอาจารย์เสริฐก็สั่งเจ้า “หนุมาน” ว่า “ตอบให้มันชัดๆหน่อย”  ทันใดนั้น “หนุมาน”ก็กระโดดลอยหมุนขึ้นไปบนอากาศ ๒-๓ รอบแล้วลงมากองบนพื้นตามเดิม  ยังไม่พอ  อาจารย์เสริฐหยิบดินสำดำแท่งหนึ่งวางกับพื้นแล้วบอกว่า  “เจ้างู  วิ่งไปกัดหนุมาน”  (ดินสอดำที่วางไปนั้นก็คืองู)  สิ้นคำสั่ง ดินสอดำแท่งนั้นก็พุ่งตรงไปยังหัวกะโหลกอย่างรวดเร็ว  ผมกับเพื่อนนั่งดูอยู่ใกล้ๆห่างไม่เกิน ๑ เมตร  กลางวันสว่างๆ  ผมจับดินสอ หัวกะโหลกค่างขึ้นดูก็ไม่เห็นมีอะไร  ไม่มีอุปกรณ์กลไกเหมือนกับพวกที่เล่นกลใช้  ลาอาจารย์กลับ  ขากลับแอบไปสำรวจใต้พื้นห้อง (อาจารย์แสดงอภินิหารบนพื้นบ้านชั้นที่ ๒ ) ผมตรวจพื้นกระดานชั้นล่างใต้จุดที่แสดง ปกติไม่มีอะไร  กลับไปด้วยความงุนงง
              วันต่อมาไปเล่าให้คุณณรงค์ เสวลักษณ์ กับ เสธ.น้อยฯ (นายทหารนักปฏิวัติ) ฟัง สองคนนี่ไม่เชื่ออีกหาว่าผมเหลวไหล ผมเลยต้องพาสองคนนี่ไปหาอาจารย์เสริฐ  ทั้งสองคนก็จะต้องผ่าน ๒ ด่านเช่นเดียวกับที่ผมเจอมา  ต่างก็เป็นงง  คราวนี้อาจารย์เสริฐบอก เสธ.น้อยฯให้เอาพระเลี่ยมกรอบทองซึ่งแขวนสร้อยที่คอออกมา  เสธ.น้อยฯเอาพระส่งให้ เป็นพระสมเด็จฯ  อาจารย์เสริฐเอาพระวางใส่ในแก้วน้ำเปล่าๆไม่มีน้ำ  อาจารย์ถามพระว่า “มีพุทธคุณทางด้านไหนบ้าง  อยู่ยงคงกระพันมีไหม”  พระสมเด็จกระดิกเล็กน้อย  อาจารย์ถามใหม่ “เมตตา มหานิยมมีไหม”  คราวนี้พระสมเด็จกระดิกแรงจนกรอบที่เลี่ยมตีกับข้างถ้วยแก้วดัง “เพี๊ยบๆๆ”ประมาณ ๓ ครั้ง  อาจารย์ถามอีก “บูชาด้วยอะไรจะดี  มะลิดีไหม”  พระสมเด็จกระดิกนิดหน่อย  “หรือบูชาด้วยดอกกุหลาบ”  คราวนี้พระสมเด็จตีกับข้างถ้วยเสียงดังลั่น ๒-๓ ครั้งจนผมกลัวแก้วจะแตก  อาจารย์เสริฐสั่งอีก “เอาให้มันชัดเจนหน่อยซิ”  ทันใดนั้นพระสมเด็จที่อยู่ในแก้วก็ดีดตัวขึ้นไปบนอากาศสูงขึ้นไปเกือบเมตร หมุนควงหลายรอบ  เสธ.น้อยฯต้องรีบกระโดดคว้ารับไว้เพราะกลัวล่วงลงมาแตก  นี่เป็นความมหัศจรรย์ของอาจารย์เสริฐซึ่งป่านนี้ผมก็ยังพิสูจน์ไม่ได้
              ผมไปเล่าให้ใครต่อใครฟังแรกๆก็ไม่เชื่อและขอให้พาไปดู  ผมก็ต้องพาไปอีก  พอพาไปพบคนเหล่านั้นก็กลายเป็นศิษย์อาจารย์เสริฐ ตามไปขอโน่น ขอนี่  อาจารย์เสริฐกลายเป็นที่พึ่งทางใจ  สิ่งที่อาจารย์เสริฐทำสำเร็จได้ผลก็คือเรื่องของความรัก  ทำให้คู่รักได้รักกันและแต่งงานกันไปหลายคู่  ไม่ใช่ดังเฉพาะในเมืองไทย โน่นไปถึงมาเลเซีย สิงคโปร์
              ผมศึกษาและติดตามพฤติกรรมของอาจารย์เสริฐด้วยความฉงนสนเท่ห์  กระทั่งได้พบกับ   พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเศรฐ นายตำรวจนักสร้างภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเพื่อนกับผม ปัจจุบันหันไปเอาดีทางการเมือง  พ.ต.ท.อดุลย์ฯเล่าให้ฟังถึงความมหัศจรรย์พันลึกของอาจารย์เสริฐ บุกป่าเข้าถ้ำพาไปเอาเหล็กไหลที่ถ้ำผาบ่อง จังหวัดเชียงราย  ผจญภัยกับงูยักษ์ลำตัวโตเท่าคนโอบนอนเฝ้าเหล็กไหล  ฟัง พ.ต.ท.อดุลย์เล่าการผจญภัยเหมือนกับนิยายขายดีเรื่อง “เพชรพระอุมา” ของ พนมเทียน  พ.ต.ท.อดุลย์ฯบอกว่าถ้าไม่เชื่อให้ไปถาม พล.ต.ต.เวทย์ เพชรบรมซึ่งไปเอาเหล็กไหลด้วยกัน  ผมไม่ยอมหยุดเพราะต้องการค้นคว้าหาความจริง  ดั้นด้นไปพบ พล.ต.ต.เวทย์ฯซึ่งขณะนั้นรับราชการเป็นผู้บังคับการตำรวจ ๑๙๑ พล.ต.ต.เวทย์ เพชรบรมเล่าเหตุการณ์ตอนประจันหน้ากับงูยักษ์เกล็ดใหญ่เท่าฝ่ามือ  ในตาแดงเหมือนแสงไฟ  พล.ต.ต.เวทย์ฯเล่า “นึกว่าต้องเอาชีวิตไปทิ้ง” แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ สั่งตำรวจ ๑๙๑ สี่นาย พร้อมอาวุธปืน M.16 คนละกระบอกประทับเล็งที่งูยักษ์  หากงูทำอันตรายผู้การเวทย์ฯพลแม่นปืนก็พร้อมลั่นไกสังหารเจ้างูทันที  ติดตามอภินิหารอาจารย์เสริฐ ตอนที่ ๒ “ตามล่าหาเหล็กไหล ผจญงูยักษ์แห่งถ้ำผาบ่อง”




อภินิหารอาจารย์เสริฐ ตอนที่ ๒
มีนาคม 10, 2011 โดย donglahoma
                                              ตามล่าหาเหล็กไหล   ตอน
                                               ผจญงูยักษ์แห่งถ้ำผาบ่อง
              การผจญกับงูยักษ์ที่นำมาเล่านี้ได้มาจากบุคคลที่เชื่อถือและบางคนยังมีชีวิตอยู่  โดยเฉพาะอาจารย์เสริฐเจ้าของตำนานเดี๋ยวนี้ยังพำนักอยู่หลังสถานทูตจีน  บางครั้งอาจารย์เสริฐต้องหลบหนีผู้คนที่ไปรบกวนจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติสุข  ผมเคยตามล่าหาอาจารย์เสริฐโดยลงทุนเช่าเวลาสถานีวิทยุออกอากาศตามหา จึงได้ทราบว่ามีจำนวนมากที่ทราบถึงอภินิหารนี้  ในที่สุดก็ตามได้ หนีไปบวชอยู่ที่วัดดอนยานนาวา  ผมเอาเรื่องไปออกอากาศผู้คนแห่ไปหาที่วัดดอนจนอาจารย์เสริฐต้องหนีอีก  ที่ต้องตามหาอาจารย์เสริฐก็เพราะมีเรื่องต้องไปขอความช่วยเหลือทั้งนั้น  หลายคนประสบความสมหวังจากอาจารย์เสริฐถึงขนาดซื้อบ้านพร้อมที่ดินให้เป็นรางวัลตอบแทน  ส่วนมากเป็นเรื่องคู่ครอง  บางรายอุ้มอาจารย์เสริฐไปทำพิธีกรรมที่บ่อนในมาเก๊า เล่นบาการ่าจนร่ำรวย  แต่สำหรับผมไม่ประสบความสำเร็จ มีเหตุให้ “งอน”กันไปพัก เรื่องอะไรติดตาม
              เรื่องของเหล็กไหลที่ถ้ำผาบ่องผู้ที่จะยืนยันได้คือ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเศรษฐ์ กับคุณมานิตย์อดีตผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งหนึ่งผมจำนามสกุลไม่ได้ ส่วน พล.ต.ต.เวทย์ เพชรบรมท่านเสียชีวิตไปแล้ว  ข้อมูลที่ผมจะเล่าต่อไปนี้จากคำบอกกล่าวของ พล.ต.ต.เวทย์ เพชรบรม ผู้บังคับการตำรวจ ๑๙๑ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๐ ฟังให้จบก่อนนะครับแล้วจะรู้ว่าผมติดตามล่าพิสูจน์หาความจริงในเรื่องนี้เพียงใด  ติดตามไปได้ระยะหนึ่งก็ถอดใจ ไม่ได้ประโยชน์อะไร  ท่านผู้อ่านอาจจะทำต่อจากผมก็ได้
              ผู้การเวทย์ฯเล่า ทราบจากอาจารย์เสริฐฯว่ามีเหล็กไหลอยู่ในถ้ำผาบ่อง จังหวัดเชียงใหม่  สมัยนั้นเมื่อเอ่ยถึง “เหล็กไหล” เป็นความเชื่อของคนบางกลุ่มว่ามันมีอยู่จริงและมีค่ามาก  มีตำนานเรื่องเหล็กไหลเล่าขานกันมาหลายเรื่อง หลายสถานที่  และ ที่มีหลอกต้มตุ๋นกันจนเสียเงินเป็นร้อยๆล้านบาทก็มีเพราะมีคนไปเชื่อว่าเหล็กไหลมีอานุภาพ  อยู่ยงคงกระพัน  มีอภินิหารดลบันดาลให้เกิดอะไรก็ได้  ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เชื่อกันว่าเหล็กไหลมันจะไหลไปเรื่อยๆ ไม่อยู่เป็นที่  เรื่องเหล็กไหลเคลื่อนที่ได้จึงเกิดเป็นตำนานที่หาจุดจบไม่ได้  ดังที่ผมจะเล่าต่อไป
              ผู้การเวทย์ฯมีความต้องการเหล็กไหลเมื่อไปเจอกับ พ.ต.ท.อดุลย์ บุญเศรษฐ์ นักจินตนาการเข้าก็ไปกันใหญ่ และยังมีคุณมานิตย์ฯอดีตนายธนาคารเข้าร่วมจึงเป็นสามเกลอจับมือกันตามล่าหาเหล็กไหล  คณะล่าศึกษาเส้นทางไปเอาเหล็กไหล  เตรียมหาอุปกรณ์ป้องกันหากเกิดภัยอันตราย  ถ้ำผาบ่องอยู่ในป่าลึกต้องลุยป่าปีนเขา  สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือมีงูใหญ่ยักษ์นอนเฝ้าอยู่  อาจารย์ฯรับจัดการกับงูยักษ์ด้วยคาถาอาคม  ส่วนผู้การเวทย์ฯบอกว่าอาคมสู้ปืนไม่ได้จึงได้เตรียมตำรวจ ๑๙๑ จำนวน ๔ นาย พร้อมอาวุธปืน M.16 บรรจุกระสุนเต็มแม็ก  ติดตามผู้การเวทย์เป็นองครักษ์ โดยสั่งไว้ว่าหากงูยักษ์เข้ามาทำร้ายฉกกัดอาวุธ M.16 ทั้งสี่กระบอกต้องระดมกระหน่ำจนหมดกระสุน  ความมีค่าของเหล็กไหลกับเรื่องต้องการพิสูจน์ทำให้คณะตามล่าตัดสินใจ ตายเป็นตาย  ผู้การเวทย์ฯกับตำรวจลูกน้องแต่งเครื่องแบบ  พ.ต.ท.อดุลย์ฯพกปืนรีวอลเวอร์ขนาด. 38 คู่กายไปด้วย  อาจารย์เสริฐฯในชุดนุ่งขาวห่มขาวถือพานธูปเทียน  รวมคณะแล้วประมาณ ๑๐ คน  ระหว่างทางที่เดินลุยป่าทุ่งหญ้าเพื่อบุกเข้าถ้ำผาบ่องผ่านบ้านมีผู้คน  พอชาวบ้านรู้ว่าจะไปถ้ำผาบ่องต่างนั่งลงยกมือไหว้ท่วมหัว ร้องขอ “เจ้าประคุ้น…อย่าไปเลย  มันอันตาย  งูมันใหญ่จริงๆ”  ผู้การเวทย์ฯนึกเสียวสันหลัง สงสัยจะเอาชีวิตไปทิ้ง ต้องเป็นข่าวใหญ่แน่  เมื่อไปถึงถ้ำซึ่งต้องขึ้นเนินเขาไป  มีทางลงเข้าปากถ้ำค่อนข้างแคบ  เมื่อลงไปประมาณ ๓๐ เมตรจะเป็นลานกว้าง  อาจารย์เสริฐฯให้ผู้การเวทย์ฯลงไปกับอาจารย์เพียง ๒ คน ที่เหลือให้ยืนรอที่ปากถ้ำ  จากปากถ้ำมองลงไปยังลานที่จะต้องทำพิธีเรียกเหล็กไหลค่อนข้างมืดสลัว  อาจารย์เสริฐฯสั่งไม่ให้ใช้แสงสว่างเพราะจะทำให้งูตกใจ  ผู้การเวทย์ฯสั่งเสียลูกน้องเป็นครั้งสุดท้าย “ถ้างูทำอะไรผม  พวกคุณยิงได้เลย”  พลแม่นปืนจาก ๑๙๑ เชื่อมั่นในความแม่นยำยืนเปิดระยะห่างประทับปืนเตรียมพร้อม  ก่อนลงไปในถ้ำอาจารย์เสริฐฯให้ผู้การเวทย์ฯถือบาตรพระเอาผ้าแดงคลุมแล้วมัดผ้าอย่างแน่นหนา บอกว่าบาตรนี้จะเป็นที่รองรับเหล็กไหล  ผ้าแดงที่ปิดคลุมเป็นผ้ายันศักดิ์สิทธิ์ห้ามแกะ  เมื่อได้เหล็กไหลมาแล้วจะอยู่ในบาตร์ไม่สามารถจะไหลออกไปได้  ผู้การเวทย์ฯรับบาตรมาเขย่าๆเป็นบาตรเปล่าๆไม่มีอะไรอยู่ภายใน
              อาจารย์เสริฐฯถือพานธูปเทียนเดินนำหน้า  ผู้การเวทย์ฯถือบาตรพระห่อด้วยผ้ายันสีแดงเดินตามลงไปในถ้ำ  คณะผู้ติดตามรออยู่ปากถ้ำด้วยใจระทึก  อีกไม่กี่นาทีอะไรจะเกิด  ไม่อาจารย์เสริฐฯหน้าแตกก็ผู้การเวทย์โดนงูขบตาย  เมื่อไปถึงลานพักในถ้ำอาจารย์เสริฐฯจุดธูปกำใหญ่ปักที่พื้นแล้วบริกรรมคาถาเป็นภาษาเขมร  ผู้การเวทย์บอกว่าขนลุกซู่เลยเพราะมีลมจากในถ้ำเป็นลมเย็นๆปะทะออกมา  ธูปที่จุดไว้โดนกระแสลมทำให้ลุกสว่างแดงโชน  ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเหมือนมีสิ่งเคลื่อนที่ออกมาจากในถ้ำ  ผู้การเวทย์เพ่งสายตามองตามเสียง  เสียงดังใกล้เข้ามาๆๆ มองเห็นเป็นลำตัวงูยักษ์ดำมะเมื่อม มีเกล็ดมันปราบ ลำตัวโตเท่ากระบุง(ผู้การเวทย์ใช้คำพูดนี้จริงๆ)  คำว่า “กระบุง” ก็คือภาชนะใส่ของๆคนชนบท มีความโตขนาดเล็กกว่าคนโอบ เส้นผ่าศูนย์กลางคงประมาณ ๑ ฟุตกว่าๆ  นัยตางูยักษ์สองข้างสีแดงเพลิงโตขนาดฝ่ามือ  งูยักษ์เลื้อยมาใกล้ๆจนลมเข้ามาปะทะ  ผู้การเวทย์นึกในใจ เป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่ “นายพลตำรวจถูกงูกัดตาย”  อาจารย์ร่ายคาถาเป็นภาษาเขมรดังขึ้นๆพร้อมสั่งผู้การเวทย์ “ชูบาตรขึ้นๆ”  ผู้การเวทย์ทำตามที่อาจารย์สั่งพร้อมหลับตาปี๋เพราะงูยักษ์ประชิดตัวแล้ว  คราวนี้อาจารย์เสริฐเปลี่ยนเป็นออกคำสั่งชัดเจนด้วยถ้อยคำภาษาไทย
              “ผู้การเวทย์ต้องการเหล็กไหลเพื่อไปแจกจ่ายลูกน้องติดตัว ให้แคล้วคลาดจากภยันตรายในการรักษาความสงบเรียบร้อยบ้านเมือง” สิ้นคำพูดทุกอย่างเงียบเฉย  งูยักษ์ยังอยู่ข้างหน้าในระยะห่างไม่ถึงเมตร ชูหัวแผ่แม่เบี้ยสูงขึ้นไปเป็นวา
              อาจารย์เสริฐเปลี่ยนคำพูดใหม่ “ผู้การเวทย์ต้องการเอาเหล็กไหลไปขาย  เอาเงินไปทำนุบำรุงบ้านเมือง”  สิ้นคำพูดลมเย็นเข้ามาปะทะจนผู้การเวทย์ต้องลืมตาขึ้น เห็นกลุ่มธูปไฟแดงโชนเนื่องจากโดนลม  อาจารย์เสริฐสั่งผู้การเวทย์ “ชูบาตรขึ้นสูงๆๆ”  ผู้การทำตาม  ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงสิ่งของเป็นโลหะมีน้ำหนักล่วงสู่ก้นบาตรดัง “แคล๊ง”  มีความรู้สึกว่างูยักษ์กำลังเคลื่อนตัวกลับเข้าถ้ำไป  อาจารย์เสริฐบอกว่างูยักษ์คายเหล็กไหลออกมาจากปากให้  ผู้การเวทย์เขย่าบาตรอย่างแรง น่าอัศจรรย์มีวัตถุผ่านผ้าแดงที่มัดคลุมเข้าไปได้อย่างไร  เสียงดังแคล๊งๆแสดงว่าเหล็กไหลยังอยู่  อาจารย์เสริฐสั่งห้ามเปิดผ้ายันเด็ดขาดมิฉะนั้นเหล็กไหลจะหายไป  คณะก็เพียงรับรู้ว่ามีโลหะอะไรสักอย่างอยู่ในบาตรแต่มองไม่เห็นว่าเป็นอะไรแน่ (ที่ผมบอกตอนแรกว่าเหล็กไหลมันไหลได้  มันจึงเกิดตำนานเล่าขาน ไม่รู้เรื่องจริงหรือหรอก  ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์ด้วยผมต้องเอาไป X-RAY แน่นอน)
              เป็นอันว่าผู้การเวทย์รอดตาย  คณะพากันเดินออกมาพ้นปากถ้ำ พ.ต.ท.อดุลย์ฯไวกว่าเพื่อนเอาบาตรวางกับพื้นหยิบปืนพกรีวอลเวอร์ขนาด.๓๘ ออกมายิงไปที่บาตรดังกล่าวทันที  กระสุนด้านยิงไม่ออก  ทุกคนเฮ (ทำไมไม่เอา M.16 กดเข้าไปสักชุดให้มันรู้เรื่องรู้ราวไปเลย) ผมไม่ได้พูดปดมดเท็จว่าไปตาม พ.ต.ท.อดุลย์เล่า  ตอนนี้เจ้าตัว(พ.ต.ท.อดุลย์)ก็ยังอยู่ที่จังหวัดพิจิตร ใกล้เลือกตั้งแล้วใครเจออย่าลืมถามเรื่องนี้ด้วยนะครับ
              คณะติดตามหาเหล็กไหลพากันเดินทางกลับ  เหล็กไหลอยู่ในบาตรพระมีผ้ายันสีแดงผูกมัดมองไม่เห็น  สัมผัสได้เพียงเขย่าบาตรแล้วมีเสียง  แล้วมันจะแบ่งกันยังไง ใครๆก็อยากได้โดยเฉพาะ ๓ ท่าน ๑ พล.ต.ต.เวทย์  ๒ พ.ต.ท.อดุลย์  ๓  คุณมานิตย์   จะเปิดผ้าแดงเอาเหล็กไหลออกมาเฉาะก็ไม่ได้เพราะมันจะไหลหายไปทันที  ปัญหาเรื่องแบ่งเหล็กไหลหมดไปโดยอาจารย์เสริฐบอกว่า “ต้องแบ่งด้วยอาคม”   อาจารย์เสริฐสั่งให้คนช่วยกันหาลูกมะพร้าวซึ่งมีตาเดียว (มะพร้าวตาเดียวหายากมากเพราะส่วนมากที่มีอยู่จะเป็น ๓ ตา)  ต้องหาลูกมะพร้าวตาเดียวมาให้ได้ ๓ ลูกแล้วอาจารย์เสริฐถึงจะใช้อาคมแบ่งเหล็กไหลเป็น ๓ ชิ้นเก็บไว้ในลูกมะพร้าว
              ผมเกิดอาการลุ้นหนัก  มันจะหามะพร้าวตาเดียวที่ไหน  เมื่อได้มะพร้าวแล้วมันจะแบ่งกันยังไง จับต้องก็ไม่ได้เพราะมันจะไหลหายไปทันที  ตอนนี้คณะตามล่าหาเหล็กไหลหยุดพักเรื่องเหล็กไว้ก่อน  ต้องแบ่งกำลังไปหามะพร้าวตาเดียวก่อน
              ระหว่างรอมะพร้าวตาเดียวจะทำอะไรกับเหล็กไหลดี  พ.ต.ท.อดุลย์บอกว่าถ้าศักดิ์สิทธิ์จริง  สั่งอะไรก็ได้ ลองเอาไปสะกดลูกเหล็กที่ใช้ปั่นรูเลทดูจะเป็นยังไง  การเปิดบ่อนเถื่อนก็เกิดขึ้น  ท่านผู้อ่านที่อายุรุ่นเดียวกับผมคงจะได้ยินเรื่องมีคนเอาเรือสัญชาติรัสเซียมาลอยลำแล้วเปิดคาสิโนในเรือ  นี่แหละผลงานเจ้านี้เขาละ  ไม่สำเร็จอีก เหล็กไหลสั่งลูกเหล็กให้ไปตกในช่องตัวเลขที่ต้องการแทงไม่ได้  วิธีการก็คือให้อาจารย์เสริฐอุ้มบาตรเหล็กไหลอยู่ใกล้ห้องพนันรูเลทแล้วบริกรรมคาถา  ออกคำสั่งด้วยอาคมบังคับลูกเหล็กกลิ้งไปตกตามตัวเลขที่ต้องการ  ผลปรากฏทำไม่ได้ คณะตามล่าเหล็กไหลเจ๊งกันเป็นแถว  อาจารย์เสริฐโดนซักฟอกหนักเรื่องประสิทธิภาพเหล็กไหล  อาจารย์เสริฐรอดตัวอีกบอกว่า “เรือมันไม่ค่อยหยุดนิ่ง มันไหวได้ ไม่มีสมาธิบังคับลูกเหล็ก”  ไปได้อีกนะอาจารย์  อย่ากระนั้นเลยอาจารย์เสริฐขอเอาเหล็กไหลไปเก็บรักษาไว้ก่อน ห้ามใครยุ่ง  เมื่อแบ่งกันแล้วใครจะเอาไปทำอะไรก็เป็นเรื่องของคนนั้น
              ติดตามตอนต่อนะครับ  จะแบ่งเหล็กไหลกันได้ไหม  เหล็กไหลบันดาลให้เกิดอภินิหารอะไรบ้าง หรือเป็นเรื่องหลอกลวง  แล้วเดี๋ยวนี้เหล็กไหลไปอยู่ที่ไหน  ไม่ใช่ผมงมงายนะครับ ผมรู้อะไรต้องพิสูจน์  เมื่ออ้างถึงใครผมต้องไปสอบถามเพื่อหาความจริง  เล่าให้ลูกเมียฟังเขาว่าผมบ้า  ลูกผม อัษฎา อาทรไผท นักเรียนนอกคนสมัยใหม่บอกให้ผมเอาอาจารย์เสริฐไปออกรายการ “ตีสิบ”ของคุณวิทวัส  เอ..ถ้าจะดีเหมือนกัน  ยังไม่ต้องไปถึงรายการ “ตีสิบ”หรอกครับ  แค่ท่านตามผมไปพิสูจน์ก็พอจะวินิจฉัยได้ มันเป็นอะไรกันแน่  ติดตามตอนต่อไป “เหล็กไหลบุกมาเก๊า”



บันทึกการเข้า
keng2516 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 136
ออฟไลน์

กระทู้: 497


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 10, 2011, 01:35:47 PM »

อภินิหารอาจารย์เสริฐฯ (ตอนที่ ๓) เหล็กไหลบุกมาเก๊าท์
มีนาคม 29, 2011 โดย donglahoma
              หลายๆคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับอภินิหารของเหล็กไหล ส่วนมากเล่าต่อกันมาจริงเท็จไม่รู้  ผู้ที่ใกล้ชิดเหตุการณ์คือบุคคลที่ผมได้กล่าวถึงในอภินิหารอาจารย์เสริฐ ตอนที่ ๑, ๒ บางคนได้เสียชีวิตไปแล้ว บางคนยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่มีใครได้สัมผัสหรือเห็นสภาพจริงๆของเหล็กไหล  ส่วนมากจะมีภาชนะหุ้มห่อ  ผู้ที่เป็นต้นตอความลับนี้ก็คือ “อาจารย์เสริฐ”  ผมไม่เชื่ออะไรง่ายๆถ้าไม่ได้เห็นกับตา  จึงต้องตามพิสูจน์หาความจริง
              อีกบุคคลหนึ่งที่ผมได้ติดตามหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์ความจริง คือ  คุณสุทธิพร และคุณนวลตา  กรรณสูต สามีภรรยา  คุณสุทธิพรฯเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของบริษัทการบินไทย  ตอนที่ผมรู้จักคุณสุทธิพรฯเป็นหัวหน้าเขตพื้นที่โซนเอเชีย  ผมมีโอกาสพบคุณสุทธิพรและคุณนวลตาฯ  ทั้งสองท่านรู้จักอาจารย์เสริฐฯดี  เคยพาไปเอาเหล็กไหลที่ถ้ำผาบ่องแต่เอามาไม่ได้  คุณสุทธิพรฯไปกับคุณนวลตาฯ  คุณสุทธิพรฯเข้าไปในถ้ำกับอาจารย์เสริฐฯ ยืนยันว่าเห็นงูตัวใหญ่มากเพียงเลื้อยผ่านเข้ามาในระยะใกล้  งูมีเกล็ดใหญ่เท่าฝ่ามือ เกล็ดงูได้บาดที่ลำตัวคุณสุทธิพรฯจนปรากฏเป็นรอย (ผมเริ่มสงสัยว่างูทำไมมีเกล็ด และเกล็ดแข็งถึงกับบาดลำตัวเป็นรอยได้ไง)  ผมไม่ได้ซักอะไรคุณสุทธิพรฯมากนักเพราะผมรู้จักอาจารย์เสริฐฯดีอยู่แล้ว  ต้องตามหาความจริงให้ได้ (ปัจจุบันคุณนวลตาถึงแก่กรรม  ส่วนคุณสุทธิพรฯป่วยโรคหลอดเลือดสมองแตก ไม่สามารถพูดจาได้)
              ย้อนมาถึงเรื่องการแบ่งเหล็กไหล  ในที่สุดก็สามารถหามะพร้าวซึ่งมีตาเดียวมาได้ ๓ ใบ  นำผลมะพร้าวมาสดๆไม่ต้องปอกเปลือก  อาจารย์เสริฐฯทำพิธีแบ่งเหล็กไหลด้วยอาคม  นำบาตรที่ผูกผ้าแดงวางแล้วเอามะพร้าว ๓ ลูกวางใกล้  เขย่าบาตรยังได้ยินเสียงโลหะกลิ้งไปมา  ขณะทำพิธีทีมงานที่เดินทางไปเอาเหล็กไหลจากถ้ำผาบ่องคอยจ้องดูไม่กระพริบตา  อาจารย์เสริฐฯร่ายคาถาเป็นภาษาเขมรนานหลายนาทีแล้วเป่าไปที่บาตรผูกผ้าแดง  อาจารย์เสริฐฯตบมือ ๑ ครั้งเป็นสัญญาณบอกว่าเสร็จพิธี  ผู้ร่วมพิธีเขย่าบาตรเสียงวัตถุในบาตรหายไป  แต่เมื่อไปเขย่ามะพร้าวทั้ง ๓ ลูกจะมีเสียงเหมือนมีของแข็งอยู่ภายในซึ่งก่อนทำพิธีจะไม่มี  พล.ต.ต.เวทย์ฯ พ.ต.ท.อดุลย์ฯและคุณมานิตย์ฯเอามะพร้าวบรรจุเหล็กไหลไปคนละลูก  อาจารย์ฯเสริฐฯมีวิธีการที่แยบยลซึ่งวิธีนี้ทำให้ไม่มีใครได้เห็นเหล็กไหล  ถ้าจะผ่ามะพร้าวออกมาดูอย่าลืมนะครับอาจารย์เสริฐฯย้ำนักย้ำหนาว่า เมื่อไม่มีภาชนะหุ้มห่อเหล็กไหลจะหายไปทันที  ทั้งสามคนก็ได้นำเหล็กไหลกลับไป
              ผมติดตามเหล็กไหลของ พล.ต.ต.เวทย์ฯว่าไปอยู่ที่ใด  ได้ความว่ามีคณะบุคคลพาอาจารย์เสริฐฯนำเหล็กไหลบุกคาสิโนที่มาเก๊าท์  จุดประสงค์เพื่อสะกดลูกเหล็กที่หมุนอยู่ในวงล้อรูเลตให้ตกลงในช่องที่ต้องการ  โดยทีมงานนั่งประจำที่โต๊ะรูเลตเตรียมแทงเชื่อว่าอำนาจของเหล็กไหลโดยการใช้อาคมบังคับของอาจารย์เสริฐฯจะสามารถสั่งให้ลูกเหล็กในวงล้อไปตกในช่องที่ทีมงานวางเงินพนัน  ทีมงานนั่งประจำโต๊ะเรียบร้อยโดยทางเจ้าหน้าบ่อนคาสิโนไม่ทราบว่ามีการวางแผนที่จะใช้ใช้เวทย์มนต์เพื่อโกงบ่อน  ถึงตอนที่อาจารย์เสริฐฯจะต้องทำพิธี  อาจารย์เสริฐฯอุ้มลูกมะพร้าวเหล็กไหลเอาผ้าคลุมไหล่บังเดินวนรอบโต๊ะรูเลต ๓ รอบพร้อมกับบริกรรมคาถาเป็นภาษาเขมรเบาๆ  การกระทำของอาจารย์เสริฐฯไปรอดพ้นจากสายตาเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของบ่อน  ก่อนที่อาจารย์เสริฐฯจะเดินครบ ๓ รอบก็ถูก รปภ.ของบ่อนคุมตัวไปสอบ  พบลูกมะพร้าวเหล็กไหลสอบถามอาจารย์เสริฐฯว่ามันคืออะไรและทำไมต้องอุ้มเดินวนรอบโต๊ะรูเลต  ถ้าพูดความจริงต้องเป็นเรื่องแน่เพราะเท่ากับวางแผนโกงบ่อน  อาจารย์เสริฐฯก็เลยบอกไปว่าเป็นลูกมะพร้าวธรรมดา  ที่นำมาเดินวนก็เป็นเรื่องความเชื่อไสยศาสตร์  ชาวต่างประเทศไม่เชื่อไสยศาสตร์อยู่แล้วและเคยเห็นคนไทยพยายามในเรื่องเช่นนี้บ่อยครั้ง  รปภ.ปล่อยตัวอาจารย์เสริฐฯไปแต่ยึดลูกมะพร้าวไว้โดยไม่ทราบว่ามีเหล็กไหลอยู่ภายใน  คณะเดินทางเลิกล้มเล่นการพนันรีบปลีกตัวออกจากบ่อนแล้วเดินทางกลับ  ขืนชักช้าอาจติดคุก  จนกระทั่งบัดนี้ไม่มีใครกล้าไปติดตามทวงถามเอาลูกมะพร้าวเหล็กไหลคืนจากบ่อนที่มาเก๊าท์
              ผมฟังแล้วเหมือนเรื่องนิยายตลก  ไม่ได้ติดตามว่าเหล็กไหลที่เหลืออยู่กับบุคคลอีก ๒ คนจะเป็นไปอย่างไร  ยังอยู่หรือไม่  ถึงคราวที่ผมจะต้องเช็คบิลกับอาจารย์เสริฐฯโดยตรง  ติดตามตอนต่อไป “ลองของอาจารย์เสริฐฯ”



อภินิหารอาจารย์เสริฐฯ ตอนที่ ๔ “ลองของ”
เมษายน 3, 2011 โดย donglahoma
              ผมบอกแล้วว่าไม่เชื่ออะไรที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์และอะไรที่พิสูจน์ไม่ได้  ทำไมผมต้องไปยุ่งเรื่องอาจารย์เสริฐฯ  ก็เพราะพรรคพวกผมชื่อ “เสี่ยกอ”(คุณกิติฯ)โฆษณาสรรพคุณว่าอาจารย์เสริฐฯสามารถสั่งให้ “พระเครื่อง”บินได้  ทันทีที่รู้ก็ไปพิสูจน์กันวันนั้นเลย  เสี่ยกอฯพาผมไปที่บ้านอาจารย์เสริฐฯหลังสถานฑูตจีน  อาจารย์เสริฐฯอยู่บ้าน  ไม่ง่ายนักที่อาจารย์เสริฐฯจะว่างลูกค้า  วันนั้นว่างพอดี  บอกตรงๆเลยว่าผมไม่เชื่อ  สิ่งแรกที่อาจารย์เสริฐฯให้ทดลองก็คือการหยิบไพ่  ไพ่ของอาจารย์เสริฐฯใบใหญ่มากโตเท่าฝ่ามือและครบสำรับ  ให้ผมสับไพ่ด้วยตนเอง  อาจารย์เสริฐฯคลี่ไพ่วางเรียงกับพื้นแล้วให้ผมหยิบขึ้นมา ๑ ใบ  ผมหยิบทีไรก็ได้ไพ่ตัวเดิม  หยิบถึง ๕ ครั้ง  ตรวจสอบไพ่ทั้งสำรับก็ไม่พบว่ามีซ้ำกัน  การเล่นกลผมก็มีความถนัดรู้ดีว่าต้องมีอุปกรณ์  แต่ไพ่ของอาจารย์เสริฐฯจับมาพิจารณาดูทีละแผ่นก็ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ  ตอนนั้นบ้านอาจารย์เสริฐฯยังเป็นบ้านพื้นไม้กระดานสองชั้น  เลือกไพ่กันที่ชั้นล่าง  ต่อไปอาจารย์เสริฐฯพาขึ้นไปชั้นบน  เป็นห้องพระ มีทั้งพระและเทวะรูปปางต่างๆมากมาย ฉากหลังเป็นผ้าสีแดง ไฟก็ใช้โทนสีแดงผสมแสงสว่างจากเทียน  กลิ่นธูปซึ่งจุดเป็นกำโชยเข้าจมูก  บรรยากาศน่าขนลุก  อาจารย์เสริฐฯเรียกเจ้า “หนุมาน”(กะโหลกค่าง)  เจ้าหนุมานพยักหน้าหงึกๆ  อาจารย์เสริฐฯสั่งให้ “หนุมาน”ตีลังกาโชว์  ทันใดนั้นเจ้าหัวกะโหลกค่างก็สปริงตัวสูงแล้วหมุนควงประมาณ ๒ รอบตกบนพื้นพรม(ปูพื้นห้องด้วยพรมสีแดง)  สั่งให้ “งู”(แท่งดินสอดำ)วิ่งไปกัด “หนุมาน”  สิ้นสั่ง ดินสอดำที่วางราบอยู่กับพื้นก็ไถลไปหาหัวกะโหลกค่างอย่างรวดเร็ว  ผมงง มันเป็นได้ยังไง  หยิบหัวกะโหลกค่าง หยิบดินสอขึ้นดูก็ปกติไม่มีกลไกอะไร  ต่อไปอยากลองเรื่องพระ  ผมมีพระสมเด็จบางขุนพรหมเลี่ยมทองอยู่ ๑ องค์ แกะออกจากสร้อยคอส่งให้อาจารย์เสริฐฯ  นำใส่แก้วเปล่าวางอยู่พื้นตรงหน้า  อาจารย์เสริฐฯป้อนคำถามยังพระเครื่อง  ส่วนมากจะเป็นคำถาม จะให้บูชาด้วยอะไรถึงจะดี  มีพุทธคุณทางไหน  ถ้าพระเครื่องถูกใจก็จะกระดกขึ้นจนกรอบองค์พระตีข้างแก้วดังเพี๊ยะๆแทนคำตอบ  ไม่ถูกใจก็จะนิ่งอยู่เฉยๆ  คำถามสุดท้ายอาจารย์จะบอกกับพระว่า “เอาให้เห็นชัดๆหน่อย”  ทันใดนั้นพระเครื่องที่อยู่ในแก้วก็กระโดดลอยพลิกตัวกลางอากาศหลายรอบ  ผมต้องรีบตะครุบรับไว้กลัวตกพื้นแตก  วันแรกกลับไปด้วยความงุนงง
               ผมไปพบอาจารย์เสริฐฯอีกหลายครั้งเนื่องจากไปเล่าให้ใครๆฟังทุกคนอยากจะลอง  ผู้ที่ผมพาไปมี ๑ คุณณรงค์ เสาวลักษ์ (ปัจจุบันบริหารรีสอร์ทอยู่ที่โป่งแยง จังหวัดเชียงใหม่)  เสธฯน้อยชื่อจริงจำไม่ได้(นายทหารนักปฏิวัติปัจจุบันเกษียรแล้วในยศพลเอก) รวมทั้ง “อาอี๊”ที่เปิดร้านขายอาหารซีฟู๊ดแถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ก็ไป  ทุกคนต่างได้รับประสบการณ์เช่นเดียวกับผม
              เรื่องของอาจารย์เสริฐฯพูดคุยกันทุกครั้งเมื่อมีการร่วมวงสนทนาในกลุ่มเพื่อนฝูงว่า “เล่นกล”หรือ”ไสยศาสตร์” จนต้องมีการพิสูจน์กัน  ครั้งแรกผมไปกับคุณชินฯ คุณณรงค์ฯ  ผมเอาแม่เหล็กแท่งยาวประมาณ ๒ นิ้วฟุตมัดติดข้อมือ สวมเสื้อแขนยาวปิดทับ  พากันไปที่บ้านอาจารย์เสริฐฯขอดูหัวกะโหลกค่าง  อาจารย์ฯก็คงรู้ว่าพวกเราไปจับผิดแต่ก็ยอมทำให้ดูเพราะรู้ว่าผมเป็นตำรวจ  เอาแม่เหล็กจับที่หัวกะโหลกก็ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น  ตรวจดูที่พื้นกระดานบ้านก็ไม่พบกลไกอะไร  ยังงงอยู่จนถึงทุกวันนี้
              ต่อมามีคดีทุจริตเกิดขึ้นที่ธนาคารกรุงเทพฯเงินในความรับผิดชอบของพนักงานหายไปหลายล้าน  ผู้เกี่ยวข้องและเป็นที่น่าสงสัยมีด้วยกัน ๔ คน  ผมรับผิดชอบคดีเรียกสอบสวนแล้วไม่พบพิรุธ  นึกถึงอาจารย์เสริฐฯเคยบอกว่าถ้าอยากจะรู้เรื่องอะไรให้ถามได้ ๓ ข้อ “วิญญาณ” จะตอบให้  เข้าทางเลยจะลองใช้บริการของอาจารย์เสริฐฯถ้า “วิญญาณ”บอกได้ถูกต้องผมดังแน่  ผมกับคุณชินฯ คุณณรงค์ฯทีมลองของพากันไปที่บ้านอาจารย์เสริฐฯ  อาจารย์ฯสั่งให้เขียนคำถามลงในแผ่นทองแดงบางๆไม่เกิน ๓ คำถาม แล้วม้วนให้แน่น เอาแผ่นทองแดงใส่ในคนโท เอาน้ำแช่ ปิดปากคนโทให้แน่น  นัดวันมาทำพิธี  กลับไปเตรียมสิ่งของอยู่หลายวัน  ในใจอยากจะรู้เรื่องคดีถ้างานนี้สำเร็จผมจะต้องก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  อีกใจหนึ่งคิดว่าถึงเวลาที่จะ “ลองของ” อาจารย์ซะที  ทีมงานปรึกษากันต้องเตรียมของให้มันยุ่งยากถ้าหากอาจารย์เสริฐฯจะเล่นกล  แต่ถ้าเป็นเรื่องวิญญาณจริงก็ไม่น่าจะเป็นอะไร  หาซื้อคนโทใส่น้ำซึ่งเป็นคนโทดินของเชียงใหม่  ท่านผู้อ่านคงนึกภาพออก  ด้านล่างของคนโทป่องๆสำหรับใส่น้ำ ปากคนโทเป็นคอเล็กๆสูงขึ้นไปประมาณคืบมีจุกปิด (มีขายที่เชียงใหม่และตลาดจตุจักร)  ลงทุนสั่งกลึงแผ่นทองแดงบางๆโตสองฝ่ามือ  ใช้เหล็กแหลมเขียนคำถาม ๓ ข้อลงไป ไม่ลืมที่จะเว้นที่ว่างไว้สำหรับคำตอบ  เสร็จแล้วม้วนแผ่นทองแดงจนแน่นเล็กประมาณนิ้วก้อยใส่คนโทได้พอดี  เอาน้ำใส่คนโทจนเต็มแล้วปิดจุกแน่น นำไปพบอาจารย์เสริฐฯ  คราวนี้อาจารย์เสริฐฯถ้าไม่ใช่จริงเสร็จผมแน่  ทีมลองของคณะเดิมไปด้วยกันทั้งหมด  อาจารย์เสริฐฯนัดให้ไปกลางคืน  ผมและคณะถึงบ้านอาจารย์เสริฐฯประมาณ ๒ ทุ่ม  อาจารย์ฯให้ผมนำคนโทขึ้นไปทำพิธีข้างบนส่วนเพื่อนอีก ๒ คนนั่งคอยข้างล่าง  อาจารย์เสริฐฯท่องอาคมเป็นภาษาเขมรผมนั่งพนมมือฟังแบบไม่รู้เรื่อง  อาจารย์จุดเทียนทำน้ำมนต์  มีตอนหนึ่งที่อาจารย์เสริฐฯสั่งให้ผมนำน้ำมนต์ไปรดโคนต้นมะยมซึ่งปลูกอยู่หน้าบ้านแล้วให้ผมนั่งดูอย่าให้แมวเดินผ่าน  อาจารย์กำชับว่ามันมีแมวสีดำอยู่ตัวหนึ่งอย่าให้มันเดินผ่านบริเวณที่เทน้ำมนต์เด็ดขาดไม่งั้นพิธีเสีย  สั่งให้ผมเฝ้าดู ๑๐ นาที  ผมปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด  ในใจคิดว่าน้ำมนต์ที่เอาไปเทโคนต้นมะยมคงเป็นการเรียกวิญญาณและวิญญาณคงจะกลัวแมวดำ  ดูนาฬิกาครบ ๑๐ นาทีแล้วรีบกลับขึ้นไป  อาจารย์เสริฐฯยังคงร่ายเป็นภาษาเขมรอยู่  สักพักก็หยุดแล้วส่งคนโทให้ผม  สั่งว่า “เอาไปบูชาในห้องพระ ครบ ๗ วันจึงเปิด  จะมีคำตอบอยู่ในนั้น”  คณะเดินทางกลับ ระหว่างทางชาวคณะซักถามผมว่าต้องไปทำพิธีอะไรบ้าง  ผมบอกว่าอาจารย์เสกคาถาอาคมแล้วสั่งให้ผมลงไปเฝ้าที่ต้นมะยมอย่าให้แมวดำวิ่งผ่านจะเสียพิธีและอาจารย์สั่งให้เก็บคนโทไว้ ๗ วันจึงค่อยเปิดอ่าน  ถึงตอนนี้เองคณะเราต้องหยุดรถทะเลาะกัน  คุณณรงค์ฯบอกว่าต้องเก็บไว้ ๗ วันถึงเปิดดูถ้าเปิดก่อนนั้นก็จะไม่เห็นคำตอบ  คุณชินฯแย้ง “ต้องเปิดเดี๋ยวนี้เลย หากพบว่าไม่มีคำตอบ ใส่กลับเข้าไปใหม่ครบ ๗ วันเปิดแล้วถ้ามีคำตอบ จะกลับไปกราบตีนอาจารย์เสริฐฯ”  คำแนะนำของคุณชินฯมีเหตุผลดี ในที่สุดคณะเราเปิดดูกัน  เทแผ่นทองแดงออกจากคนโท  แผ่นทองแดงยังม้วนอยู่แน่นกว่าเก่า  คลี่แผ่นทองแดงออกมามีคำตอบเป็นภาษาไทยชัดเจนทั้ง ๓ ข้อ  เขียนด้วยเหล็กแหลมลายมือสวยมาก  สำหรับคำถามที่ผมอยากทราบเกี่ยวกับผู้กระทำผิดโกงธนาคารมีคำตอบว่า “วิญญาณไม่สามารถตอบได้” โดยอ้างว่าผิดอะไรสักอย่างซึ่งผมจำไม่ได้  ส่วนคำถามข้ออื่นๆก็เป็นคำตอบแบบกลางๆเหมือนหมอดูทั่วไป
              คำตอบจะถูกจะผิด ตอบได้ ไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ  มันตรงตามเหตุผลของคุณชินฯ  ถ้าเปิดดูตอนนี้แล้วไม่มี ครบ ๗ วันแล้วมี ถึงจะของแน่  แต่นี่มันมีอยู่แต่แรกเลย อาจารย์ต้องเล่นกลแน่  คณะเราทบทวนอยู่จนกลางดึก พบข้อพิรุธ
         ๑ ทำไมผมจึงต้องขึ้นไปทำพิธีคนเดียว  คนอื่นนั่งคอยข้างล่าง (เพื่อให้ปลอดคน สะดวกในการที่จะทำอะไรสักอย่างในช่วงที่ผมไม่ได้อยู่ด้วย เช่น ใช้เวลาเขียนคำตอบลงในแผ่นทองแดง)
         ๒ ทำไมผมต้องไปนั่งเฝ้าที่ต้นมะยม คอยไล่แมวดำที่จะมาทำลายพิธีเป็นเวลาถึง ๑๐ นาที  ทำไมไม่ใช้เพื่อนผมซึ่งนั่งอยู่เฉยๆถึง ๒ คน (อาจารย์คงต้องการให้ปลอดคนและใช้เวลาตอนนี้ในการเขียนคำตอบ)
              แบบนี้เป็นการเล่นกลแน่  เสียเวลาเปล่า  ทันใดนั้นคนโทพร้อมแผ่นทองแดงก็ลอยไปอยู่ในคูน้ำข้างถนน  เสียดายน่าจะเอาลายมือในแผ่นทองแดงไปตรวจเปรียบกับลายมืออาจารย์เสริฐฯ  ผมไม่รู้ว่าจะเอาชนะไปทำไมแค่รู้ว่าโดนหลอกก็พอแล้ว  แต่เรื่องกะโหลกค่างตีลังกา  พระกระโดดออกจากแก้ว ยังพิสูจน์ไม่ได้
              ผมไม่ได้ไปพบอาจารย์เสริฐฯนานกว่า ๑๐ ปี  อาจารย์เสริฐฯก็ไม่เคยติดต่อผม ก็คงจะรู้ว่าผมโกรธจึงหายเงียบไป  แต่ผมต้องย้อนกลับไปหาอาจารย์เสริฐฯอีกครั้งและได้พบกับความเหลือเชื่ออีก  ติดตามตอนที่ ๕















บันทึกการเข้า
keng2516 รักในหลวง
Full Member
***

คะแนน 136
ออฟไลน์

กระทู้: 497


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 10, 2011, 01:39:48 PM »

เนื้อหายาวหน่อยนะครับ
แต่สำหรับผมอ่านแล้วเพลินดี
ในเว็บนี้ยังมีอะไรดีๆให้อ่านอีกเยอะ

เจ้าของเว็บและผู้เขียน พล.ต.ต อังกูร  อาทรไผท
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.119 วินาที กับ 21 คำสั่ง