เนื้อหาการประชุมในวันที่ 18 สค. 2554
มี 3 เรื่องหลักๆ แต่จะขอพูดเพียง 2 เรื่องซึ่งเกียวข้องการปืนไรเฟิล และ กล้องเล็ง อีกเรื่องเกี่ยวกับงานทะเบียนปืนครับ
เรื่องปืนไรเฟิล ในกลุ่มร้านค้าปืน ไม่เห็นด้วยที่จะมีการจำกัดการนำเข้า หรือ ขออนุญาตให้ซื้อหรือรับโอน เพราะ การขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนไรเฟิลยากลำบากอยู่แล้ว จึงอยากให้สามารถนำเข้าได้ จำหน่ายได้ ครอบครองได้
มีหลายประเด็นที่เจ้าหน้าที่ไม่มีความรู้เรื่องปืนไรเฟิลและกล้องเล็งเลย ซึ่งก็ได้มีตัวแทนร้านปืน อธิบายและชี้แจ้งในเรื่องต่างๆเช่น
1. การพาอาวุธปืนไรเฟิลไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีความใหญ่ การที่ใครคิดจะยิงใครแล้วแบกปืนไรเฟิลไปยิงเป็นเรื่องที่ยากเพราะ เป็นที่สังเกตได้ง่าย
2. การยิงปืนไรเฟิลเป็นเรื่องที่ต้องผ่านการฝึกฝนโดยเฉพาะการยิงระยะเกิน 400 หลา ต้องเป็นผู้มีความชำนาญ มีเรื่องระยะยิงที่แน่นอน กระแสลม อุณหภูมิ ความชื้น ซึ่งไม่ใช่ใครจะสามารถยิงได้
3. การขออนุญาตเพื่อขอซื้อปืนไรเฟิล เป็นเรื่องที่นายทะเบียนเข้มงวดอยู่แล้วจึงเห็นว่า มาตราการที่เข้มงวดในการขออนุญาตเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในปัจจุบันอยู่แล้ว
4. ปืนไรเฟิลกับกล้อง ถ้าไม่ใช่เจ้าของปืน ไม่สามารถหยิบมาแล้วสามารถยิงได้อย่างแม่นยำเลย เพราะ การตั้งกล้องของปืนแต่ละกระบอกขึ้นอยู่กับเจ้าของปืนเท่านั้นที่ทราบ ตั้งระยะไว้ 200 หลา จะยิง 100 หลา ต้องปรับเท่าไร เจ้าของปืนเท่านั้นถึงทราบ
แนวที่ห้ามนำเข้า แต่อนุญาตให้ปืนที่มีอยู่สามารถเปลี่ยนมือแล้วหมุนเวียนในตลาดได้ ทางร้านปืนก็ไม่เห็นด้วยครับ
ในประเด็นเรื่องกล้องเล็ง เป็นสิ่งที่ฝ่ายทหารเป็นผู้คิด และ ให้ฝ่ายปกครองเป็นผู้ดำเนินการในฐานะผู้กำกับดูแลพรบ.อาวุธปืน ซึ่งมีแนวคิดที่จะบีบถึงขนาดห้ามนำเข้ากล้องเล็ง หรือ ต้องขออนุญาตนำเข้า ให้มีและใช้ (โดยการแก้กม.)
ในประเด็นนี้ กลุ่มร้านปืนก็ชี้แจ้งไปหลายประเด็น
1. กล้องเล็งไม่ใช่สินค้าต้องห้ามในหลายประเทศ อาทิเช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา และ ตัวกล้องเล็งเป็นเพียงอุปกรณ์ช่วยเล็งทำให้สามารถมองเห็นเป้าหมายได้ มีกล้องเล็งแต่ไม่มีปืนก็ไร้ประโยชน์เอาไว้มองได้เฉยๆ ซึ่งปืนเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมอยู่แล้ว กล้องเล็งจึงไม่จำเป็นต้องควบคุมเพิ่ม
2. กล้องเล็ง ในสหรัฐอเมริกา ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ
1. กล้องเล็งในเชิงพาณิชย์ (ยิงเป้า ล่าสัตว์) ซึ่งในอเมริกาไม่มีการควบคุมในการซื้อขาย
2. กล้องเล็งทางทหาร (military spec.) ถูกควบคุมในการซื้อขาย และ การส่งออกต้องได้รับอนุญาตจาก U.S. department of State เท่านั้น
ซึ่งกล้องเล็งทางทหารถูกควบคุมอยู่แล้ว
3. กล้องเล็งที่ขายในตลาดทั่วไปในเมืองไทย เป็นกล้องเล็งราคาถูก ประมาณ 3000 บาท ซึ่งใช้กับปืนยาวขนาด .22 LR และมีกำลังขยาย 3x9 เป็นส่วนใหญ่ คุณภาพธรรมดา ติดปืนไรเฟิลชนวนกลางไม่ได้ หรือ ถึงติดได้ก็ไม่ดี
4. กล้องเล็งจากจีน ที่ขายตามตลาดนัดทั่วประเทศ ราคาถูก แล้วจนท.จะสามารถตรวจสอบได้อย่างไร
5. กม.ไม่ได้ควบคุม ถ้าเป็นการขอความร่วมมือเฉยๆก็ทำได้ แต่หากจะบังคับคงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุม และ ถ้าออกกม.เพื่อควบคุม น่าจะสร้างความเดือดร้อนมากกว่า
ทหารทำไมถึงเข้ามายุ่งเรื่องกล้องเล็ง ผมไม่ทราบและไม่มีข้อมูลจริงๆครับ สิ่งที่ผมบอกเป็นสิ่งได้จนท.แจ้งให้ในที่ประชุมทราบเท่านั้นครับ
ซึ่งในทั้ง 2 ประเด็น ฝ่ายร้านค้าไม่เห็นด้วยที่จะจำกัดการนำเข้า หรือ การให้มีและใช้ แต่ฝ่ายร้านปืนก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ ทำได้เพื่อชี้แจ้งอธิบายให้จนท.มีความเข้าใจที่ถูกต้องในข้อเท็จจริงมากขึ้นครับ