ยกที่ 2 ครับ
เสียงกลองเพลดังแว่วมาบอกเวลาใกล้เที่ยง พวกเราแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตามที่ตัวเองถนัด ทำกับข้าว ตำส้มตำ กางตาข่ายไล่จับปลาซิว ขุดปูขุดกบเขียดมาเพิ่มเติม พาควายไปกินน้ำที่หนองน้ำซึ่งภารกิจสำคัญ ทั้งนี้ต้องไม่ลืมวัวควายที่ชาวบ้านเขาฝากเลี้ยงเพราะเจ้าของติดธุระเช่น ไปช่วยลงแขก ไปโห่ งานศพ ฯลฯ
การที่อยู่ในสังคมที่พึ่งพาและแบ่งปันงานฝากเลี้ยงจึงเป็นงานที่พวกเรารับด้วยความเต็มใจ เพราะนั่นหมายถึงกับข้าวอร่อย ๆ ที่เจ้าของงานให้คนนำมาส่งให้อีกด้วย
ลงแขกหรือภาษาชาวบ้านเรียกนาวานอาจจะมาจากการวานให้ช่วยทำนา และต่อมาคงใช้ไปกับงานอื่นด้วยเช่นปลูกบ้าน ขุดมัน ฯลฯ นาวานจะมีทั้งแบบไปขอแรงให้ช่วย หรือไปช่วยกันเอง
แบบแรก ตอนเย็นก่อนวันนาวานเจ้าของงานจะไปหาเพื่อนบ้าน นั่งยกมือพนมแล้วกล่าวมาขอนาวานไปทำ....บอกงานที่ทำ พร้อมวันเวลา ผู้ถูกหาก็พนมมือรับแล้วก็พยักหน้าหงึก ๆ ก็เป็นอันเสร็จพิธี พอถึงวันงานเจ้าของงานแค่เตรียมอาหารหรือของที่จำเป็นไว้ และแน่นอนที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือสาโทไหใหญ่ ๆ ซึ่งต้องเตรียมไว้ให้เพียงพอกับแรงงานที่ไปหามา ส่วนผู้ถูกขอแรงก็จะเตรียมอุปกรณ์เครื่องมือไป เช่น เคียว จอบ เสียม ฆ้อน เลื่อย หรือ คราดไถ วัวควาย ตามลักษณะงานที่ถูกขอแรง
แบบหลังเป็นลงแขกแบบเฮโล ซึ่งแบบนี้จะใช้กับเพื่อนฝูงที่สนิทสนมกัน มีบ่อย ๆ โดยเพื่อนที่ทำของตัวเองเสร็จแล้วจะชวนกันไปรุมช่วยเพื่อนที่ยังไม่เสร็จซึ่งอาจเพราะเป็นลูกคนเดียว มีที่นามาก หรือเหตุอื่นๆ...โดยเจ้าของงานไม่รู้ตัว ทุกงานจบด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเจ้าบ้านและแขก ลงท้ายด้วยช่วยกันหามขี้เมาไปส่งบ้าน
การนาวานมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาจนถึงปัจจุบัน และคงจะมีต่อไปอีก จนกว่าความเจริญทางวัตถุจะเข้ามากลืนกินวัฒนธรรมอันดีงามนี้ไป
การลงแขก ที่ผมได้เห็นที่บ้านเกิด เป็นเรื่องที่งดงาม น่าสรรเสริญ แต่ทำไมการลงแขกที่ได้อ่านตามหนังสือพิมพ์มีแต่เรื่องชั่วช้าเลวทราม อัปรีย์จัญไร
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอเล่าเรื่อง ไปโห่ และงานศพ ด้วยก็แล้วกัน
ไปโห่ มันก็คือ การออก"ไล่ราว"นั่นเอง ย้ำ ไล่ราวนะครับ ไม่ใช่"ไล่ลาว" เพราะลาวอย่างผม เมื่อรู้ว่าเธอรังเกียจ ก็จะจากไปในทันที ไม่ต้องให้ใครมาออกปากไล่ให้เมื่อย ...ไม่ง้อและไม่ต้องการให้ใครมาง้อด้วย หุ หุ หุ จำไว้เลยยายอ้วน...
เริ่มจากจากมีชาวบ้านพบร่องรอยสัตว์ป่าแล้วนำข่าวมาบอกกันด้วยวิธีง่ายคือ แบกปืน(แก๊บ)ไปยังจุดหมา เดินผ่านที่ไร่ที่นาใคร ก็จะตะโกน โห่ โห่ ...ห้วยเสือร้องเด้อ คนที่ได้ยินไม่ว่าจะเป็น เด็ก สตรี หญิงครรภ์ หรือวัยชรา ก็จะตะโกนบอกต่อๆกันไปแบบภาษาทหารเค้าเรียกการสื่อคำสั่ง ... ผู้สนใจก็จะหยิบปืนผาหน้าไม้ มีดพร้ากระท้าขวาน ตามเขาไป และงานแบบนี้ พรานมือฉมังอย่างพวกผมมีหรือจะนิ่งเฉย จัดแจงแบ่งกำลังไปร่วมสนธิ อย่างน้อยครึ่งของกำลังที่มี ออกร่วมปฏิบัติการทันที ..
อาจมีคำถามว่า แค่หนังกะติ๊กจะไปทำอะไรได้ คำตอบคือ ไปตีเกาะเคาะไม้ โห่ร้องให้สัตว์ตกใจ วิ่งหนีไปทางพรานปืนที่ดักซุ่มอยู่ นี่กะมังเขาจึงเรียกการไล่ราวนี้ว่า ไปโห่ ...
หากการโห่ครั้งนั้นหมานการแบ่งสรรปันส่วนก็จะเกิดขึ้น โดยพรานผู้ยิงได้ จะได้หัว หนัง ส่วนเนื้อจะได้มากกว่าเพื่อน ในกรณีที่นัดแรกเอาไม่อยู่พรานที่ซ้ำ จะได้เนื้อมากรองลงมาหน่อย ที่เหลือก็เป็นของพรานปืน พรานโห่ ได้ลดหลั่นกันมา การแบ่งเนื้อนั้น เรียกว่าแบ่งพูด
การแบ่ง ก็แบ่งแบบง่าย ๆ โดยการนับจำนวนพรานแต่ละหน่วยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ แล้วตัดไม้ไผ่ผ่าเป็นซี่เล็กๆ เสี้ยมปลายแหลมสำหรับเสียบเนื้อ จากนั้นก็จะหั่นเนื้อทุกส่วนเป็นชิ้นเท่ากับจำนวนคน ไม่เสียบร้อยเป็นพวงแบ่งกันน้อยมากตามหน้าที่
ต่อไปงานศพครับ
เมื่อมีคนในหมู่บ้านตาย คนในบ้านจะลากปืน(แก๊ป)ออกมา ยิงขึ้นฟ้าตูมนึง...อ้อ ขอร้องอย่าให้ผมไปบอกเขา ว่ายิงขึ้นฟ้ามันไม่ดี ยิงลงดินเถอะ...เสียงปืนในหมู่บ้านจะบอกถึงความผิดปติ คนใกล้ก็ตะโกนบอกกันต่อๆไปจนถึงท้องไร่ท้องนา และมาที่บ้านงานอย่างน้อยบ้านละคน คนที่มางานนั้นจะมีของช่วยงานติดมือมาด้วย เช่นข้าวสาร มะละกอ ปลาร้า ฯลฯ เรียกว่า ไปกินทาน งานอวมงคล เป็นงานที่ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ย่อมขาดความพร้อม
ศพจะตั้งอยู่ที่บ้านและสวด 1 คืน นำไปป่าช้าในบ่ายวันต่อไป จากนั้นก็สวดที่บ้านต่ออีก 3 คืน เป็นอันเสร็จพิธี ระหว่างนั้น บ้านงานจะมีคนมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าภาพ หนุ่มสาวได้เจอกัน เซียนพนันมีได้เสีย ประเพณีนี้ เรียกว่า งันเฮือนดี เพื่อนผมหลายคนมีเมียก็เพราะงันเฮือนดีนี่แหละ