คืนวานซืนดูเรื่องฺBenjamin Button
Benjamin Button
19 Feb
2009 คุณจะทำอย่างไรหากชีวิตเริ่มต้นจากวัยชรา และสิ้นสุดลงในวัยเด็ก
ณ วันที่สงครามโลกครั้งที่ 1 ได้จบลง ทารกคนนึงได้ลืมตาดูโลกขึ้น พร้อมๆ กับการสูญเสียชีวิตของมารดาผู้ให้กำเนิด เบนจามินได้ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยสภาวะที่ไม่ปกติทางร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้านั้นดูราวกับคนชราในบั้นปลายของชีวิต
โทมัส บัตตอน ผู้ซึ่งเป็นพ่อของเบนจามิน โศกเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคิดโทษเบนจามินว่า เป็นซาตานที่เกิดมาเพื่อคร่าชีวิตภรรยาของเขาไป โทมัสจึงนำเบนจามินไปทิ้งที่บ้านพักคนชราแห่งหนึ่ง ที่ควีนนี่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลในขณะนั้น ด้วยความสงสารเบนจามิน กอรปกับการที่ตนเองไม่สามารถมีบุตรได้ ควีนนี่จึงรับเบนจามินเป็นลูกเลี้ยงนับแต่นั้นมา
หลายคนคิดว่าชีวิตของเบนจามินคงจะอยู่ได้ไม่นาน อันเนื่องจากสภาพร่างกายที่ผิดปกติของเขา แต่โดยไม่คาดคิด หลายปีผ่านไป เบนจามินเริ่มเติบโตขึ้น โดยที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาด จากผมขาวโพลน ก็เริ่มมีผมดำแซมขึ้นมาบ้าง กระดูกที่เปราะบาง ผิดหนังที่เหี่ยวย่นดังคนชราวัยแปดสิบ ก็ถูกแทนที่ด้วยสภาพร่างกายที่แข็งแรง และสมบูรณ์มากขึ้น
เบนจามินได้พบกับเดซี่ เด็กผู้คนนึงผู้ซึ่งได้กลายเป็นคนรักของเบนจามินในภายหลัง ช่วงที่เขาอยู่บ้านพักคนชรา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นไปเป็นลำดับ โดยที่เดซี่ไม่รังเกียจกับสภาพร่างกายของเบนจามินแม้แต่น้อย จนกระทั่งเบนจามินได้ตัดสินใจออกเดินทางสู่โลกกว้าง ไปเป็นลูกเรือของเรือลากลำหนึ่ง เดซี่ให้เบนจามินสัญญาว่าจะเขียนจดหมายมาหาตนทุกเวลา ในทุกสถานที่ที่เบนจามินท่องเที่ยวไป
เบนจามินท่องเที่ยวไปทั่วโลก จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองจบลง พร้อมๆ กับกัปตันเรือที่เบนจามินทำงานด้วยเสียชีวิต เบนจามินได้มีโอกาสกลับบ้านเกิดอีกครั้ง ในครั้งนี้เอง เบนจามินได้พบเจอกับโทมัส บัตตอน (ก่อนหน้านี้โทมัสก็แวะเวียนมาหาเบนจามินบ่อยๆ) โทมัสบอกเบนจามินให้รู้ว่า เขาคือพ่อแท้ๆ ของเบนจามิน พร้อมๆ กับมอบมรดกที่เป็นโรงงานทำกระดุม ให้แก่เบนจามินก่อนที่โทมัสจะเสียชีวิต
ระหว่างนั้นเดซี่ได้กลายเป็นนักเต้นรำที่มีชื่อเสียง และได้บังเอิญมาพบเบนจามินอีกครั้งในขณะที่เดซี่มาเยี่ยมคุณยายที่บ้านคนชรา เดซี่เติบใหญ่เป็นสาววัยยี่สิบต้น ๆ และร่างกายของเบนจามิน ซึ่งในขณะนี้ดูเหมือนชายวัยกลางคน ด้วยความที่เดซี่เป็นสาวรุ่น และความคิดถึงเบนจามินนั้นเอง เดซี่เสนอตัวให้เบนจามิน แต่เบนจามินกลับปฏิเสธเดซี่ ด้วยสาเหตุของความไม่พร้อม
หลายสิ่งหลายอย่างทำให้เบนจามิน กับเดซี่ได้จากกันอีกครั้ง เดซี่ใช้ชีวิตอย่างสาวรุ่น หลังจากเสียใจกับเบนจามิน ที่ไม่ยอมรับตัวเธอในขณะนั้น แต่ลึกๆ ในใจเดซี่นั้นคิดถึงเบนจามินอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นต่อเดซี่จนทำให้เดซี่ไม่สามารถเต้นรำได้อีกต่อไป เบนจามินได้รับข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุของเดซี่จากเพื่อน จึงรีบรุดไปเยี่ยมเดซี่ที่โรงพยาบาล แต่เดซี่ไม่ต้องการให้เบนจามินได้เห็นสภาพร่างกายของเธอนั้นตอนนี้ จึงไล่เบนจามินออกไป แต่ไม่นานนัก หลังจากเดซี่หายดี เดซี่จึงพร้อมมาหาเบนจามินอีกครั้ง ชีวิตคู่ของทั้งสองได้เริ่มต้นขึ้น เบนจามินและเดซี่มีบุตรสาวร่วมกันหนึ่งคน
แม้ว่าเรื่องราวชีวิตคู่จะจบลงโดยที่เบนจามิน จะแยกทางกับเดซี่ ไม่ใช่เนื่องจากชีวิตคู่ล้มเหลว แต่อันเนื่องมาจากความกลัวสภาพร่างกายของเบนจามินเองที่เด็กลงเรื่อยๆ และกังวลว่าตนเองจะเป็นภาระต่อเดซี่ ทำให้เบนจามินตัดสินใจ แยกทางกับเดซี่ โดยเบนจามินก็ไปท่องโลกกว้างอีกครั้ง และก็ให้เดซี่หาสามีใหม่ เพื่อมาเติมเต็มชีวิตครอบครัวให้ลูกสาว(คลาโอไรด์) โดยที่เดซี่เองปกปิดเรื่องราวของเบนจามินไม่ให้คลาโอไรด์ทราบ
เดซี่ได้พบเบนจามินอีกครั้ง แต่ในขณะนี้ความจำของเบนจามินก็แทบจะไม่มีเหลือ อันเนื่องจากร่างกายพัฒนาสู่วัยเยาว์ เบนจามินพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ ร่างกายก็มีขนาดเล็กลงจนกลายเป็นทารกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ แต่ความรักที่เดซี่มีต่อเบนจามินนั้น ทำให้เดซี่อยู่ดูแลเบนจามินจนวาระสุดท้ายของชีวิต
กาลเวลาเดินทางเป็นเส้นตรง
เรื่องราวที่สอดแทรกในเรื่องเบนจามิน มีเรื่องของชายตาบอด ที่สูญเสียลูกชายไปช่วงเวลาแห่งสงคราม ชายคนนี้ได้สร้างนาฬิกาไขลานขนาดใหญ่ที่เดินย้อนกลับ ตั้งอยู่ในสถานีรถไฟ ด้วยความหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปลูกชายจะฟื้นคืนชีวิตกลับคืนมา
แต่อนิจจา
มิติของเวลานั้นเป็นเส้นตรง และเราทุกคนต่างก็อยู่ภายใต้กฏแห่งเวลา หลายชีวิตเริ่มต้นจากวัยเยาว์ และสิ้นสุดที่ความชรา และบางชีวิต ก็เริ่มต้นจากการชราภาพ และสิ้นสุดในวัยเด็ก ดังเช่นเบนจามิน ทุกชีวิตมีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด ไม่มีใครอยู่เหนือกาลาเวลา ถึงแม้ว่าเส้นทางของเวลาจะสวนทางกัน แต่ในที่สุด เราทุกคนก็จะมุ่งตรงสู่จุดจบของชีวิต ซึ่งก็คือความตายอันเป็นสิ่งที่แน่นอน
นาฬิกาไขลานในสถานีรถไฟ ผ่านไปนานวัน ก็ถูกปลดระวางแทนที่ด้วยนาฬิกาดิจิตอล เพื่อรอวันที่จะมีนาฬิการุ่นใหม่ ทันสมัยกว่ามาแทนที่อีกครั้ง ณ จุดหนึ่งของเวลาในอนาคต มนุษย์เกิดขึ้นมาและจากไปมาคนแล้วคนเล่า โดยที่เวลาก็ยังเดินต่อไป
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ในขณะที่เบนจามินท่องโลกกว้างนั้นเอง ก็ได้มีความสัมพันธ์ลับๆ กับหญิงสาวคนหนึ่ง ทั้งคู่ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน โดยในวัยรุ่นเธอได้เล่าว่า เธอเป็นนักว่ายน้ำระดับแนวหน้า ซึ่งเคยตั้งใจจะว่ายน้ำข้ามคลองสุเอซ แต่ในระหว่างพิสูจน์ความตั้งใจของเธอนั้น อีกเพียงแค่สองไมล์จะถึงฝั่ง เธอก็หยุดว่ายน้ำกลางคัน ซึ่งทำให้เธอเสียใจจนมาถึงทุกวันนี้
แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็หายหน้าไปจากชีวิตของเบนจามิน และเบนจามินก็ได้ข่าวเธออีกครั้งในโทรทัศน์ และก็พบว่าเธอกลับไปพิสูจน์ความตั้งใจของเธออีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็ทำได้สำเร็จในวัยกลางคน ถึงแม้ว่าร่างกายจะไม่แข็งแรงเท่าวัยรุ่น แต่เธอก็แสดงให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดเกินความสามารถ ถ้าคนเราทุกคนมีความพยายาม
ทุกชีวิตมีเส้นทางของตนสุดท้ายก็ต้องปล่อยวาง
ทุกชีวิตเกิดมา ก็ดิ้นร้นตามเส้นทางชีวิตของต้นเอง
บ้างก็เกิดมาเป็นหมอ
บ้างก็เกิดมาเพื่อเต้น
บ้างก็เกิดมาเป็นแม่
บ้างก็เกิดมาเป็นสามีที่ดี
ดั่งกัปตันเรือลากที่เบนจามินไปเป็นลูกเรือด้วย กัปตันได้ถูกสบประมาทจากพ่อแต่เด็ก ว่าเป็นเด็กไม่มีความคิดเป็นของตนเอง ถึงแม้จะล้มลุกคลุกคลานบ้าง แม้ไม่ได้รวยล้นฟ้า หรือมีชีวิตที่เลิศเลอ เป็นเพียงแค่กัปตันเรือลาก มีความฝันที่จะเป็นศิลปินวาดภาพไปทั่วทุกแห่งหน ถึงจะทำไม่สำเร็จ แต่เขาก็ใช้ร่างกายตัวเองสักเพื่อเล่าเรื่องราวชีวิต ดั่งศิลปินผู้ไม่ท้อแท้ แต่สุดท้ายเมื่อต้องตายความฝัน เรื่องราวต่างๆ แม้สิ่งที่ตนรักที่สุดก็ยังเอาไปไม่ได้
ทุกเส้นทางมีเรื่องราวแตกต่าง
ทุกเส้นทางมีความฝัน
บางเส้นทางก้าวถึงจุดสูงสุดของชีวิต
บางเส้นทางก็ไม่มีโอกาสแม้จะทำให้ฝันได้เป็นจริง
แต่ท้ายสุด สุดเส้นทางสุดท้ายชีวิตก็ต้องปล่อยวาง
กลับไปยังที่ ที่เราเคยผ่านมา อย่างไม่มีวันกลับ
เครดิต**http://www.atthakorn.com/2009/02/19/benjamin-button/
หนังดูด้วยอารมณ์ฟอร์เรสท์ กัมพ์เลยครับ คนดูหนังเก่งๆอาจบอกว่ายังสู้ไม่ได้ แต่ผมดูด้วยอารมณ์เรื่อยๆ มันละเมียดแบบละเลียดไปเรื่อยๆ ดูจบแล้วก็สบายใจคล้ายๆกันเลย