เสี่ยขายผ้ากลับบ้านแล้ว เมื่อช่วง 3 ทุ่มวานนี้ (23) ตร.เรียกสอบหาสาเหตุการหายตัว ที่มาของคราบเลือดในรถ เผยเคยหนีออกจากบ้านมาแล้ว เพราะไม่พอใจถูกพ่อบังคับแต่งงาน
วันนี้ (24 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ มีเพียร ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 (ผบก.น.9) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีการหายตัวไปของนายสุทีป สัจจเทพ อายุ 38 ปี ชาวซิกข์ เจ้าของร้านขายผ้าอยู่ในห้างดิโอลด์สยาม ขณะขับรถกลับบ้านย่านฝั่งธนฯ โดยพบรถยนต์ยี่ห้อเลกซัส อาร์เอ็กซ์ 300 สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ศข 1011 กรุงเทพมหานคร จอดดับเครื่องอยู่ที่ปากซอยเพชรเกษม 55 ว่า ล่าสุดเมื่อเวลา 21.00 น.วานนี้ (23 ก.ย.)ทางญาติของนายสุทีปได้แจ้งกับชุดสืบสวนว่านายสุทีปได้เดินทางกลับบ้านแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำเพื่อสอบถามถึงสาเหตุของการหายตัว และที่มาของคราบเลือดที่พบภายในรถ
ผบก.น.9 กล่าวว่า จากการสอบประวัติทราบว่า ก่อนหน้านี้นายสุทีปเคยหลบหนีออกจากบ้านมาแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกบิดาบังคับให้แต่งงานและสร้างเรื่องว่าถูกอุ้ม ซึ่งในครั้งนี้เชื่อว่าการหายตัวไปของนายสุทีปน่าจะมาจากปัญหาส่วนตัว ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับปัญหาความขัดแย้งทางธุรกิจ การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินย่านพาหุรัด ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดขณะนี้ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างสอบปากคำนายสุทีป ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป
"ตอนนี้นายสุทีปยังไม่สามารถให้การอะไรได้มากนักเพราะอยู่ในอาการเครียด ซึ่งได้สั่งการให้จัดกำลังตำรวจคอยดูแลใกล้ชิดตลอด 24 ชม. เกรงว่านายสุทีป จะคิดสั้นทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย "ผบก.น.9 กล่าว
เมื่อถามว่าจะมีการดำเนินคดีกับนายสุทีปหรือไม่ พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถทำได้เพราะนายสุทีปไม่ได้เป็นผู้แจ้งความ ไม่ถือว่าเข้าข่ายแจ้งความเท็จ ส่วนกรณีที่ญาติเป็นคนแจ้งความนั้นก็ต้องใช้หลักคุณธรรมในการดำเนินคดี เนื่องจากขณะเกิดเหตุญาตินายสุทีปต่างอยู่ในอาการตกใจ และไม่รู้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นคงต้องหารือกับผู้บังคับบัญชาอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รองผบช.น.ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อคลี่คลายคดีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่ปรากฏว่าการนัดหมายประชุมดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปเนื่องจากนายสุทีปได้เดินทางกลับบ้านมายังบ้านพักแล้ว
ที่มา:
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9500000112736...แบบนี้แหละครับที่เรียกว่า "โอละพ่อ"