ผมว่าใครบางคนทราบข่าวนี้ก่อนพวกเรา...ป่านนี้นั่งเหงื่อออกตู..แล้วหละ

พม่าปลด"ขิ่นยุ้นต์"พ้นนายกฯซ้ำกักตัว
"จักรภพ" แถลงพม่าปลด"ขิ่น ยุ้นต์"พ้นนายกรัฐมนตรี ฐานพัวพันการทุจริต พร้อมทั้งสั่งกักตัวในบ้านพัก ด้านภาคเอกชนห่วงการเปลี่ยนแปลงในพม่า กระทบความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นายจักรภพ เพ็ญแข โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวเพิ่มเติมกรณีที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพม่า ว่า สถานการณ์ล่าสุดเมื่อ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา รัฐบาลไทยรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากนายสุพจน์ ธีระเกาศัลย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำพม่า รายงานให้ รมว.ต่างประเทศทราบ ว่า พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพม่าแล้ว และถูกกักตัวในบ้านพักของตัวเอง และไม่มีข่าวนี้จากสื่อมวลชนของพม่าเลย

นายจักรภพ กล่าวว่า ข่าวที่ออกมามาจากนักการทูต ส่วนคนลงนามคำสั่งปลดและชี้มูลความความผิดของ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ คือพบการทุจริต ทำให้ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ไม่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ จะติดตามความเคลื่อนไหวในพม่าอย่างสงบ ไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบความสัมพันธ์ใดๆที่ได้ลงนามไปแล้ว เพราะคณะนายทหารผู้ปกครองพม่า (เอสพีดีซี) ทำงานร่วมกันและรับรู้เรื่องเป็นองค์คณะในทุกข้อตกลง

“ไทย-พม่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ส่วนการปิดด่านชายแดนนั้นมีการปิดด่าน ตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค. แต่เชื่อว่าพม่าให้ความสำคัญกับการค้าแนวชายแดน คิดว่าพม่าพยายามให้เรื่องนี้สงบโดยเร็ว” นายจักรภพ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายจักรภพ กล่าวว่า ยังไม่ทราบแต่มีข่าวว่า พล.อ.หม่อง เอ ผู้นำลำดับ 2 ในพม่ารองจาก พล.อ.อาวุโส ตาน ฉ่วย ผู้นำอันดับ 1 อาจเกี่ยวข้องการปลด พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า คาดว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ของพม่าน่าจะชื่อ นายโซล วิน ซึ่งน่าจะเป็นคนใกล้ชิดของ พล.อ.หม่องเอ

ส่วนนายอิทธิ ดิษฐบรรจง อธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวถึงการปฏิวัติขึ้นในพม่าว่า ทางเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงย่างกุ้ง ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่ทราบชัดเจนในเหตุการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นได้ติดต่อไปยังคงไทยที่อยู่ที่นั้น ทั้งนักธุรกิจไทย นักท่องเที่ยว และแรงงานไทย โดยทราบว่าทุกอย่างมีความเรียบร้อยดี หากมีปัญหาอะไรสามารถติดต่อกลับมายังสถานทูตได้ทันที สำหรับสถานการณ์ในพม่าตลอดทั้งวันก็ดำเนินไปตามปกติ ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายในประเทศ ทางกระทรวงต่างประเทศไม่อาจจะวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นได้ เนื่องจากข้อมูลยังไม่ชัดเจน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศยังติดตามและรอรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพม่าจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกรุงอย่างใกล้ชิด โดยเช้าวันเดียวกัน (19 ต.ค.) นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางเยือนประเทศคาซัคสถานอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมประชุมว่าด้วยการปฏิสัมพันธ์ และแสวงหามาตรการเสริม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในเอเชีย ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคมนี้

ทางด้านนายเสริมชัย กิตติรัตนไพบูลย์ ประธานหอการค้า จ.เชียงราย กล่าวว่า เหตุการณ์ภายในพม่าทำให้น่าเป็นห่วงเรื่องชายแดนเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องความร่วมมือไทย-พม่า ในหลายๆ เวที เพราะบางความร่วมมือตกลงกันว่าประเทศไทยจะรับซื้อวัตดุดิบในพม่าเพื่อนำมาแปรรูป หากว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงในพม่าอาจทำให้ภาคการผลิตเกษตรในพม่าไม่เกิดขึ้นจนส่งผลกระทบ ซึ่งก็จะเป็นปัญหาสังคมอันเกี่ยวกับคนพม่าที่ต้องเข้ามาหางานทำในประเทศไทยด้วย

ขณะเดียวกันสนธิสัญญาพุกาม ที่ทำให้นานาชาติเชื่อมั่นใจการเข้าไปลงทุนในพม่าก็จะมีปัญหาเพราะนักธุรกิจโดยเฉพาะชาวไทยก็จะไม่มีความมั่นใจในความมั่นคงหากว่าเข้าไปลงทุนในพม่าอย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนดังนั้นจึงต้องติดตามข่าวสารกันต่อไปอย่างใกล้ชิด และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในพม่าก็ถือว่าเป็นเรื่องภายในของพม่าเองแต่ก็อยากให้ความสัมพันธ์ไทย-พม่า ดีเหมือนเดิมและไม่ถึงขั้นต้องมีการเปิดด่านพรมแดนระหว่างกัน

นายเสริมชัยกล่าวอีกว่าสำหรับคณะนักธุรกิจที่เดินทางไปยังจีนตอนใต้ ร่วมกับคณะของเทศบาลนครเชียงรายนั้น มีจำนวน 20 คน โดยคณะของเทศบาลนครเชียงรายมี 70 คน

	ผู้เขียน	หัวข้อ: ผมว่าใครบางคนทราบข่าวนี้ก่อนพวกเรา...ป่านนี้นั่งเหงื่อออกตู..แล้วหละ (อ่าน 5169 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้