หินเหล็กไฟ
ถึงตายไปก็ช่างมัน...ขอให้ชีวิตยังอยู่ก็พอ..
Hero Member
คะแนน 1319
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 12901
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 03:51:23 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
[img]http://i7.tinypic.com/333hiqw.jpg[/img
|
|
|
MK 4
Sr. Member
คะแนน 12
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 503
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 03:59:23 PM » |
|
ผมก็จำได้ลาง ๆ ครับพี่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จริง..ตัวเดียวสำเร็จ
|
|
|
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 219
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8187
รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 04:18:32 PM » |
|
ธิบดี บัวคำศรี/ศูนย์ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทยกับประเทศในเอเชีย ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการวิเคราะห์เหตุการณ์ที่นักศึกษาและประชาชนชาวกัมพูชาชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญไปหลายทาง ที่เชื่อถือกันที่สุดดูจะเป็นแนววิเคราะห์ที่ว่าเหตุการณ์เผาสถานทูตไทยมีที่มาจากการเมืองภายในของกัมพูชา กล่าวคือมีการปลุกกระแสชาตินิยมและความเกลียดชังต่างชาติขึ้นมาในหมู่ชาวกัมพูชา ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งระดับชาติในเดือนกรกฎาคมปีนี้ โดยปกติแล้วฝ่ายค้านมักจะกล่าวโจมตี สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าฝักใฝ่เวียดนาม เพื่อเรียกคะแนนเสียงจากชาวกัมพูชาที่เห็นว่าเวียดนามเป็นผู้ร้าย ดังนั้นหากสมเด็จฮุน เซน และพรรคประชาชนกัมพูชาของท่านจะหาคะแนนจากการใช้ประเด็นทางชาตินิยมบ้าง ก็ต้องเลือกผู้ร้ายตัวใหม่ที่ไม่ใช่เวียดนามขึ้นมา ไทยมีความสัมพันธ์กับกัมพูชามายาวนาน คบกันมานานอย่างนี้ก็จึงมีทั้งความร่วมมือและความขัดแย้ง ทั้งชื่นชอบและเกลียดชัง ทั้งยกย่องและดูถูก จึงอาจเรียกรูปแบบความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย ว่า ความสัมพันธ์แบบทั้งรักทั้งชัง (love & hate relation) เพราะทั้งรักทั้งชังอย่างนี้ บางครั้งกัมพูชาจึงมองเห็นไทยเป็นผู้ร้าย แต่บางคราวก็ว่าเป็นผู้ดี แต่ในบางทีก็เป็นทั้งผู้ดีและผู้ร้ายในเวลาเดียวกัน เปลี่ยนไปมาตามสภาพทางการเมืองทั้งในกัมพูชาและการเมืองระหว่างประเทศ แต่ไทยดูจะไม่ค่อยเห็นว่าตัวถูกมองเป็นผู้ร้าย มิหนำซ้ำยังยกให้เวียดนามซึ่งกัมพูชาสมมติให้เป็นผู้ร้ายร่วม เป็นผู้ร้ายแต่ฝ่ายเดียว แต่เพราะผู้ครองอำนาจตัวจริงของกัมพูชาในทุกวันนี้มีรากเหง้าสัมพันธ์กับเวียดนามอย่างลึกซึ้ง การเลือกไทยเป็นผู้ร้ายจึงทำให้ทุกพรรคการเมืองของกัมพูชาหยิบขึ้นมาประณามได้โดยไม่เข้าตัว และง่ายต่อการที่ประชาชนชาวกัมพูชาจะคล้อยตาม ความเป็นผู้ร้ายของไทยในสายตาของกัมพูชานั้นไม่เป็นสิ่งที่คนไทยรับรู้กัน และมักจะมองกันว่าก่อนกรณีเผาสถานทูตไทยในกรุงพนมเปญนั้น กัมพูชาและไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาโดยตลอด ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นจึงสร้างความรู้สึกหลายหลากให้เกิดขึ้นในหมู่ชาวไทย มีทั้งเคียดแค้นชิงชังซึ่งเห็นได้จากการแสดงออกของประชาชนทั่วไป กับมีทั้งความรู้สึกงุนงงปนตกใจเจือสงสัยแกมน้อยใจคละกันไปดังคำว่า ก็รู้จักกันหมดตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปจนนักการเมืองและขุนทหารน้อยใหญ่ของกัมพูชา ทั้งไทยยังอุตส่าห์ไปสร้างความเจริญและให้ความช่วยเหลือก็ตั้งมาก แล้วทำไมจึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นได้ อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่า เหตุการณ์เผาสถานทูตไทยเป็นเพียงจุดต่ำสุดของความสัมพันธ์ นั่นคือก่อนหน้านั้นกัมพูชาและไทยก็มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกันเรื่อยมา ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้หมายความถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน สั่งห้ามสร้างบ้านทรงไทย กรณีนักศึกษากัมพูชาเรียกร้องดินแดนบางจังหวัดคืนจากไทย หรือข่าวเรื่องกัมพูชาทวงปราสาทสด๊กก๊อกธมและปราสาทตาเมือนธมคืน แต่เป็นปัญหาใหญ่และเร้นตัวลึก และเป็นคำตอบว่าเหตุใดชาวกัมพูชาจึงได้เชื่อข่าวลือ และแสดงความเกลียดชังไทยได้เพียงนั้น ปัญหานี้มีพื้นฐานจากประวัติศาสตร์ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้นในกรอบของความเป็นชาติในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 แล้วถูกสถาปนาให้เป็น 'สำนึกทางประวัติศาสตร์' ของคนในชาติที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ โดยรัฐอาศัยแบบเรียนและสื่ออื่นๆ ตลอดจน 'การเกลี้ยกล่อมทางสังคม' เป็นเครื่องมือ ภาพของไทยในประวัติศาสตร์กัมพูชานั้นเจ้าเล่ห์แสนกล ไม่ตั้งอยู่ในสัตย์สัญญา ดีแต่จะเอาเปรียบกัมพูชาอยู่ร่ำไป สรรพวิทยาการทั้งหลายไทยก็ได้ไปจากกัมพูชา ขณะที่ภาพของกัมพูชาในตำราประวัติศาสตร์และแบบเรียนของไทยนั้นเป็นพวกที่ไม่อยู่ในสัตย์ ไม่รู้สำนึกบุญคุณ มักลอบกัด เหตุการณ์เดียวกันจึงถูกเล่าในประวัติศาสตร์กัมพูชาต่างไปจากประวัติศาสตร์ไทย และมักเป็นแต่ในทางขัดแย้งกันเป็นพื้น และมีเรื่องให้แย้งกันมาแต่สมัยสุโขทัย ดังกรณีเรื่องนายร่วงบุตรนายคงเคราซึ่งต้องส่งส่วยน้ำให้กัมพูชานั้น ข้างไทยเล่าว่านายร่วงเป็นผู้มีปัญญา เอาชะลอมบรรจุน้ำไปถวายพระเจ้ากรุงกัมพูชาได้โดยน้ำไม่รั่ว ทั้งขอมที่ดำดินมาตามล่าก็กลายเป็นหินด้วยอำนาจวาจาสิทธิ์ของนายร่วง ไทยจึงเลิกเป็นเมืองส่วยน้ำกรุงกัมพูชา ต่อมานายร่วงก็ได้เป็นพระร่วงเจ้าครองกรุงสุโขทัย
ขณะที่กัมพูชาเล่าเรื่องเดียวกันนี้ว่า เกิดในครั้งพระเจ้าปทุมสุริยวงศ์ครองกรุงกัมพูชา พระองค์เป็นผู้มีฤทธิ์ มีวาจาสิทธิ์ จึงนายร่วงแม้จะมีฤทธิ์เพียงใดก็ต้องพ่ายแก่พระบารมี แต่ด้วยความเมตตาของพระองค์จึงให้นายร่วงไปตั้งกรุงสุโขทัยเป็นอิสระจากกรุงกัมพูชา ยิ่งประวัติศาสตร์ในสมัยอยุธยาก็ขัดแย้งกันมาก ดังที่ประวัติศาสตร์กัมพูชากล่าวไว้ตอนหนึ่งว่าเมื่อครั้งพระนเรศวรหนีจากการเป็นตัวประกันที่กรุงหงสาวดีกลับมายังกรุงศรีอยุธยานั้น สมเด็จพระเจ้ากรุงหงสาวดีก็โปรดให้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา คราวนั้นสมเด็จพระมหาธรรมราชาก็ให้แต่งทูตไปยังกรุงกัมพูชาเพื่อขอความช่วยเหลือโดยอ้างถึงสัญญาทางพระราชไมตรีที่มีอยู่แต่ก่อน สมเด็จพระสัตถาพระเจ้ากรุงกัมพูชาก็จัดทัพให้สมเด็จพระศรีสุริโยพัณณซึ่งเป็นพระมหาอุปราชนำพล 25,000 คน ยกมาช่วยอยุธยา แต่อยุธยากลับลอบเข้ามาเกณฑ์ผู้คนในแดนกัมพูชาไป 30,000 คน สมทบกับกำลังคนที่เกณฑ์มาได้ 20,000 คน รวมเป็น 50,000 คน แล้วยกไปรบชนะพม่า ขณะเมื่อยกทัพกลับ พระนเรศวรประทับมาในเรือพระที่นั่งทอดพระเนตรเห็นสมเด็จพระศรีสุริโยพัณณซึ่งยกทัพมาช่วยรบประทับห้อยพระบาท ไม่ถวายบังคมก็ทรงพิโรธ โปรดให้ตัดศีรษะเชลยพม่าไปเสียบไว้ที่หัวเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระศรีสุริโยพัณณ สมเด็จพระศรีสุริโยพัณณก็ทรงพิโรธ และออกพระโอษฐ์ว่า "
ที่พระนเรนทรสูร (พระนเรศวร) ให้มาเกณฑ์เอาราษฎรในเขตกรุงกัมพูชาธิบดีไปเข้าในกระบวนทัพของพระองค์นั้น เห็นว่าพระนเรนทรสูรประพฤติผิดสัตย์สัญญา
" สมเด็จพระศรีสุริโยพัณณจึงยกมาช่วยอยุธยาอย่างเจ้าเอกราชที่ได้รับการร้องขอ แต่กลับถูกกระทำอันเป็นการหยามพระเกียรติ ซ้ำอยุธยายังละเมิดทางพระราชไมตรีโดยการเข้ามากวาดต้อนประชาชนในแดนกัมพูชา ข้างไทยเล่าว่าครั้งนั้นสมเด็จพระสัตถา (เอกสารไทยเรียกพระยาละแวก) ซึ่งเพิ่งจะทำไมตรีด้วยอยุธยาทราบข่าวว่ามีศึกพม่ามาติดกรุงศรีอยุธยาก็ให้สมเด็จพระศรีสุริโยพัณณยกพล 15,000 คน มาช่วยอยุธยารับศึกพม่า แต่ทีว่าไทยจะมองว่าฐานะของสมเด็จพระศรีสุริโยพัณณต่ำกว่า การไม่ถวายบังคมจึงเป็นความผิดขั้นอุกฤษฏ์ เหตุการณ์สุดยอดที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของไทยต่อกัมพูชา และเป็นที่จับใจของชาวไทยอย่างยิ่งคือ คราวที่สมเด็จพระนเรศวรยกทัพไปตีกรุงละแวก จับได้สมเด็จพระสัตถาแล้วกุมตัวมากระทำพิธีปฐมกรรม คือตัดศีรษะเอาโลหิตมาชำระพระบาท ประวัติศาสตร์กัมพูชาก็ว่าไทยตีละแวกได้จริง แต่สมเด็จพระสัตถาเสด็จหนีไปได้ พิธีปฐมกรรมจึงไม่ได้เกิดขึ้นจริง โดยความข้อนี้มีหลักฐานของชาวสเปนอยู่ในกัมพูชาในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ยืนยัน ในสมัยรัตนโกสินทร์ แม้ความในหนังสือประวัติศาสตร์กัมพูชาและไทยจะไม่ได้แย้งกันมากมายอย่างสมัยอยุธยา แต่การที่ไทยเข้าไปมีส่วนในกิจการกรุงกัมพูชาซึ่งแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ก็ทำให้ไทยเป็นที่ขัดเคืองของอีกฝ่ายได้ ดังในสมัยสมเด็จพระอุทัยราชาครองกรุงกัมพูชานั้นทรงมีพระทัยนิยมเวียดนาม ขณะที่พระวรราชบิดา คือสมเด็จพระนารายณ์ราชาและพระอนุชาของพระองค์คือ พระองค์สงวน พระองค์อิ่ม และพระองค์ด้วง ฝักใฝ่ไทย
ช่วงสงครามเย็น กัมพูชาตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยถึง 2 หน และยังมีเรื่องกระทบกระทั่งกันอีกหลายคราว อาทิ กรณีพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ที่ไทยบุกไปยึดเอามาตอนก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยถือว่าเป็นดินแดนของไทยมาแต่เดิม เวลานั้นกัมพูชาเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส เล่ากันว่าพระบาทสมเด็จพระศรีสวัสดิ์ทรงเสียพระทัยมาก ถึงกับไม่ทรงตรัสเป็นภาษาฝรั่งเศสอีกเลยจนเสด็จสุรคต แน่นอนว่าแม้จะทรงขัดเคืองฝรั่งเศส แต่พระองค์และประชาชนเขมรก็คงจะเห็นว่าศัตรูที่แท้จริงคือไทย ไม่ใช่ฝรั่งเศส ในกรณีเขาพระวิหารที่เป็นความกันจนถึงขึ้นศาลโลกก็นำความขัดเคืองใจมาสู่กัมพูชาไม่น้อย แม้ว่ากัมพูชาจะชนะคดีก็ตาม ส่วนชาวไทยก็ยังคงคับแค้นใจมาจนทุกวันนี้ด้วยว่าทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหารนั้นอยู่ทางฝั่งไทย แล้วทำไมจึงกลายเป็นของกัมพูชาไปได้ เมื่อมีข่าวดาราสาวไทยกล่าวหาว่ากัมพูชาขโมยนครวัดไปจากไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาคืนให้ไทยนั้นจึงเป็นเรื่องที่ชาวกัมพูชาเกิดความไม่พอใจโดยง่าย เพราะนครวัดนั้นเป็นทั้งสัญลักษณ์ของชาติ เป็นทั้งอนุสาวรีย์ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของประชาชาติกัมพูชา เป็นทั้งความภาคภูมิใจของชาวกัมพูชา แม้ว่าจะเป็นเพียงข่าวลือ แต่เมื่อมาประสมเข้ากับความขัดเคืองใจกันทางประวัติศาสตร์ก็กลายเป็นความเกลียดชังอย่างรุนแรงขึ้นได้ นอกจากนั้น ตัวแบบของไทยสมัยสร้างความเป็นรัฐชาติมาตลอดจนสมัยพัฒนานั้น คือตะวันตกซึ่งเป็นชาติที่มีอารยธรรมในสายตาของชนชั้นนำและรัฐบาลไทย ความคิดความเชื่อ ตลอดจนรูปแบบประเพณีที่เป็นอยู่เดิมจึงเป็นของที่ป่าเถื่อนและไม่มีอารยธรรม จำเป็นต้องปรับเปลี่ยน ผลประการหนึ่งจากการปรับเปลี่ยนก็คือ ชนชั้นนำและรัฐบาลไทยเห็นว่าชาติไทยมีความเจริญทัดเทียมกันกับอารยประเทศ ผลโดยปริยายที่ตามมาอีกประการหนึ่งคือ การเหยียดชาติต่างๆ ที่อยู่โดยรอบว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ซึ่งมีนัยแฝงอีกหลายประการ เช่น ล้าหลัง สกปรก ฯลฯ และชอบที่จะนำตนไปสมาคมชาติมหาอำนาจตะวันตกเสียมากกว่าจะเหลียวแลดูประเทศเพื่อนบ้านด้วยความเข้าใจที่ดี คนไทยจึงไม่เคยรู้ว่ากัมพูชา (รวมทั้งประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ) มองตนเองอย่างไร จึงไม่รู้ว่าการจะแก้ปัญหาวิกฤติความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย ที่ใครๆ ก็พูดกันนักกันหนานั้น ต้องทำอย่างไร เพราะคิดหรือฟังข่าวเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไร เลือดรักชาติก็ฉีดพล่านไปทั่วร่าง แต่การกระทำเช่นนี้ไม่ได้แก้ปัญหาความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย เพราะรากเหง้าของปัญหาอยู่ที่ 'สำนึกทางประวัติศาสตร์' ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะแก้แต่ก็จำเป็นจะต้องเริ่มทำ หากไม่ต้องการให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นอีก และหากประสงค์ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับกัมพูชา สิ่งที่ควรทำจึงพึงชำระตำราและแบบเรียนประวัติศาสตร์ของไทยเสียใหม่โดยเร่งด่วน เริ่มจากทบทวนภาพของกัมพูชาที่ถูกสร้างขึ้นในประวัติศาสตร์ชาติไทย ว่ามีกระบวนการสร้างอย่างไร เป็นไปเพื่อประโยชน์อะไร ของคนกลุ่มไหน อันจะทำให้เราเห็นว่าภาพของความคบไม่ได้ ไม่รู้คุณคน ฯลฯ ของกัมพูชานั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อสนองตอบเป้าประสงค์เฉพาะของชนชั้นปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่เหมาะกับยุคสมัยนั้นหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องอภิปรายต่างหากไป แต่ที่แน่ๆ คือ ภาพเช่นนั้นไม่สนองประโยชน์ในปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บางโพ 5
|
|
|
MK 4
Sr. Member
คะแนน 12
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 503
ชีวิตต้องดำเนินต่อไป
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 04:24:12 PM » |
|
OK ครับนายโจลึกซึ้ง กระจาง แจ่มแจ้งแดงแจ๋
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
จริง..ตัวเดียวสำเร็จ
|
|
|
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 1081
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 20779
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 04:41:18 PM » |
|
...ขอบคุณคุณโจ ประวัติศาสตร์ถูกเขียนเพื่อรับใช้การเมืองปัจจุบัน :
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 219
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8187
รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 04:52:00 PM » |
|
...ขอบคุณคุณโจ ประวัติศาสตร์ถูกเขียนเพื่อรับใช้การเมืองปัจจุบัน : ไม่มีใครเอาของเน่าเข้าบ้านตัวเองหรอกครับ โยนได้ก็โยน ดังที่เป็นข่าว ญี่ปุ่นกับเกาหลีเมื่อไม่นานมานี้ครับ ประวัติศาสตร์เดียวกัน เหตุการณ์เดียวกัน แต่ถูกถ่ายทอดไม่เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บางโพ 5
|
|
|
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 219
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8187
รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 04:53:02 PM » |
|
OK ครับนายโจลึกซึ้ง กระจาง แจ่มแจ้งแดงแจ๋ ผมไม่ได้อธิบายเองครับ ไปลอกเค้ามาครับ อ่านแล้วเข้าใจง่ายดีครับ เห็นถกกันหลายรอบแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บางโพ 5
|
|
|
babor
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:11:22 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป - ปั้น-รักในหลวง
ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร
Hero Member
คะแนน 90
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 4749
..พูดดีก็ดีด้วย พูดร้ายก็ร้ายตอบ...
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:13:57 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โจ ™
สมาชิกลำดับที่: 41
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 219
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 8187
รวมเวลาที่อยู่ในระบบ: 555 วัน 5 ชั่วโมง 55 นาที
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:18:48 PM » |
|
เห็นนะว่าพี่ por-pan เปลี่ยนชื่อเป็น ป-ปั้นตะกี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บางโพ 5
|
|
|
E_mail
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:44:04 PM » |
|
ดูข่าวเมื่อตอนเย็น เห็นว่าทหารเขมรที่ถูกส่งมาตรึงกำลัง เดินข้ามมาขอแบ่งน้ำแข็งจากทหารไทยเราด้วยนี่ครับ :
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป - ปั้น-รักในหลวง
ถ้าท้อเป็นเพียงถ่าน ถ้าผ่านจึงเป็นเพชร
Hero Member
คะแนน 90
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 4749
..พูดดีก็ดีด้วย พูดร้ายก็ร้ายตอบ...
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:44:21 PM » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 17, 2005, 07:03:07 PM โดย ป - ปั้น »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 1081
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 20779
เว็บไซต์
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 06:58:13 PM » |
|
..."อนุญาต" ให้ใช้เป็นภาษาไทยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
คะแนน 3692
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 62457
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 17, 2005, 07:23:59 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Th@mes
Full Member
คะแนน 0
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 290
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2005, 09:44:37 AM » |
|
เอ๊ะ พี่ปู พูดอย่างนี้ เดี๋ยวสหายเราโกรธตาย พวกเธอละอุดมการณ์ เอามือซุกหีบ ใส่สูท เป็นรัฐมนตรีหมดแล้ว เหลือแต่เราเรานี่ อนุสาวรีย์เขายังเอาไปขายสลากเลย 14 ตุลา 16 ถ้ายังนึกออก จะถามว่า ภาพตรงไหนที่ติดตรึงตราใจ มากที่สุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|