CANON 550D + 18-55 mm เลนส์คิต วันนี้เข้าร้านวันแรกครับ ราคา 32,900.- เชิญเสียตังค์กันตามอัธยาศัยครับ ฮ่าๆๆ
ราคาแรงดีทีเดียวค่ะ....
ก็คิดซ่ะว่า เปลี่ยน มือถือ ก็สิ้นเรื่อง
" ขายตัวเก่า ซื้อตัวใหม่ "
จะได้มี กล้องใหม่ ๆ ใช้ ไม่ตกรุ่น เหมือนกับ เด็ก วัยรุ่น ไงครับ เปลี่ยนมือถือ บ่อยมาก ปีละหลายเครื่อง
มือถือ ของผม ซื้อมา พร้อม กับหลาน แต่ หลานเปลี่ยนไป 3 - 4 รุ่นแล้ว ผมยังใช้ตัวเดิมอยู่เลย
EOS 550D ตัวนี้ เด่นที่ เซ็นเซอร์ ครับ ถ่ายในแสงต่ำได้ดี โดยที่ Noise ต่ำกว่า EOS 500D มาก ถ้าไม่ถ่ายภาพ ที่ใช้ ISO สูง ๆ ตัวเก่า ก็เหลือ ๆ แล้วครับ
กล้อง DSLR ตอนนี้ แข่งกันเดือด ระหว่าง ค่ายต่าง ๆ ของ ญี่ปุ่น นอกจากเป็นการ แย่ง Market Share กันแล้ว ยังเป็นการ ตีกัน ไม่ให้ ผู้แข่งหน้าใหม่ จาก จีน และ เกาหลีใต้ เข้ามา แบ่งส่วนแบ่ง ตลาดนี้ด้วย ในตัว เพราะ ต้องใช้ ต้นทุนที่สูงมาก และ สินค้าอายุสั้น ไม่สามารถคืนทุนได้ หากคิดจะมาแข่งขันกับ เจ้าตลาด
ข้อได้เปรียบของ บริษัท ญี่ปุ่น คือ ชื่อเสียง กับ ความใว้วางใจใน คุณภาพ หากมี กล้อง DSLR จากจีน และ เกาหลีใต้ เข้ามาแข่งในทุกรุ่น โดย ออก สินค้า ชนกัน แบบ รุ่นต่อรุ่นแล้วหล่ะก็ ต้องใช้เวลา และ เงินทุนอัน มหาศาล ไม่คุ้มทุนแน่นอน
ตัวอย่าง ซัมซุง ที่พยามเข้ามาเปิดตลาด กล้อง DSLR สิ เข้ามาโดยมี พันธมิตร ที่เข้มแข็งอย่าง Pentax โดยอาศัยเทคโนโลยี่ ของ Pentax ยังไม่สามารถ เปิดตลาด DSLR ได้เลย ต้องไปออกแบบ กล้องของตัวเอง ใน เซ็กเม้นท์ ต่างหาก ขนาดซัมซุง เข้าตลาด กล้อง Compact มานานแล้ว โดย สามารถ เจาะตลาดกล้อง Compact ได้ เพราะ จับความต้องการของ ตลาด กล้อง Compact ได้นั่นเอง แต่ ในตลาด กล้อง DSLR ไม่เป็นอย่างนั้น
ความผูกพันระหว่าง ยี่ห้อ หรือ Brand Royalty ของกล้อง DSLR มี สูงมาก และ ชื่อเสียง ที่สะสมมานาน ทำให้ การสร้าง Brand ของ ซัมซุง ต้องใช้เวลา และ ต้นทุนที่สูงกว่า กล้อง Compact มาก จน ไม่คุ้มทุน โดยเฉพาะ การที่ 2 ยี่ห้อ เจ้าตลาด แข่งขันกันดุเดือด ยิ่งทำให้ ผู้ผลิตหน้าใหม่ เข้าสู่ตลาดได้ยากขึ้นไปอีก เพราะ ตลาด กล้อง DSLR นั้น ราคา ไม่ไช่จุดขายเดียว ที่จะทำให้ ผู้ผลิตหน้าใหม่ จะสามารถประสพความสำเร็จได้ในตลาดนี้ หากแต่มี องค์ประกอบที่จะเป็น ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ( Key of success) อยู่มาก และ ที่สำคัญ ต้องใช้เวลานาน หลายปี อาจถึง 10 -20 ปี ในการสร้าง ฐานลูกค้าได้นั่นเอง