ผมได้ไปหาอ่านตามที่คุณ นินจา บอกมาแล้วครับ เนื้อเรื่องจะใกล้เคียงกันมาก เนื่องจากเป็น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่เวลาหรือชื่อบุคล ผมว่าทางเสธ แดง น่าจะแม่นกว่าผม เพราะตอนนั้น
พ.ศ. 2519 - 2520 ผมอายุ ประมาณ 14 - 15 ปีเองครับ แต่อาจจะรู้มากกว่าอายุ เพราะเราเป็น ไอ้
นักข่าว
ต่อเลยนะครับหลังจากที่ได้อ่านหนังสือของ เสธ.แดง ผมเห็นว่าคล้ายคลึงกัน แต่ผมได้พิมพ์
ใว้ล่วงหน้าแล้ว และเห็นว่าข้อความไม่บิดเบือน และขัดแย้ง ผมจึงใช้บทความเก่าโดยไม่ได้แก้ใข
จึงแจ้งให้ทราบใว้ก่อน เดียวเพื่อนๆเคยอ่านของ เสธ. แดง แล้วมาอ่านของผม หาว่าผมลอก
แบบ

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่วิกฤติมากๆ มีการประท้วงของพี่น้องชาวมุสลิม ว่ามีพลเรือนจำนวน 5 คน
ถูกทหารอุ้มแล้วฆ่า โดยที่ผู้ถูกยกว่าเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ เห็นทหารสังหารพลเรือน แล้วใช้รถ
ยี เอ็ม ซี แล่นทับอีกครั้งหนึ่ง โดยพยานมีการระบุหมายเลขทะเบียนรถได้ถูกต้อง (ภายหลังรัฐบาล
ไทยได้ร่วมตรวจสอบร่วมกับรัฐบาลมาเลเซีย โดยนำรถคันดังกล่าว มาตรวจสอบโดยใช้น้ำยาเคมี
เพื่อตรวจหาร่องรอยคราบเลือด ปรากฏว่าไม่พบ) จึงมีการประท้วงโดยหามโลงศพแห่รอบเมือง(ใน
โลงไม่มีศพเพราะเขาต้องทำพิธีฝังก่อนพระอาทิตย์ตกดิน) หลังจากที่วนแห่รอบเมืองแล้ว ได้ไปตั้ง
หลักประท้วงต่อที่หน้าศาลากลางจังหวัด มีการขึ้นพูดโจมตีทหารและราชการจนถึงเวลากลางคืน
แต่ช่วงนั้นผมจำเวลาไม่ได้ว่าประมาณ กี่ทุ่ม ได้เกิดการระเบิดขึ้นกลางกลุ่มผู้ประท้วง มีหลาย กระ
แสร์ ว่า มีคนขว้างมาจากข้างหลังบ้าง แต่ในส่วนการสอบสวนทางราชการ ให้เหตุผลว่า ได้มีคนร้าย
พยายามขว้างระเบิดให้เข้าไปในห้องหน้ามุขชั้นสอง ซึ่งเป็นห้องทำงานและห้องประชุม ของผู้ว่า
ราชการจังหวัด ซึ่งห้องประชุมดังกล่าว ได้ใช้ผ้าม่านแบบขึงตึงไว้ชั้นหนึ่ง เมื่อลูกระเบิดผ่านกระจก
มาได้ ต้องเจอกับผ้าม่านที่ขึงตึง จึงกระเด้งกลับลงไปสู่เบื้องล่าง ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงกันอยู่
แรงระเบิดส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตคาที่ 5 คน ซึ่งพอดีกับโลงที่แบกมา และมีผู้บาดเจ็บหลายคน กลุ่ม
ผู้ชุมนุมจึงเปลี่ยนที่ชุมนุมใหม่ เป็นที่มัสยิดกลางปัตตานี ช่วงขณะที่มีการประท้วงกันได้มีการปิด
ถนน ยะรัง เวลานั้นได้มี นายทหาร ยศร้อยเอก ซึ่งเป็น ผบ.หมวดยานเกราะ ค่าย อิงคยุทธ ได้กลับ
จากธุระที่จังหวัดยะลา โดยไม่ทราบว่ามีการประท้วงเรื่องทหาร ช่วงขณะที่กำลังขับรถผ่านกลุ่ม
ประท้วง หน้ามัสยิดกลางพอดี กลุ่มผู้ประท้วงได้เห็นชุดเครื่องแบบนายทหารซึ่งแขวนอยู่หลังรถ
เหมือนกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟ กลุ่มผู้ประท้วงจึงฮือเข้าทำร้ายนายทหารผู้นั้น จนถึงกับเสียชีวิต
เท่านั้นยังไม่พอมีการใช้หลาวปักอก แล้วแขวนประจานศพใว้หน้ามัสยิด หลังจากนั้นไม่นาน ข่าว
ทราบไปถึงค่าย อิงคยุทธ ว่าผบ.ยานเกราะ ถูกฆ่าโดยแขวนประจานใว้หน้ามัสยิด เท่านั้นแหละครับ
รถลำเลียงพลแบบ เอ็ม 113 พร้อมปืนกลเต็มอัตราศึก ก็บึ่งมาจากค่าย อิงคยุทธ ระยะทาง
ประมาณ 30 กิโลเมตร ช่วงระหว่างทางคงมีการรายงาน ให้ผู้ใหญ่ทราบตามขั้นตอน ได้มีข้า
ราชการชั้นผู้ใหญ่ กลัวว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรง จึงได้ไปดักขบวนรถดังกล่าวไว้ทันแต่ทหารยังงัยก็
ไม่ยอมจะไปท่าเดียว จึงมีการตกลงกันว่าให้ทำการกู้ศพอย่างเดียวห้ามทำการใดๆรุนแรง หลังจากที่
มีการตกลงกันแล้ว ทหารจึงใช้เอ็ม 113 บุกเข้ากลางกลุ่มผู้ประท้วงโดยใช้ ปืนกล เอ็ม 60 ยิงขึ้นฟ้า
เพื่อเปิดทาง วันนั้นถือว่าเป็นวันโชคดีของกลุ่มผู้ประท้วง ที่ทหารไม่ได้ทำการอะไรรุนแรง แต่ถ้าวัน
นั้น มีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ยิงสวนขึ้นมาสักชุด สองชุด คิดดูครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมยังนึกภาพไม่ออก
เลย หลังจากที่เล่ามาให้ฟังหลายเรื่องแล้ว มีคุณ นินจา ถามมาว่า ทำไมเรื่องมันคล้ายๆกับ หนังสือ
ของ พลตรี กฤติยา (ต้องขอโทษด้วยถ้าเขียนผิด แต่ผมถนัด ชื่อ เสธ.แดง มากกว่า) หรือ เสธ.
แดง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น จะอยู่ ช่วงๆที่ เสธ.แดง สมัยนั้นเป็นรอง ผบ.หมวด ยานเกราะ หรือเป็น
ผบ.หมวดยานเกราะ ก็จำไม่ได้ และจะตรงกับช่วง พลเอก พันลภ ปิ่นมณี เป็น ผบ.พัน ค่าย
อิงคยุทธ ครับ
