เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 03, 2024, 06:15:39 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4 ... 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวข้นคนข่าว_ตีเด็กนักเรียน  (อ่าน 13768 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 9 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 12:51:23 PM »

Ha Ha  ฮา  ยายดูแล้วเสียใจน๊ะคร๊า  ฮา  ยังมี  "ไอ้ถึก"  ประเภทนี้  เหลืออยู่อีก  ฮา

http://www.youtube.com/watch?v=JIm_3TJbMnY&feature=player_embedded#!
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
PU45™
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3692
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 62457



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 01:38:18 PM »

                          คงต้องปล่อยมันไป ...... เด็กไทยขาดระเบียบวินัยถูกครูลงโทษแค่ไม่กี่แปะ ...... ครูคนนั้นก็ซวยไปต้องลาออกหม่นหมอง

                          คนอ่านข่าวก็อ่านเอาใจมวลชนคล้ายส่งเสริมให้เด็กไม่รู้จักวินัย มีเหตุก็อาศัยคนหมู่มากละเมิดกฎฯ  ดูแล้วเห็นเมืองไทยในอนาคต

บันทึกการเข้า

                
jad1911
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 01:43:52 PM »

                          คงต้องปล่อยมันไป ...... เด็กไทยขาดระเบียบวินัยถูกครูลงโทษแค่ไม่กี่แปะ ...... ครูคนนั้นก็ซวยไปต้องลาออกหม่นหมอง

                          คนอ่านข่าวก็อ่านเอาใจมวลชนคล้ายส่งเสริมให้เด็กไม่รู้จักวินัย มีเหตุก็อาศัยคนหมู่มากละเมิดกฎฯ  ดูแล้วเห็นเมืองไทยในอนาคต


ผมว่าเค้ามองเรื่องตีแรงเกินไปนะครับ ทำผิดต้องใด้รับโทษครับ ที่โรงเรียนเก่าผมเค้าลงโทษโดยการตัดผมให้เสียรูปทรง เดินไปไหนอายคนทั้งวัน
บันทึกการเข้า
kinomoto2000
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 19
ออฟไลน์

กระทู้: 118


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 02:01:34 PM »

  เรื่องเด็กทำผิดก็ต้องทำโทษกันไป แต่ถ้าแรงเกินไปก็ต้องไปดูที่ครูด้วยว่าเกินไปหรือเปล่า แต่เด็กรุ่นผมก็เคยโดนไม้เรียวครูมาพอสมควร
เมื่อก่อนครูสอนหนังสือก็สอนกันจริงๆขาดสอนน้อยมาก ดุอบรมก็ทำกันจริง ลงโทษก็ทำกันจริงๆ ที่ว่าเป็นโจก ซ่าๆเงียบกันเป็นแถว
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 02:07:33 PM »

อาจารย์แบบนี้เลวได้ แรงครับ ไล่ออกสถานเดียว ครับ ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 08, 2011, 02:13:56 PM โดย ศักดา. » บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:00:01 PM »

ก้นช้ำเลย ......    ตกใจ

รร.แถวบ้านใช้วิธีเอากรรไกรตัดทรงผมที่ผิดระเบียบให้แหว่งแทนการตีครับ   Cheesy
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
Skydiver_รักในหลวง
คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง
Hero Member
*****

คะแนน 1275
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6249


ไร้สาระโดยสิ้นเชิง


« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:05:41 PM »

รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตีครับ

แต่ในการที่จะทำโทษแต่ล่ะครั้งนั้นต้องทำไปตามเหตุตามผลไม่ใช่ทำไปตามอารมณ์ ไหว้
บันทึกการเข้า

จงยิ้มสู้เมื่อความตายมาเยือน...
coda
None of us is as smart as all of us.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1081
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20779



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:12:57 PM »

...แย่จัง คนนะ ไม่ใช่วัว ไม่ใช่ควาย

...เขาห้ามโบยตีแล้ว ไม่มีปัญญาหาวิธีอื่นมาทำโทษเด็ก แล้วยังโง่ให้เด็กถ่ายคลิปอีก
บันทึกการเข้า

Check your monitor:

https://www.facebook.com/StudioCoda

"ยึดปืนคนดี  อัปรีย์จะครองเมือง"
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:13:29 PM »




การลงโทษมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้หลาบจำ และไม่ทำพฤติกรรมเช่นนั้นอีก โดยต้องการให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางที่ถูกต้องดีงามตามที่สังคม กำหนด แนวคิดของจุดประสงค์ของการลงโทษยังคงเป็นอยู่ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการที่ เปลี่ยนไป แต่จุดประสงค์หลักยังไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นการลงโทษกับประชาชนทั่วไป หรือการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา

วิทยาการด้านการพิจารณาลงโทษได้ พัฒนาไปมาก มีการศึกษาวิจัยถึงระดับปริญญาเอก โดยสาระสำคัญต้องการให้การลงโทษเกิดประโยชน์กับสังคม และปัจเจกบุคคลมากที่สุด จะเห็นได้ว่ามีการปรับเปลี่ยนวิธีการลงโทษจากวิธีที่ใช้การทำร้ายร่างกายและ จิตใจ มาสู่การแก้ไขพฤติกรรม และการจำกัด หรือกักขัง ไม่ให้สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมหรือผู้อื่น

การลงโทษนักเรียนนักศึกษา

แนวคิด ว่าการลงโทษเป็นความจำเป็นในการสร้างคนให้มีคุณภาพ ถึงกับมีคำกล่าวว่า “รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี” และเมื่อเอ่ยถึงคำว่า “ไม้เรียว” เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานระดับสูง หรือ เป็นเพียงพนักงานธรรมดา ๆ ที่เคยผ่านการอบรมบ่มเพาะจากโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษามาอย่างเข้มข้นคงได้เคยสัมผัสและรู้จักรสชาติของไม้เรียว เป็นอย่างดี

ถ้ามองย้อนกลับไปถึงนัยของการทำโทษนักเรียน นักศึกษาในอดีตดูเหมือนจะถูกทำโทษด้วยไม้เรียวกันเป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติ และเมื่อมีงานเลี้ยงรุ่นของบรรดาศิษย์เก่าของโรงเรียนต่าง ๆ ที่มารวมตัวกันต่างนำเรื่องการโดนไม้เรียว หรือการทำโทษต่าง ๆ เช่น เดินเป็ด ขนมจีบ สองเกลี่ยวบิดพุง คาบไม้บรรทัด ขว้างด้วยแปลงลบกระดาน วิ่งรอบสนาม ล้างส้วม ทำงานหนักอื่น ๆ และที่หนักมากที่สุดคือ การเฆียนตีหน้าเสาธง หรือหน้าชั้นเรียน เรื่องการลงโทษและถูกทำโทษด้วยวิธีแปลก ๆ นี้เมื่อเวลาผ่านไป ได้ถูกนำมาพูดกันอย่างสนุกสนาน ยิ่งถ้าครูคนไหนดุ หรือทำโทษบ่อยมาก ๆ ก็จะเป็นที่จดจำของบรรดาลูกศิษย์ ซึ่งอาจเป็นทั้งที่รักและที่เกลี่ยดชังด้วยก็มี การทำโทษด้วยการใช้ไม้เรียว เฆี่ยน ตี หรือ การทำโทษด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่เกิดเป็นความบอบช้ำไม่เฉพาะด้านร่างกายเท่านั้นยังส่งผลต่อจิตใจของผู้ เรียน และผู้ปกครองอีกด้านหนึ่งด้วย

จึงมีคำถามตามมาว่าครูควรจะ ลงโทษแบบไหน ถึงจะเรียกว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม คำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ครูควรมีจิตสำนึกของความเป็นครูอันเป็นพื้นฐานที่แข็งแรง เพราะหากมีการทำโทษด้วยจิตสำนึกดังกล่าวถึงแม้ว่าจะออกมาในรูปแบบของการ เฆี่ยนตี แต่ก็ด้วยความมุ่งหมายที่ต้องการให้ผู้เรียนหลาบจำ ไม่ต้องการให้มีพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของสังคมอีก ปัจจุบันด้วยจิตสำนึกของครู (บางคน) ขาดหายไปจึงเกิดกรณีเป็นข่าวในเรื่อง การทำโทษนักเรียนหรือ นักศึกษาเกินกว่าเหตุ และเมื่อพิจารณาแล้วการทำโทษในบางครั้งแทบจะไม่มีเยื่อใยความผูกพันระหว่าง ความเป็นครูกับศิษย์ ให้เห็นเลย

ระเบียบการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา

ระเบียบ กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 ได้กำหนดวิธีการลงโทษไว้ซึ่งจะนำมากล่าวถึงในประเด็นที่เป็นสาระสำคัญดังนี้

ข้อ 4. ...“การลงโทษ” หมายความว่า การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด โดยมีความมุ่งหมายเพื่อการอบรมสั่งสอน

ข้อ 5 โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิด มี4 สถาน ดังนี้

1.ว่ากล่าวตักเตือน
2.ทำทัณฑ์บน
3.ตัดคะแนนความประพฤติ
4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

ข้อ 6 ห้ามลงโทษนักเรียนและนักศึกษาด้วยวิธีรุนแรง หรือแบบกลั่นแกล้ง หรือลงโทษด้วยความโกรธ หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษด้วย การลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาให้เป็นไปเพื่อเจตนาที่จะแก้นิสัยและความ ประพฤติไม่ดีของนักเรียนหรือนักศึกษาให้รู้สำนึกในความผิด และกลับมาประพฤติตนใตนทางที่ดีต่อไปให้ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือผู้ที่ผู้บริหารโรงเรียนหรือสถานศึกามอบหมายเป็นผู้มีอำนาจในการลงโทษ นักเรียน นักศึกษา

ข้อ 7. การว่ากล่าวตักเตือน ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง

ข้อ 8. การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพ นักเรียนหรือนักศึกษา ตามกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา หรือกรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของสถานศึกษา หรือฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา หรือได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ การทำทัณฑ์บนให้ทำเป็นหนังสือ และเชิญบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาบันทึกรับทราบความผิดและรับรองการทำทัณฑ์บน ไว้ด้วยข้อ

9. การตัดคะแนนความประพฤติ ให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤตินักเรียนและ นักศึกษาของแต่ละสถานศึกษากำหนด และให้ทำบันทึกข้อมูลไว้เป็นหลักฐานข้อ

10 ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ใช้ในกรณีที่นักเรียนและนักศึกษากระทำความผิดที่สมควรต้องปรับเปลี่ยน พฤติกรรม การจัดกิจกรรมให้เป็นไปตามแนวทางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด

ซึ่ง ก่อนหน้าปี 2542 กระทรวงศึกษาธิการมีระเบียบลงโทษนักเรียน ที่อนุญาตให้ครูใช้ไม้เรียวตีนักเรียนได้ หลังจากปี 2542 มีระเบียบลงโทษนักเรียน ห้ามลงโทษนักเรียนโดยการตี และล่าสุดจากระเบียบข้างต้นโดยปรับปรุงระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วย เรื่องการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา ประกาศ ณ วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2548 กำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน คือ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนความประพฤติ และทำกิจกรรมเพื่อปรับพฤติกรรมเท่านั้น นั่นหมายความว่าครูไม่ควรลงโทษนักเรียนและนักศึกษา ด้วยวิธีการอื่นๆ นอกเหนือจาก 4 มาตรการนี้

การลงโทษนักเรียนและนักศึกษาในอุดมคติ

การลงโทษควรเป็นวิธีการสุดท้ายสำหรับครู/อาจารย์ที่จะพึงกระทำต่อผู้เรียน และการทำโทษต้องอยู่บนเจตนาของความต้องการแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เท่านั้น การทำการบ้านผิด ตอบคำถามผิด หรือมีการเรียนที่ล่าช้า ไม่สมควรได้รับการลงโทษด้วยความรุนแรง ในอดีตการทำการบ้านผิด ตอบคำถามผิด หรือการเรียนที่ล่าช้า จะถูกทำโทษจากครู/อาจารย์ อย่างรุนแรงด้วยการเฆียน ตี หรือทำร้ายร่างกายด้วยวิธีการต่าง ๆ การลงโทษที่เหมาะสมในยุคปัจจุบันจึงควรละเว้นการทำร้ายร่างการและจิตใจด้วย วิธีการต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง

ความผิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอันเป็นผลจากกระบวนการเรียนการสอนนั้น ต้องได้รับการแก้ไขด้วยกระบวนการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ที่เหมาะสม ถ้านักเรียนหรือนักศึกษาทำความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนและ สมควรต้องได้รับการลงโทษ ครู/อาจารย์ควรหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบในการแก้ไขพฤติกรรมด้วยการทำร้าย ร่างกายหรือจิตใจ ด้วยประการทั้งปวง เช่น การลงโทษด้วยการเฆี่ยน ตี หรือด่าว่าด้วยถ้อยคำที่กระทบความรู้สึกอย่างรุนแรงครู/อาจารย์ควรให้ผู้ที่ มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการจะดีกว่า เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง หรือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบในการแก้ไขความประพฤติของ เยาวชน หรือคนในสังคม ซึ่งเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจ และมีความชำนาญในกระบวนการและวิธีการลงโทษตามลักษณะของพฤติกรรมที่ควรได้รับ การลงโทษ


เพราะครู/อาจารย์ไม่ได้รับการฝึกอบรมหรือได้รับการสั่งสอน มาให้เป็นผู้พิจารณาโทษและลงโทษผู้เรียนอย่างเป็นระบบ การตัดสินลงโทษของครูจึงมีความผิดพลาดได้ง่าย เพราะครูมักจะใช้อารมณ์ และความรู้สึกของตนเองตัดสินเป็นสำคัญ ยิ่งถ้าครูเป็นผู้เกี่ยวข้องและมีส่วนกับการการทำผิดของผู้เรียนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความเป็นธรรมและความชอบธรรมลดลงมาก

ครูควรหมดหน้าที่ลงโทษผู้เรียนด้วยการทำร้ายร่างกายและจิตใจอีกต่อไป






                                         








โดยกระทรวงศึกษาธิการได้มีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ   ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา  พ.ศ.2515  และ   ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2)  พ.ศ.2522  ซึ่ง   
ออกโดยอาศัยอำนาจของประกาศคณะปฏิวัติ
ฉบับที่  132  กำหนดวิธีการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา ที่ ประพฤติหรือฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับ         ของสถานศึกษา  ให้ลงโทษตั้งแต่  ว่ากล่าวตักเตือน  เฆี่ยน  ทำทัณฑ์บนสั่งพักการเรียน  ให้ออกจนถึง    คัดชื่อออกสำหรับการเฆี่ยน  ให้เฆี่ยนด้วยไม้เรียว  เหลากลม  ผิวเรียบ  เส้นผ่าศูนย์กลาง                     ไม่เกิน  0.7  เซนติเมตร  ที่บริเวณก้นหรือขาอ่อนท่อนบนด้านหลัง  ซึ่งมีเครื่องแต่งกายรับรอง  กำหนด  การเฆี่ยนไม่เกิน  6  ที   การเฆี่ยนต้องทำในที่ไม่เปิดเผย  และในลักษณะเพื่อว่ากล่าวสั่งสอนให้เข็ดหลาบ
          ต่อมาวันที่  1  พฤศจิกายน  2543  กระทรวงศึกษาธิการได้ปรับปรุงระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียน  หรือนักศึกษาใหม่  โดยโทษที่จะลงแก่นักเรียนหรือนักศึกษาที่กระทำความผิดมี  5  สถาน       
1) การว่ากล่าวตักเตือน  2) ทำกิจกรรม  3) ทำทัณฑ์บน  4) พักการเรียน  5) ให้ออก  (ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา  พ.ศ.2543)  และมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงในปี พ.ศ.2548  กำหนดให้มีการลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษาใหม่  คือ 1) ว่ากล่าวตักเตือน     
2) ทำทัณฑ์บน     3) ตัดคะแนนความประพฤติ      4) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
(ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา  พ.ศ.2548)
          ดังนั้น  การลงโทษของครูบาอาจารย์  ที่จะลงโทษแก่นักเรียนหรือนักศึกษา  ต้องเป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา  จะไปลงโทษนอกเหนือจากระเบียบที่กำหนดไว้ไม่ได้  ถือว่าไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายที่จะทำได้
          แต่ก่อนปี พ.ศ.2543  ครู  อาจารย์  สามารถลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่ทำผิดระเบียบได้โดยการเฆี่ยนตี  แต่การที่จะเฆี่ยนหรือตีต้องใช้ไม้เรียวเหลากลม  ผิวเรียบ  เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน  0.7  เซนติเมตร  และต้องตีบริเวณก้นหรือขาอ่อนท่อนบน  ด้านหลัง  ซึ่งมีเครื่องแต่งกายรับรองและให้ตีได้ไม่เกิน  6  ที


แต่ตั้งแต่วันที่  1  พฤศจิกายน  2543  ครูบาอาจารย์จึงไม่สามารถลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา   
โดยการตีหรือเฆี่ยนได้  เพราะขัดระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการที่เป็นระเบียบที่ให้อำนาจลงโทษได้ตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้เท่านั้น  การที่จะลงโทษนอกเหนือจากที่กำหนดไว้  จึงไม่ชอบด้วยระเบียบปฏิบัติของทางราชการ  และไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ดังเช่น  บิดา  มารดาของผู้เยาว์  แต่อย่างใด
          การที่ครูบาอาจารย์  ตีนักเรียนหรือนักศึกษา  จนได้รับอันตรายแก่กายจึงไม่มีกฎหมายยกเว้นความผิดหรือยกเว้นโทษ  ถ้านักเรียนหรือนักศึกษา  รวมทั้งผู้ปกครองมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีก็จะมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ  ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา  295  หรือ  297  ก็ได้  ถ้านักเรียนได้รับบาดเจ็บสาหัส  ซึ่งเป็นความผิดกฎหมายอาญา
          ดังนั้น  สำนวนไทยที่ว่า  “รักวัวให้ผูก  รักลูกให้ตี”  จึงใช้ได้กับบิดา  มารดา  และบุตรเท่านั้น  แต่จะนำมาใช้กับครู  อาจารย์ กับนักเรียน  นักศึกษา  ไม่ได้ครับ  เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้


                                     
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
rute - รักในหลวง
Forgive , But not Forget .
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1960
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 22591


"ผลิดอกงามแตกกิ่งใบ..."


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:29:36 PM »

ตีกันอย่างนี้รุนแรงเกินไปครับ...

ส่วนตัวผมว่าการลงโทษด้วยการตี นั้นสามารถทำได้...

แต่ไม่ควรใช้อุปกรณ์ และใช้ความรุนแรงเกินไปครับ...
บันทึกการเข้า
รักปืน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -68
ออฟไลน์

กระทู้: 1992


« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:43:57 PM »

เห็นภาพแล้ว  น้ำตาใหลเลยนะครับ  ไม่รู้ครูแกไม่มีตังส่งรถ ผ่อนบ้าน หรือว่ามีปัญหาทางจิตหรือเปล่านะครับ

แต่ดูจากในภาพแล้ว แสดงไห้เห็นว่าครูคนนี้เป็นคนเก็บกด โหดร้าย  จริงๆครับ  

สมัยผมเรียนก็เคยเจอครับครูแบบนี้ไม่รู้เป็น เวรเป็นกำอะไร  ตีหนักกว่านี้อีกครับ  แก้ผ้าตีเลยครับ หรือไม่ก็ตีขาหนีบ  ตีจนห่อเลือด ตีจนแตก

มีครั้งนึง ที่ผมเป็นฝีดวงใหญ่มากๆ  ผมยกมือให้วบอกตีตรงอื่นได้ไหม  แกไม่ฟังครับ  ตีเลย ตีจนฝีผมแตก  เยี๋ยวผมก็แตกด้วย ร้องไม่ต้องพูดครับ

ไม่ร้องครับแต่น้ำตาใหล  คือโดนจนจำได้นะครับ   โดนจนชิน   สาเหตุก็มาจากการไม่ชอบเป็นการส่วนตัวนะครับ  (จริงๆครูไม่น่าคิดแบบนี้กับเด็ก)

คือผมไม่ไปรดน้ำผัก วันเสาร์ กับวันอาทิตย์ ไห้ครูนะครับ  ไม่ใช่ของโรงเรียน ไม่ใช่ของนักเรียนนะครับ  เป็นส่วนตัวของครูคนนี้โดยตรงเลย

ส่วนที่ผมไม่ไปก็เพราะผมต้องไปรับจ้างเก็บฝ้าหาเงินมาโรงเรียนนะครับ ตอนเป็นเด็กผมยากจนมากครับ  บางวันไม่มีตังไปกินขนมด้วย

แล้วรถจักยานก็ไม่มี แล้วก็ไกลมากๆครับ  2  กิโลกว่าๆครับ  ออ แล้วแกก็หาเรื่องผมทุกวันครับ  ขอเพียงไห้มีคนแจ้ง  หรือบอก  อย่างเช่น

เอาเสื้อออกนอกกางเกง  อันนี้ใครๆก็อาจจะว่าผมสมควรนะครับ  ไม่ว่าครับ  แต่ กับจากเล่นบอลตอนพัก มันก็ออกกันทุกคนนะครับ  แต่ดัน

เลือกผมไปตีคนเดียว  เสื้อสกปรก ก็เลือกไปตีครับ    ก็บอกว่าผมจนครับ  ไม่มีตังซื้อเสื้อใหม่นะครับ  ใส่กันจนขาดเลยนะครับ ก็ยังใส่มา

แกก็น่าจะเข้าใจผมบ้าง  แต่เรื่องเสื้อผ้าสกปรกนี้โชดดีหน่อยมีเพื่อนโดนหลายคน  แต่ส่วนใหญ่แล้ว ครูคนนี้จะเลือกทำโทษ แต่คนที่ไม่ประจบ เอาใจแกเป็นการส่วนตัวมากกว่าครับ    

ออแกจะใช้วิธีทำโทษผมด้วยการเอานิ้วมือเคาะโต้ะ เคาะปูนนะครับ  ต้องมีเสียงด้วย ต้องดังๆ  ผมเคยถูกลงโทษไห้เคาะมากที่สุด  2,000 ครั้งครับ

สองพันครั้งนะครับ เดี๋ยวหาว่าเขียนผิด             ส่วนเรื่องร้องเรียน  จะกินยังไม่มีจะไปสู้อะไรกับเขาได้  สมัยนั้นคิดแบบนี้ครับ พ่อก็ว่าแบบนี้  แต่ผมจะไม่
ค่อยเล่าพ่อนะครับ   ผมทนได้ครับ  

มาวันนี้ผมมานั่งคิดถึงเรื่องเก่าๆมาวิเคราะว่าอะไรทำไห้ครูคนนั้นเป็นแบบนั้น  ก็เพราะแก ไม่มีแฟนครับ  แกรักครูคนนึงแล้วครูคนนั้นไม่เล่นด้วย  เล่นแต่เล่นฟรีๆนะครับ  แกเป็นคนใจร้าย  เอาแต่ใจตัวเอง  ครูผู้ชายคนนั้นยังอยู่ครับ  ยังสอนในจังหวัดผมอยู่  แต่ครูคนนี้ที่ตีผม ได้ข่าวว่าแก่ถูกยายไปสอนที่อื่นแล้ว ลาออก  ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร   ใจรริงๆ  อยากจะกลับไปถามแกครับ


ว่าอะไรทำไห้แก ทำกับคนคนนึง ที่ไม่มีทางสู้ขนานนั้นได้ยังไง  ใจแกทำด้วยอะไร  ผมเสียใจมากเลยนะครับ ผมเกลียดครูคนนี้มากสุดๆ

ครูคนอื่นๆในโรงเรียนเขารักผมมากครับ ทุกวันนี้แกก็ยังสอนอยู่   คือคุณครูใจดี กับเด็กๆนะครับ ยังอยู่ดี

แล้วทุกวันนี้นักเรียนที่ประจบสอพอครูเกือบทุกคน ก็ไม่เห็นไปไกลแค่ไหนนะครับ ส่วนใหญ่จะไปเป็นลูกจ้างทั่วไป  ขับรถแทกซี่ เป็นเมียน้อยตำรวจ

ต่างนานาๆ  ทั้งๆที่ตอนครูคนนี้ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  เพื่อนผมพวกนี้ จะบอกเป็นหมอ  เป็นทหาร เป็นนักธุรกิจ  มีผมคนเดียวครับ

ที่บอกจะเป็นชาวไร่  เพื่อนหัวเราะกันทั้งห้อง   วันนี้ผมหัวเราะกลับครับ  ตอนนี้ทำงานฟราม ทั้งครอบครัว รายได้ต่อเดือนมากว่านายกรัฐมนตรี

ของประเทศเราอีกนะครับ  (แต่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายนะครับ)   ผมภูมิใจมากครับ

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมจะขับรถไปรดน้ำต้นไม้ไห้ครูคนนี้ทุกวันเลยครับ  

จะไปถามแกว่าใจแกทำด้วยอะไร  แกถึงใจร้ายใส่ระกำ กับเด็กๆนัก   

เด็กจะดีหรือไม่ดี  ไม่ใช่เพราะไม้เรียวครับ  ตีนะตีได้ครับ  แต่คนที่ตีต้องรู้จักตีครับ  ไม่ใช่ตีเพราะความโกรธแค้น  ความเกลียดชัง

 หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน หัวเราะร่าน้ำตาริน
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:55:49 PM »

เหมือนเชือดคอไก่ละมั้งครับ  ครั้งแรกก็ไม่กล้า  พอได้เชือดแล้วสบาย ๆ ......  โดนชก
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 03:58:19 PM »


“ ครูในดวงใจ ”



              หากเราจะนึกถึงใครคนหนึ่งที่นอกจากคุณพ่อ และคุณแม่ของเรา ใครคนหนึ่งที่เขา             คอยดูแลเรา คอย       อบรม และมอบวิชาความรู้ให้กับเรา ใครคนหนึ่งที่ ยอมเหนื่อย เพื่อเรา   โดยที่เขา ไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนใดๆ ใครคนนั้นคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ ครู ” ซึ่งข้าพเจ้าอยากให้เป็น “ คุณครูในดวงใจ ” ของข้าพเจ้าครับ




                  หลายคนได้ให้คำนิยามมากมายที่เกี่ยวกับคำว่า ครู บางคนเปรียบครูเป็นเหมือนกับแสงเทียนที่คอยส่องแสงสว่างไปยังเส้นทางที่ดี บางคนอาจจะเปรียบครูเป็นเหมือนกับเรือลำหนึ่ง ที่จะนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางข้างหน้า ด้วยความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ละคนย่อมที่จะมีความต้องการครูในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ข้าพเจ้าเองก็มีความคิดและความคาดหวังที่อยากจะศึกษากับครูในอุดมคติของข้าพเจ้า เช่นเดียวกัน ซึ่งครูในอุดมคติของข้าพเจ้าจะต้องเป็นครูที่มี จิตใจโอบอ้อมอารี




              สามารถ ให้ความรู้ กับนักเรียนนักศึกษา ได้อย่างเต็มที่ ดูแลเอาใจใส่นักศึกษาและคอยให้คำปรึกษาเวลานักศึกษามีปัญหาและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ สามารถสื่อสารกับนักเรียน นักศึกษาในขณะที่ทำการสอนได้อย่างเข้าใจ มีการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการสอน อยู่เสมอ เปิดโอกาส ให้นักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นมาทำการ ปรับปรุงแก้ไขการสอนของตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครูในอุดมคติของข้าพเจ้าคือ ต้องเป็น ครูที่มีคุณธรรม จริยธรรม และ มีหัวใจของการเป็นครู อย่างเต็มเปี่ยม




เพราะสิ่งนี้จะเป็นหัวใจสำคัญให้แสงเทียน หรือ เรือลำนี้ สามารถ นำพา และช่วย ขัดเกลา นักเรียนนักศึกษา ไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสำเร็จของชีวิตพร้อมที่จะเป็น บุคลากรที่ดีของชาติ ต่อไป





แม้ว่าครูในอุดมคติของข้าพเจ้าจะมีคุณสมบัติมากมาย แต่ข้างในลึก ๆ แล้วข้าพเจ้าก็หวังเพียงว่าครูทุกคนคงจะ เป็นครูที่พร้อมที่จะมอบวิชาความรู้ให้กับตัวข้าพเจ้าและนักศึกษาคนอื่นอย่างเต็มใจ สร้างความประทับใจ ให้กับตัวนักศึกษาได้ มิใช่ทำให้ข้าพเจ้าและนักศึกษาคนอื่นมองครูเป็น แค่เพียง เรือจ้างลำหนึ่ง หรือ เป็นแค่ เปลวเทียนข้างทาง ที่ทำหน้าที่พาเราข้าม ไปสู่จุดหมายแล้วก็ลาจากกันไป โดยที่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งที่น่าจดจำและประทับใจติดตัวไปเลย เมื่อตัวข้าพเจ้าต้องเดินจากครูไป ข้าพเจ้ารักครูทุกคน และ รักมากๆครับ




 





 


 


 



 


      แสดงความคิดเห็น | ส่งเรื่องนี้ให้เพื่อน | แจ้งเตือนเรื่องไม่เหมาะสม
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 04:01:47 PM »

ครูประชาบาล.mp4
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
pasta
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 8119
ออฟไลน์

กระทู้: 6924


ล้นเกล้าเผ่าไทย


« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 08, 2011, 04:05:01 PM »

ครูบนดอย ธารทิพย์ ถาวรศิริ
บันทึกการเข้า

พาสตา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B2

โชคดีเป็นของคนกล้า วาสนาเป็นของคนจริง จงชนะความร้าย ด้วยความดี
หน้า: [1] 2 3 4 ... 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.127 วินาที กับ 21 คำสั่ง