http://www.ch7.com/news/news_thailand_detail.aspx?c=2&p=5&d=146615จากภาพข่าวข้างบนครับ
แต่อย่างไรก็ตาม กรรมติดจรวดจริงๆ ครับ
รายละเอียดข่าว
ขณะที่ นายสมบัติ คมนา อายุ 54 ปี หนุ่มใหญ่ สวมหมวกนิรภัย ถืออาวุธปืนเข้าไปยิงใส่ นายชินวัฒน์ ฟองเสงี่ยม หุ้นส่วนเต้นท์รถยนต์มือสอง ริมถนนพหลโยธิน ตำบลเชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กระสุนปืน ถูกที่บริเวณบั้นท้ายนายชินวัฒน์ 1 นัด ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหยิบปืนในสำนักงาน ออกมายิงต่อสู้กับ นายสมบัติ ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนี แต่ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์ สตาร์ทไม่ติด จึงถูกกระสุนปืนล้มลงเสียชีวิต
ตำรวจ ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ระบุว่า นายสมบัติ มีการวางแผนมาอย่างดี ทั้งการแต่งกาย การเตรียมอาวุธปืน และรถเพื่อหลบหนี ส่วนสาเหตุคาดว่ามาจากเรื่องส่วนตัว หรือไม่ก็เรื่องชู้สาว
รายละเอียดเพิ่มเติม จากเดลินิวส์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?categoryID=419&contentID=146502&page=contentคนร้ายบุกยิงพนักงานขายเต็นท์รถมือสอง พลาดท่าจะหลบหนี สตาร์ทรถไม่ติด ถูกเหยื่อวิ่งเข้าออฟฟิตหยิบปืนยิงสวนดับอนาถ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. พ.ต.ท.ชนาธิป ภาโนนัย สารวัตรเวร สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งมีคนถูกยิงบริเวณเต็นท์รถมือสอง ราชากระบะพระอินทร์ ตั้งอยู่เลขที่ 7 หมู่ 8 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หลังรับแจ้งจึงรีบนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอยู่ ริมถนนสายพลโยธินขาเข้ากรุงเทพฝั่ง ตรงข้ามตลาดประตูน้ำพระอินทร์ พบรถ จยย.ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่ ตรวจพบแผ่นป้ายทะเบียน ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะ ระบุหมายเลข ทะเบียน ขจจ-841 พระนครศรีอยุธยา โดยมีศพของนายสมบัติ คมนา อายุ 54 ปี คร่อมรถจยย.อยู่ ในสภาพ ใส่หมวกกันน็อตสีดำ สวมเสื้อเจ๊กเก็ตสีน้ำตาล สวมถุงมือสีน้ำเงินเข้ม สวมกางขายาวสีดำ รองเท้าหนังสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ศีรษะ 1 นัด ไหล่ขวา 1 นัด กลางอก 2 นัด และสีข้างขวา 1 นัด รวม 5 นัด ใกล้กันพบอาวุธปืนของผู้ตาย ขนาด .22 ตกอยู่ตรวจสอบพบว่ากระสุนในลูกโม่ถูกยิงไปแล้ว 6 นัด และพบกระสุนปืนในกระเป๋ากาเกงอีก5 นัด ส่วนผู้ที่ก่อเหตุยืนถืออาวุธปืน ขนาด 9 มม. รอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยอาการตกใจ ทราบชื่อ นายชินวัฒน์ ปองเสงี่ยม อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 7 ต.ลำไทร อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพนักงานขายของเต็นท์รถยนต์มือสอง
นายชินวัฒน์ เปิดเผยว่า ช่วงเกิดเหตุกำลังพาลูกค้าที่มาดูรถ เห็นนายสมบัติ ขี่รถจยย.ย้อนศรเข้ามาจอดที่หน้าเต็นท์รถ พร้อมถืออาวุธปืนตรงเข้ามาหาตน โดยพูดว่ากูจะยิงมึงให้ตาย แล้วคนร้ายได้พยามที่จะใช้อาวุธปืนยิงใส่ ตนจึงวิ่งไปหลบข้างหลังลูกค้าซึ่งมีรูปร่างใหญ่ แต่คนร้ายไม่รามือไยิงเข้าใส่ตนอีก 2 นัด กระสุนถากเข้าที่บริเวณ สะโพกและหลัง จากนั้นนายสมบัติ ได้รีบวิ่งกลับไปที่รถจยย. ที่จอดหน้าร้าน เพื่อขับหลบหนี แต่รถจยย.สตาร์ทไม่ติด ตนจึงได้วิ่ง เข้าไปในออฟฟิต หยิบเอาอาวุธปืน ที่อยู่ในลิ้นชัก ออกมายิงใส่นายสมบัติ ระหว่างนั้นนายสมบัติ ยังยิงสวนออกมาอีกหลายนัด ตนยิงตอบโต้ไปหลายนัดเช่นกัน จนนายสมบัติ ล้มลงเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดวงจรปิดของเต็นท์รถบันทึกภาพไว้ทั้งหมด
ตนเองไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักคนตายมาก่อนเลย และไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใคร จึงไม่ทราบว่าผู้ตายมายิงตนเองเพราะสาเหตุใด ส่วนที่ตนเองยิงใส่คนตายนั้น เพราะป้องกันตัวเท่านั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก หากไม่ยิงเขา เขาก็ยิงผมตาย ซึ่งตนเชื่อว่าที่รอดชีวิตมาได้อาจจะเป็นบารมีเหรียญยันต์หนุนดวง 5 แถว ของอาจารย์ หนูกันภัย ที่ห้อยคอติดตัวเอาไว้ นายชินวัฒน์ กล่าว
พล.ต.ต.อนุรักษ์ กล่าวว่า สอบสวนพบว่านายสมบัติ คนตายมีอาชีพเป็นยามอยู่บริษัทแห่งหนึ่งในซอยดินโดไทย เขต อ.บางปะอิน และมีปัญหาทางการเงินในครอบครัว โดยล่าสุดไปยืมเงินหัวหน้างานมา 10,000 บาท ซึ่ง ยังไม่ทราบว่าสาเหตุที่แน่ชัดที่คนตายมาก่อเหตุยิงนายชินวัฒน์ เพราะสาเหตุใด จะเป็นเรื่องขัดแย้งส่วนตัว หรือรับจ้างมายิง หรือมาก่อเหตุชิงทรัพย์เพราะนายชินวัฒน์ สวมใส่ทองรูปพรรณจำนวนมาก ทางตำรวจต้องขอเวลาในการสอบปากคำและสืบสวนสอบสวนต่อไป ส่วน นายชินวัฒน์ ที่ยิงนายสมบัติตายนั้น เบื้องต้นตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รถจักรยานยนต์ฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ มีเทคนิคพิเศษทางช่างจากโรงงานผลิต คือ หากขาตั้งของรถจักรยายนต์ยังไม่ถูกยกขึ้น จะสตาร์ทรถไม่ติด ซึ่งตรงกับภาพวงจรปิด ที่ผู้เสียชีวิต เมื่อยิงใส่นายชินวัฒน์ พยายามจะหลบหนีแต่สตาร์ทรถไม่ติดเพราะขาตั้งของรถ จยย.ยังไม่ถูกยกขึ้น ทำให้หนีไม่ทันและถูกตามมายิงทันและเกิดการดวนปืนกันริมถนน