เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 10, 2024, 05:18:54 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Hotel Rwanda ท่านใดได้อุทาหรณ์จากเรื่องนี้บ้าง  (อ่าน 3034 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
BIGFISH
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 94
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1174


กระบี่หวั่นไหว คนใช้ไร้คม


« เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 02:55:35 PM »

ได้รับคำแนะนำจากผู้ที่น่านับถือท่านหนึ่ง ให้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์
ท่านใดได้ชมบ้าง ใครขอความกรุณาแสดงความเห็นสั้นๆครับ
บันทึกการเข้า

ดาบของชาติเล่มนี้   คือชีวิตเรา
ถึงจะคมอยู่ดี            ลับไว้
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 03:43:23 PM »



หาก The Killing Field เปรียบเสมือนบันทึกอ้างอิงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา
… Schindler’s List เป็นดั่งจดหมายเหตุการฆ่าล้างชาวยิว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
แล้ว Hotel Rwanda ก็คงเป็นเหมือนบันทึกอีกหน้าหนึ่งของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในประเทศเล็กๆ แห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา ที่มีชื่อว่า “รวันด้า”

ย้อนกลับไปประมาณเกือบ 11 ปี ราวช่วงเดือนเมษายน ปี 1994 ได้เกิดเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ -- ที่รวันดา ชาวฮูตู (ชนเผ่าพื้นเมือง) ได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวทุตซี่ (กลุ่มชนเร่ร่อน) ทำให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากถึง 800,000 คน โดยเมื่อคิดแล้ว เป็นจำนวนมากกว่าชาวยิวที่ตายในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ถึง 3 เท่า! แต่เหตุใดกัน ที่เหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นในปีที่โลกก้าวเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศแล้ว จึงไม่มีคนให้ความสนใจ หรือไม่มีคนรู้จักเลย?

มันเป็นไปได้อย่างไร ที่ทหารสหประชาชาติที่ประจำการอยู่ในรวันด้าจะไม่ลงมือปฏิบัติการใดๆ ทั้งสิ้น
มันเป็นไปได้อย่างไร ที่ผู้คนทั่วโลกจะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้
......คิดๆ แล้วก็น่าสงสารประเทศ Rwanda นะครับ ที่นอกจากจะต้องประสบปัญหาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แล้ว ยังต้องประสบกับอาการเมินเฉยจากคนทั้งโลกอีก

ใน Nobody Knows มันอาจเป็นเพียงชีวิตเด็กสี่ห้าคนที่ถูกสังคมและพ่อแม่ละทิ้ง
แต่ใน Hotel Rwanda มันไม่ใช่แค่นั้น เพราะมันคือชีวิตของคนทั้งเผ่าพันธุ์ ที่กำลังจะถูกฆ่าล้างให้สูญพันธุ์ เพียงเพราะไม่มีใครบนโลกยื่นมือให้ความช่วยเหลือเลย!

ยิ่งพิมพ์ยิ่งเศร้า และยิ่งถ้าคุณได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะยิ่งมากกว่าคำว่า “เศร้าสะเทือนใจ” แน่ๆ ครับ

ใน Hotel Rwanda ผู้กำกับได้เลือกถ่ายทอดเหตุการณ์นองเลือดครั้งสำคัญ ผ่านสถานที่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า “โรงแรม Milles Collines” ณ ที่แห่งนี้ ได้มีวีรบุรุษคนหนึ่งเกิดขึ้น เขาคือ “พอล รูเซซาบากิน่า” (Don Cheadle) ผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมที่จู่ๆ ก็ต้องกลายมาเป็นฮีโร่จำเป็น - เขาต้องร้องขอความช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย, ต้องจ่ายค่าสินบนแก่ตำรวจ ทหารหลายล้านฟรังก์ โดยทั้งหมดที่เขาทำไปนั้น ก็เพื่อให้ชาวทุตซี่นับพันคนในโรงแรมอยู่รอด!

จริงอยู่ที่เหตุการณ์ที่เราเห็นอาจเป็นเพียงแค่เสี้ยวเล็กๆ เสี้ยวหนึ่งของเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่น่าเชื่อว่าหนังจะสามารถทำให้เรารู้สึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดได้เป็นอย่างดี ทั้งหมดทั้งมวล ต้องยกความดีความชอบให้กับ “การแสดงของดารานำ” และ “บทภาพยนตร์”

-- การแสดง
ทั้งดอน ชีเดิล และโซฟี โอโกนีโด สามารถรังสรรค์งานแสดงของพวกเขาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมครับ

หากมีใครบอกผมว่าดอน คือ พอล รูเซซาบากิน่าตัวจริง ผมก็พร้อมที่จะเชื่อ ทั้งนี้เพราะอากัปกริยาของเขาในเรื่อง มันมีเลือดเนื้อของความเป็นคนจริงๆ มีฉากหนึ่งที่ผมประทับใจมากๆ นั่นคือ ตอนที่พอลกลับมาถึงโรงแรมหลังจากที่เขาได้เห็นภาพศพนับร้อย นับพันเกลื่อนบนถนน อาการที่เขาแสดงออกมานั้น มันแสดงให้เราเห็นได้เป็นอย่างดีว่า “อาการใจสลายเป็นอย่างไร!” อารมณ์ของพอลตอนนั้นคงปวดร้าวเป็นอย่างมาก มันคงเป็นภาพหลอนที่จะอยู่ในความทรงจำของเขาไปอีกนานแสนนาน ขนาดผมในฐานะบุคคลที่สามที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ ยังอดใจหายกับสภาพศพเกลื่อนถนนอย่างนั้นไม่ได้เลย

ส่วนโซฟี ในบททาเทียน่านั้น การแสดงของเธอก็ให้ทุกอารมณ์จริงๆ ครับ ทั้งในฐานะของแม่และภรรยา

มีฉากหนึ่ง ตอนที่พอลตัดสินใจไม่ไปยังสถานที่ลี้ภัย และขออยู่กับชาวทุตซี่ที่เหลือ เมื่อทาเทียนาได้ย้อนกลับมายังโรงแรม (เพราะโดนชาวฮูตูซุ่มทำร้าย) แล้วเธอกล่าวว่า “ไอ้คนโกหก” สิ้นสุดคำพูดนั้น อากัปกริยาที่เธอแสดงออกมา ต้องเรียกได้ว่า สุดยอดจริงๆ ครับ มันบ่งบอกทุกอารมณ์ของความรู้สึก ทั้งความโกรธแค้น ระคนไปกับความดีใจที่ได้เจอหน้าสามี ยกนิ้วให้เลย Cheesy

-- บทภาพยนตร์
หลายต่อหลายคน กล่าวว่า “บทภาพยนตร์” คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของหนัง และนี่คืออีกครั้งที่ตอกย้ำให้เห็นว่า หนังจะไม่สามารถดีได้เลย ถ้าหากปราศจากบทภาพยนตร์ที่ดี (แต่ความจริงหนังดี แต่บทห่วยก็มีอยู่เยอะเช่นกัน เอ... ตกลงมันยังไงกันล่ะเนี่ย?)

ภาพยนตร์เรื่องนี้ พยายามเล่าเรื่องให้เป็นธรรมชาติที่สุด, พยายามคงทุกอย่างให้ “จริง” ที่สุด และพยายามดัดแปลงปั้นแต่งเรื่องราว และ “ใช้จริต” ให้น้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น หนังสามารถที่จะยกย่องตัวพอล รูเซซาบากิน่า ว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ แต่หนังก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น หนังเพียงแสดงให้เห็นว่าความจริงแล้ว “เขา” ก็เป็นคนทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น เพราะเราจะเห็นจากที่ในตอนแรก พอลก็คิดแต่จะช่วยเหลือครอบครัวของตนเท่านั้น แต่ในเมื่อสถานการณ์พาไป ก็เลยทำให้เขากลายเป็นฮีโร่แบบไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าทุกคนสามารถที่จะเป็นฮีโร่แบบพอลได้ เพราะพอลมีส่วนหนึ่งที่ต่างจากคนทั่วไป นั่นคือ นอกจากเขาจะมีเมตตาแล้วเขายังมีกรุณาอีกด้วย – ไม่ใช่เพียงแค่สงสาร แต่เขายังลงมือปฏิบัติให้เห็นจริง นั่นแหละ สิ่งที่แตกต่าง....

อีกทั้งหนังยังไม่พยายามยัดเยียดภาพอันโหดร้ายทารุณ เพียงเพื่อความสาแก่ใจของคนดูบางคนเท่านั้น เพราะเราจะเห็นว่าในหนังไม่มีภาพการฆ่าอย่างจะๆ เลย (นั่นเป็นความตั้งใจของผู้กำกับและทำให้หนังได้เรต PG-13) แต่สิ่งที่เราได้รับมันกลับมากยิ่งกว่าภาพอันสยดสยองเหล่านั้นเสียอีก

จาก “เสียงบอกเล่า” ของเจ้าหน้าที่กาชาด มันทำให้เราหัวใจเราสลายเป็นชิ้นๆ กับสิ่งที่เธอได้ประสบ – เธอถูกบังคับให้มองเห็นภาพการสังหารอันโหดร้าย, แค่นี้ก็เพียงพอแก่อาการใจสลายของเราแล้ว!

นอกจากนี้ จากภาพเหตุการณ์ที่พอล ได้พบศพเกลื่อนถนนนั้น มันก็สามารถบ่งบอกให้เราเห็นถึงความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้เป็นอย่างดี มันมีเหตุผลใดหรือ? ที่ทำให้คนเราเกลียดชังกันได้มากถึงเพียงนี้, มากถึงขนาดต้องฆ่าแกงกัน ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันแบบนี้......

สิ่งที่เห็นและเป็นไป น่าจะมีนัยยะอะไรแอบแฝงไว้หลายอย่าง ทั้งคำว่า “เชื้อชาติ” ,“มนุษยธรรม” หรืออะไรอื่นๆ ที่มากกว่านั้น

1. เชื้อชาติที่แตกต่าง?
สิ่งนี้หรือ ที่ทำให้เกิดความโกรธแค้น ชิงชังกัน .....มากถึงขนาดทำให้คนฆ่ากันได้
เพียงเพราะมีเชื้อชาติต่างกัน, รูปพรรณ สัณฐานต่างกัน จึงทำให้มนุษย์สองเผ่านี้อยู่ร่วมกันไม่ได้หรือ?

ในอดีต ฮูตูเป็นเจ้าถิ่น ตามติดมาด้วยเผ่าทุตซี่ที่อพยพมาทีหลัง แต่พอพวกเขาต้องตกเป็นเมืองขึ้นของเบลเยี่ยม เผ่าทุตซี่ที่มาทีหลังกลับได้เป็นใหญ่ จึ่งทำให้ฮูตูซึ่งต่อมาในภายหลังได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง เกิดความแค้นเคืองฝ่ายตรงข้าม ถึงขนาดต้องฆ่าล้างบางเผ่าทุตซี่!

แต่ประเด็นเชื้อชาติที่แตกต่างกันคงไม่ได้มีเพียงฮูตูกับทุตซี่เท่านั้น ในที่นี้ ยังรวมถึงเชื้อชาติอื่นๆ ของคนทั่วโลก กับฮูตูและทุตซี่ด้วย……

เหตุที่อเมริกา, สหประชาชาติ หรือประเทศอื่นๆ ปิดหูปิดตาไม่ยอมช่วยเหลือยุติเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ ก็คงเป็นเพราะ... พวกเขา (รวมถึงเราด้วย) คงเห็นว่า ตนมีเชื้อชาติที่ต่างจากฮูตูและทุตซี่?
พวกเขาคงเห็นว่า เหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้ เป็นเรื่องส่วนตัวของฮูตูและทุตซี่ พวกเขาในฐานะคนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว?
อย่างนั้นหรือ?

หากโลกเรา คิดกันแต่ว่า ต่างเชื้อชาติแล้วไม่ควรให้ความช่วยเหลือกัน, ต่างเชื้อชาติแล้วอยู่ร่วมกันไม่ได้เช่นนี้ -- คำว่า “สันติสุข” ที่ทุกคนใฝ่หา คงไม่มีวันที่จะเกิดขึ้นได้เป็นแน่!

2. มนุษยธรรมที่ขาดหาย?
หลายคนคงเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า -- ขณะที่โลกพัฒนามากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่กลับไม่พัฒนาไปตามกระแสโลก นั่นคือ “จิตใจของมนุษย์” และเรื่องนี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงคำกล่าวนี้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราจะเห็นได้จากหลายๆ ฉาก ทั้งเรื่องของความละโมบ จากการที่ทหารรับสินบนเพียงเพราะต้องการเงิน ซึ่งพอเขาไม่ได้เงิน ทุกอย่างก็จบ, หรือจะเป็นจากการที่คนหลายๆ คนพยายามหนีเอาตัวรอดเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นที่อยู่รอบข้างเลย

มีอยู่ฉากหนึ่งครับ ที่สะเทือนใจผมเป็นอย่างมาก วันนั้นเป็นวันฝนตก เป็นวันที่ชาวทุตซี่ทั้งหลายต้องการความช่วยเหลือ แต่ชาวผิวขาว ผู้ยกย่องตนว่าเป็นผู้มีอารยะอย่างมากเหลือ กลับหลบหนีเอาตัวรอดแต่เพียงฝ่ายเดียว พวกเขาหนีออกจากโรงแรม แล้วทิ้งให้ชาวทุตซี่ผู้น่าสงสารจำนวนหลายร้อยหลายพันไว้อยู่เบื้องหลัง

เมื่อมองดูแล้ว มันช่างน่าเศร้าสะเทือนใจเหลือเกินครับ ถึงความขลาดกลัวของคนขาวเหล่านั้น พวกเขาเป็นถึงทหารหาญ แต่กลับมีใจเท่าปลาซิว เล็กยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่กาชาดหรือบาทหลวงที่เสี่ยงชีวิตไปช่วยเด็กกำพร้าเสียอีก

นี่หรือ อารยะชั้นสูงที่พวกคุณอ้างว่าคุณมี? เพียงแค่ “มนุษยธรรม” เล็กๆ น้อยๆ แก่ผองเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ก็ไม่สามารถมีให้ได้
ดูแล้วก็น่าสมเพชนะครับ กับความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เรา
อยากหัวเราะให้กับความขลาด ความโง่เขลาของคนเราดังๆ จัง!

อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์ฝนตกครั้งนั้น หลายคนก็คงได้แต่หวังว่า “ฟ้าหลังฝน ทุกๆ อย่างมันย่อมจะดีขึ้น” -- แต่แน่ใจหรือว่าคำพูดนี้จะใช้กับชาวรวันด้าได้? ผมไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะครับ เพราะจริงอยู่ ที่ตอนนี้การนองเลือดได้สงบลงแล้ว แต่รู้ไหมว่า ตอนนี้ในหลายๆ ประเทศแถบแอฟริกา (เช่น คองโก) ก็มีเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นอยู่ การนองเลือดยังคงมีอยู่ทั่วไป แม้กระทั่งองค์การสหประชาชาติซึ่งได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อ “ผดุงสันติ” ให้กับชาวโลก ก็คงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ทั้งนี้เพราะอะไรน่ะหรือ?

ก็เพราะเราเห็นว่าแอฟริกา เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ไม่มีค่าอะไรในโลก, เป็นเพียง Exotic Country ที่ไร้อารยธรรม และ “ชีวิต” ของคนเหล่านั้น ก็ไม่มีค่าใดๆ เพียงพอแก่คำว่า “คน” หรอก!

ลองดูจากฉากแรกในหนังก็ได้
ที่ขนาดเหตุการณ์รุนแรงในซาราเจโว อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตั้น ยังสั่งการให้ผู้คนลงไปช่วยเลย
แต่พอมีเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เกิดขึ้นในทวีปไร้อารยะอย่างแอฟริกา ท่านกลับเมินเฉย
นี่มันแฝงนัยยะถึงอะไรกันนะ.....

เฮ่อ.... นี่แหละหนา! มนุษยธรรมที่ขาดหายไป
จะเหลือทิ้งไว้ก็เพียงแค่ “ความขลาดและความเขลา” เท่านั้น!

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เห็นและเป็นไปในภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นได้เพียงบันทึกเล่มเล็กๆ ของเหตุการณ์นี้เท่านั้น แต่อย่างน้อย... ก็ได้แต่หวังว่า พอดูแล้ว ทุกคนอยากจะเป็นคนดีมีมนุษยธรรมอย่างพอลบ้าง
และก็ได้แต่หวังว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะคอยกระตุ้นเตือนเราทุกคน ให้ขุดเอาคำว่า “มนุษยธรรม” ที่มันจมหายไปกับดินออกมาใช้เสียบ้าง
ไม่ใช่แค่ดูจบ แล้วทุกอย่างก็จบตาม…..

เกร็ดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนัง
- ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมทุนสร้างระหว่าง United Kingdom/ Canada/ South Africa/ Italy และจัดฉายครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์โตรอนโต ซึ่งตัวหนังก็ได้รับรางวัลมหาชนจากเทศกาลนี้ไปครอง

- กำกับการแสดงโดย เทอร์รี่ จอร์จ ผลงานในอดีตของเขาได้แก่ เป็นนักเขียนให้กับนิตยสารชั้นแนวหน้าอย่าง Rolling Stone และ The Village Voice , ร่วมเขียนบทกับ Jim Sheridan ในภาพยนตร์เรื่อง In the Name of the Father (93), Boxer (97), งานกำกับชิ้นแรกในปี 96 อย่าง Some Mother’s Son และนี่คือผลงานกำกับชิ้นที่สองของเขา – Hotel Rwanda

- นอกจากจะกำกับการแสดงแล้ว เทอร์รี่ จอร์จยังทำหน้าที่เป็นผู้เขียนบทร่วมกับ Kier Pearson, และเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับ Alex Ho อีกด้วย

- เข้าชิง 3 รางวัลออสการ์ได้แก่ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Don Cheadle), นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (Sophie Okonedo) และรางวัลบทละครดั้งเดิมยอดเยี่ยม ซึ่งแม้จะพลาดทั้งสามสาขา แต่ผมเชื่อมั่นว่า ยังไง ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะยังคงอยู่ในใจของผู้ชมทุกคนแน่นอนครับ Cheesy

อ้างอิงข้อมูลทั้งหมดจาก: หนังสือ Bioscope ฉบับที่ 40 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2548 หน้า 98 – 101
และ http://www.imdb.com ครับ
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
cups
ฉันเกิดในรัชกาลที่ 9
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 98
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 532


ความสวยเราสร้างได้


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 04:02:01 PM »

อิทธิพลของสื่อที่ปลุกระดมให้คนโกรธแค้นกันและฆ่ากันเอง  อีกทั้งความล่าช้าของการเข้ามาจัดการกับความรุนแรงในสังคม จนเป็นเหตุให้เหตุการณ์รุนแรงและรุกรามไปจนควบคุมไม่ได้ ทำให้มีคนต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก
หวังว่าจะไม่เกิดขึ้นในเมืองไทย (ดูจากเหตุการณ์ที่เชียงใหม่แล้วกลัวครับ)
บันทึกการเข้า
deore XT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 06:18:35 PM »

ถ้าไม่มีสติก็มีโอกาสจะถูกปลุกระดมให้เกิดทั้งความคลั่งไคล้และเกลียดชังอย่างสุดโต่งในบางอย่างได้ มักเกิดกับประเทศที่ยังไม่พัฒนา
หรือประเทศที่พัฒนาแล้วแต่ประชาชนบางส่วนยังมีจิตใจเบาโหวงอยู่(เช่นพวกดาวิเดี้ยน)ครับ
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 06:52:45 PM »

พฤติกรรม เหยียดผิว (Racism) มันกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงทั่วโลกไปแล้วดูเถอะครับทุกประเทศที่มีเขตุแดนติดกันจะมีปัญหาแบบนี้
ไม่เว้นแม้แต่ประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาแล้ว
- ชาติของฉันพัฒนากว่าชาติของแก
- ชาติของฉันรวยกว่าชาติของแก
- ชาติของฉันมีการศึกษาดีกว่าชาติของแก
และอีกหลายต่อหลาย....ที่ลงท้ายด้วยคำว่า...ดีกว่าชาติของแก

แม้แต่ชนชาติที่ต่ำต้อยจนไม่คิดว่าจะดูถูกใครในโลกนี้ได้อีกก็ยังไม่วาย....ใกล้ๆเรานี่แหละ

เห็นไม๊.....แม้แต่ผมก็เอากับเขาด้วย

ทำใจครับ...แต่อย่าให้ถึงกับลงมือเข่นฆ่ากันเลย
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 07:05:19 PM »

หนังเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเอาเหล้าให้นายพลขี้เมาไปหมด ให้เก็บไว้กินเองบ้าง  Cheesy
บันทึกการเข้า
boon(เสือไบ)
ความประพฤติบกพร่อง จะทำให้บิดามารดาอับอาย
Hero Member
*****

คะแนน 532
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6011



« ตอบ #6 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2008, 08:53:08 PM »

ผมมีแผ่นDVDหนังเรื่องนี้อยู่ แต่ดูได้ไม่จบเรื่อง
บันทึกการเข้า

If a man says he is not afraid of dying, he is either lying or is a Gurkha
gms
Sr. Member
****

คะแนน 175
ออฟไลน์

กระทู้: 672



« ตอบ #7 เมื่อ: ธันวาคม 07, 2008, 07:33:07 AM »

จะไปซื้อแผ่นมาดูครับ..
บันทึกการเข้า

"หยุดทำร้ายประเทศไทย..หยุดเผด็จการ..หยุดรัฐประหาร"
BIGFISH
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 94
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1174


กระบี่หวั่นไหว คนใช้ไร้คม


« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 08, 2008, 06:19:21 PM »

ขอบคุณคุณ YOD ด้วยความจริงใจครับ

กลับบ้านวันพ่อ เจอพ่อแต่เช้า เล่าว่ามีนายพลคนดัง ไปแถวเกาะล้าน จับประเด็นว่าเกี่ยวกับการทำบุญไถ่บาป จริงเท็จอย่างไรไม่รู้ ที่เกาะพันธมิตรทั้งนั้น

เล่าให้เพื่อนเสื้อเหลืองที่ออกรอบด้วยกันประจำฟัง ความโกรธแค้นยังมีอยู่อย่างเต็มที่ ถึงขั้นหาโอกาสหมายเอาชีวิตกัน เล่าให้ฟังว่าผมไม่ได้รักหรือเกลียดอดีตนายก เพราะไม่ชัด แต่ไม่เห็นด้วยกับการลอบวางระเบิดสังหาร ถ้าจริง วันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไปร่วมชุมนุมกับเสื้อแดง อยากให้กำลังใจคนที่เชื่อในประชาธิปไตย ที่เรียกร้องความเป็นธรรมตามระบบเดิมอย่างสันติ   แต่บรรยากาศเต็มไปด้วยโคลนที่สาดเข้าหากันเพื่อปกป้องฐานเสียงของการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมืองมากกว่า ก็ไม่ได้อะไรนัก

กลับมาอุ้มลูกชายไปให้อาหารปลาบึกหน้าบ้าน ลูกบอกว่าเห็นงูตัวจริง เป็นงูกะปะ ตัวเขื่อง จำต้องละศีลปาณา ฆ่างูไม่ปล่อยไว้ให้เป็นภัย

ผมก็ไปที่นั่นในช่วงบ่าย  เกาะล้าน แต่ไปรับลูกสาวที่ขอไปค้างบ้านเพื่อนที่เกาะ มีบางคนที่รู้จักประมาณว่าทานอาหารไม่คิดเงินกัน คลื่น ลม ค่อนข้างแรงคนเรือลำเดียวกันก็ต้องฟังไต๋เรือ ฟังกัปตัน ในยามวิกฤติ บางสถานการณ์ประชาธิปไตยก็ไม่ใช่คำตอบก็รับได้

ชาวเกาะล้านเขาใช้จักรยาน มอเตอร์ไซด์จัดขบวนแห่ไปรอบๆเกาะ ถวายความจงรักภักดี น่ารักดี

ได้ไปกราบหลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี อีกครั้งที่เรียกสัมมาสติกลับมา

สรุป ครับ
เราชาวไทย ใจพุทธ เป็นมนุษย์ที่มีใจสูง มีปัญญา สร้างอารยะธรรมรวมกันอยู่เป็นสังคม ไม่ควรอย่างยิ่งเลยที่จะต้องเข่นฆ่ากันโดยเฉพาะด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ต้องการให้ชาติบ้านเมืองดีขึ้น ตนเองด้วยใจจริง อยากให้ค่อยๆเกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่เป็นประชาธิปไตย
หากในโลกแห่งความเป็นจริง ที่นี่ หรือที่นั่น รวันดา เราต้องยอมรับว่ามีพวกที่ไม่ใช่มนุษย์ปะปนอยู่กับพวกใจสูงอย่างพวกเราในรูปกายที่คล้ายๆกัน พวกที่นิยมการแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ไม่ว่าจะสีเหลือง สีแดง หรือเขียว นี่แหละคือภัยที่แท้จริงของชาติ บ้านเมือง 

และต้องไม่ประมาท หากต้องรับมือกับพวกอมนุษย์ที่ทำเช่นนั้นได้ 
 
บันทึกการเข้า

ดาบของชาติเล่มนี้   คือชีวิตเรา
ถึงจะคมอยู่ดี            ลับไว้
โทน73 -รักในหลวง-
มือปืนกาวช้าง
Hero Member
*****

คะแนน 586
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8574


« ตอบ #9 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 01:07:32 PM »

เฉพาะตัวหนังบอกอะไรไม่ได้มากครับ  เพราะเวลามีน้อย บทละครเลียนแบบ "ซิลเลอร์ ลิซ" มากกว่า หนังจัดเป็นประเภททุนน้อย  เนื้อหาดี  ดูสนุกพอสมควร  ตัวหนังไม่ได้สื่อถึงต้นเหตุการบ่มเพาะความเกลียดชัง  ....คนดู จึงไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกอะไรตรงจุดนี้ 

แต่ที่จริงแล้วพื้นฐานมันเริ่มตั้งแต่สงครามกลางเมือง ยุค 60  การโหมประชาสัมพันธ์การเกลียดชัง  อย่างต่อเนื่องของสื่อมวลชน

ถ้าพูดถึงการสื่อ ถึงการบ่มเพาะความเกลียดชังระหว่างชนชาติ เชื้อชาติ   น่าจะดู มินิซีรีย์   เรื่อง " ลอดจ์ หลุย  เมาท์ บริทแทน "   จะเห็นภาพชัดกว่า  ช่วง อินเดีย กำลังได้รับเอกราช




บันทึกการเข้า

....ตามล่า...อีตอแหล
USP40
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 08:20:27 PM »

Hotel Rwanda  เป็นเรื่องจริง  พระเอกในเรื่องมีตัวตนจริง
บันทึกการเข้า
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: ธันวาคม 09, 2008, 08:33:52 PM »

...ดูหนังเรื่องนี้ทาง HBO เป็นหนังพอใช้ได้เรื่องนึงครับ แต่จำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว เพราะไม่ประทับใจมากมายครับ
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.135 วินาที กับ 22 คำสั่ง